รายงานผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย

ดูรายการผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียที่ Google พบในเว็บไซต์ของคุณ

ดูว่าผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียรายการใดที่ Google พบในเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงดูปัญหาที่ Google พบระหว่างการแยกวิเคราะห์

รายงานผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียสำหรับเว็บไซต์จะแสดงอยู่ในส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพในแผงเมนู โดยมีรายงานแยกต่างหากสำหรับผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียแต่ละประเภท

คุณจะเห็นรายงานผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียสำหรับผลการค้นหาประเภทหนึ่งๆ เฉพาะในกรณีต่อไปนี้

หากคุณใช้งานประเภทที่รองรับและไม่เห็นรายงานนั้นในพร็อพเพอร์ตี้ ให้ดูผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียขาดหายไป

 

เปิด Search Console

 

การตรวจสอบผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียใน Search Console - การฝึกอบรม Google Search Console

 
รายงานผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียที่รองรับ

นอกเหนือจากรายงาน Structured Data ที่แยกวิเคราะห์ไม่ได้ Search Console มีรายงานสําหรับผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียประเภทต่อไปนี้

 

เกี่ยวกับข้อมูล

จํานวนที่อยู่ในรายงานจะนับรายการ ไม่ใช่หน้า หน้าเว็บหนึ่งๆ จะโฮสต์รายการ Structured Data ได้หลายรายการ
รายงานนี้จะครอบคลุมเฉพาะตัวอย่างหน้าเว็บที่จัดทําดัชนีไว้เท่านั้น แม้ว่าจํานวนหน้าตัวอย่างอาจเปลี่ยนแปลงได้เป็นครั้งคราว
Structured Data ในหน้าที่ไม่ได้รับการจัดทําดัชนี (รวมถึงหน้าทางเลือกหรือหน้าที่ซ้ำกัน) จะไม่แสดงและจะไม่รวมไว้ในดัชนีของ Google

คู่มือการใช้งานทั่วไป

แต่ละรายงานแสดงผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียที่เป็นรายการ ไม่ใช่หน้าเว็บ (หน้า 1 หน้าจะโฮสต์รายการ Structured Data อย่างน้อย 1 รายการที่มีประเภทเดียวกันหรือต่างกันก็ได้)

สิ่งที่ควรตรวจสอบ

  • โดยหลักการแล้ว จำนวนข้อผิดพลาดที่ไม่ถูกต้องควรเป็น 0 โดยข้อผิดพลาดทำให้รายการหนึ่งๆ ใช้งานไม่ได้ใน Google หากพบข้อผิดพลาด ให้จัดการตามที่อธิบายไว้ในส่วนการแก้ปัญหาด้านล่าง
  • หากเห็นคําเตือน (จำนวนรายการในตารางปรับปรุงลักษณะที่ปรากฏของรายการมากกว่า 0) คำเตือนเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียของคุณหมดสิทธิ์แสดงใน Google Search พร้อมกับฟีเจอร์พิเศษ แต่อาจทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น แก้ไขข้อบกพร่องตามคำเตือนตามที่อธิบายไว้ในส่วนการแก้ปัญหาด้านล่าง
  • ทำการตรวจสอบจำนวนที่พุ่งสูงขึ้นหรือลดลงโดยไม่คาดคิดตามที่อธิบายไว้ในส่วนการแก้ปัญหาด้านล่าง

 

จัดลําดับความสำคัญและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย

  1. ในหน้าสรุปของรายงานผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย ให้กรองรายการคำเตือนและรายการที่มีผลใช้งานอยู่ออก และให้ความสำคัญกับข้อผิดพลาดก่อน
  2. แก้ไขข้อผิดพลาดตามจำนวนรายการที่ได้รับผลกระทบดังนี้
    1. หากมีการเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันในแผนภูมิข้อผิดพลาด ให้มองหาการเพิ่มขึ้นที่สอดคล้องกันในแถวปัญหาในตาราง
    2. แก้ไขปัญหาในเว็บไซต์ ทดสอบการแก้ไข แล้วตรวจสอบว่าการแก้ไขปรากฏอยู่ในเว็บแล้ว ไปที่การตรวจสอบข้อผิดพลาดและเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมือต่างๆ เพื่อดูและแก้ปัญหารายการ Structured Data
    3. กลับไปที่หน้ารายละเอียดของปัญหาและคลิกปุ่มตรวจสอบการแก้ไขเพื่อเริ่มขั้นตอนการตรวจสอบ ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาหลายวัน และคุณจะได้รับอีเมลแจ้งความคืบหน้า
    4. หากพบว่าอินสแตนซ์ทั้งหมดของปัญหานี้ได้รับการแก้ไขแล้ว (มีการยืนยันการแก้ไข) จำนวนรายการที่ได้รับผลกระทบก็จะเหลือ 0 และสถานะของปัญหาจะได้รับการอัปเดต
  3. แก้ไขข้อผิดพลาดต่อ
  4. เมื่อแก้ไขข้อผิดพลาดทั้งหมดแล้ว ให้นำตัวกรองหาคำเตือนออกและพิจารณาแก้ไขคำเตือน คำเตือนส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับพร็อพเพอร์ตี้ที่ไม่บังคับซึ่งขาดหายไปใน Structured Data การมีข้อมูลเพิ่มเติมในผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น

งานเพิ่มเติม

แก้ไขข้อบกพร่องของผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียที่เจาะจง

 คุณสามารถใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดเกี่ยวกับ Structured Data ได้ดังนี้

  • ในหน้ารายละเอียดข้อผิดพลาด ให้ทำดังนี้
    1. คลิก URL ในตารางเพื่อดูโค้ด Structured Data
    2. คลิกไอคอน "ตรวจสอบ" Search ข้าง URL ในตารางเพื่อเรียกใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL ซึ่งจะแสดงรายละเอียดข้อผิดพลาด ผลการจัดทำดัชนีและผลการทดสอบเวอร์ชันที่ใช้จริง และภาพหน้าจอ
  • ใช้เครื่องมือทดสอบผลการค้นหาที่เป็นสื่อสมบูรณ์เพื่อทดสอบหน้าเว็บหรือเพื่อทดสอบ แก้ไข และทดสอบโค้ดอีกครั้งโดยตรงในเบราว์เซอร์ โปรดส่ง URL ของหน้าเว็บที่จะทดสอบ หรือคัดลอกและวางโค้ดลงในเครื่องมือ เครื่องมือนี้เหมาะสําหรับแก้ไขข้อบกพร่องและแก้ไขโค้ด Structured Data
  • ใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL เพื่อตรวจสอบ URL ที่กำหนดเองในเว็บไซต์ เครื่องมือนี้ยังประเมิน Structured Data ทั้งหมดในหน้าด้วย ทั้งในเวอร์ชันที่มีการจัดทําดัชนีและเวอร์ชันที่เผยแพร่ของหน้า เครื่องมือตรวจสอบ URL เหมาะที่สุดในการดูว่า Google พบและจัดทําดัชนีผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียหรือไม่ และ Google เข้าถึงหน้าเว็บที่มีผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียได้หรือไม่ (ข้อกําหนดในการจัดทําดัชนีผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย)
แก้ปัญหาข้อผิดพลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน

สาเหตุของข้อผิดพลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันที่พบได้บ่อยที่สุดคือ การเพิ่มข้อผิดพลาดไปที่เทมเพลตซึ่งมีหลายหน้าในเว็บไซต์ใช้งานอยู่

ตรวจสอบว่าการเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันที่เกิดจากกลุ่มรายการมีระดับความรุนแรงที่เปลี่ยนไปหรือไม่ โดยทำดังนี้

  1. หากเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ให้มองหาการลดลงที่สัมพันธ์กันในสถานะอื่น (คำเตือนหรือถูกต้อง)
  2. หากพบการลดลงที่สัมพันธ์กัน ให้ตรวจยืนยันว่าการเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและการลดลงนั้นเป็นของ URL เดียวกัน
  3. หากรายการเปลี่ยนจากสถานะหนึ่งเป็นอีกสถานะหนึ่ง ให้ระบุสาเหตุด้วยการเจาะลึกดูรายละเอียดการเพิ่มขึ้นของข้อผิดพลาดอย่างฉับพลัน

แก้ปัญหาเฉพาะเจาะจงด้วยการเจาะลึกเข้าไปในรายการตัวอย่างและตรวจสอบข้อผิดพลาดตามที่อธิบายไว้ก่อนหน้านี้

แก้ปัญหาเกี่ยวกับผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียขาดหายไป/จำนวนรวมของผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียลดลง

สาเหตุที่อาจทำให้ผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียไม่ปรากฏในรายงานมีดังนี้

  • ผลการค้นหาที่เป็นสื่อสมบูรณ์บางประเภทยังไม่ได้รับการรองรับในรายงานนี้ ดูรายการประเภทผลการค้นหาที่เป็นสื่อสมบูรณ์ที่รองรับ
  • ระบบจะแสดงเฉพาะผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียจากหน้าที่จัดทำดัชนีแล้ว ระบบอาจไม่ได้ทำการ Crawl หน้าเว็บบางหน้าในเว็บไซต์ของคุณด้วยเหตุผลต่างๆ สำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่มากๆ คุณอาจเห็นตัวเลขที่ต่างกันมากระหว่างจำนวนหน้าเว็บซึ่งมี Structured Data ในเว็บไซต์กับจำนวนผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียในรายงานนี้ หากพบว่าจำนวนผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียในเว็บไซต์ลดลงอย่างมาก ให้ดูว่าจำนวนหน้าที่จัดทำดัชนีแล้วลดลงอย่างสอดคล้องกันด้วยหรือไม่
  • Google ยังไม่ได้ทำการ Crawl หน้าเว็บ Google อาจใช้เวลาสักระยะหนึ่งเพื่อทำการ Crawl หน้าเว็บใหม่หรือหน้าเว็บที่มีการอัปเดต คุณขอให้ Google ทำการ Crawl URL อีกครั้งได้ คำขอการจัดทำดัชนีจะยังไม่มีผลทันที แต่อาจใช้เวลาถึง 1 สัปดาห์ในการดำเนินการตามคำขอ
  • Google เข้าถึงหน้าเว็บไม่ได้ ใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL เพื่อดูว่า Google เข้าถึงหน้าเว็บได้ไหม
  • Structured Data อาจไม่ถูกต้องจน Google ระบุไม่ได้ว่าเป็นผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย ใช้เครื่องมือทดสอบผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียเพื่อตรวจสอบหน้าเว็บ (ตรวจสอบ URL ของหน้าเว็บที่เผยแพร่อยู่แทนการวางโค้ด Structured Data) หากพบ Structured Data แต่แยกวิเคราะห์ไม่ได้เลย ข้อมูลนั้นควรปรากฏในรายงาน Structured Data ที่แยกวิเคราะห์ไม่ได้
  • อาจยังไม่มีการรองรับผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียที่คุณใช้ในสถานที่ตั้งของคุณ ดูในเอกสารประกอบว่าระบบรองรับประเภทผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียที่คุณใช้ในสถานที่ตั้งของคุณหรือไม่
  • ผลรวมในแผนภูมิอาจข้ามบางหน้าไป รายงานนี้จะครอบคลุมเฉพาะหน้าเว็บที่เป็นตัวอย่างเท่านั้น แม้ว่าจำนวนหน้าตัวอย่างอาจเปลี่ยนแปลงได้เป็นครั้งคราว

 

วิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียจะไม่รวมอยู่ในรายงาน

  1. ใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL เพื่อดูว่าหน้าเว็บจัดทําดัชนีหรือยัง และพบผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียและถูกต้องหรือไม่ หากผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียไม่แสดงในหน้าผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย แสดงว่าหน้าที่มีผลการค้นหาดังกล่าวไม่ได้รับการจัดทําดัชนีหรือมีปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย โดยเครื่องมือตรวจสอบ URL ดังกล่าวจะแสดงเงื่อนไขทั้งสอง
  2. หากปัญหาคือหน้าเว็บไม่ได้รับการจัดทำดัชนี ให้แก้ไขหน้าเว็บและทดสอบโดยใช้การทดสอบเวอร์ชันที่ใช้จริงของเครื่องมือตรวจสอบ URL เมื่อแก้ไขปัญหาแล้ว ให้ส่งคําขอให้จัดทําดัชนีใหม่และรอดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขแล้วหรือไม่
  3. หากปัญหาคือโค้ดผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียไม่ถูกต้อง ให้ใช้การทดสอบผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียในข้อมูลโค้ดเพื่อทดสอบและแก้ไขโค้ด จากนั้นอัปเดตโค้ดในหน้าเว็บ และขอการจัดทำดัชนีอีกครั้งหากต้องการ
รายการข้อผิดพลาดที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Structured Data
ต่อไปนี้คือรายการข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดที่แสดงในรายงานนี้
ข้อผิดพลาด คำอธิบาย
URL ไม่ถูกต้องในพร็อพเพอร์ตี้ "ชื่อพร็อพเพอร์ตี้" URL ในพร็อพเพอร์ตี้ที่ระบุไว้ไม่ถูกต้อง
พร็อพเพอร์ตี้ "ชื่อพร็อพเพอร์ตี้" ขาดหายไป พร็อพเพอร์ตี้ที่จำเป็นขาดหายไป
รูปแบบแคลอรีไม่ถูกต้องในพร็อพเพอร์ตี้ "ชื่อพร็อพเพอร์ตี้" ค่าในพร็อพเพอร์ตี้ Calories ไม่ถูกต้อง
วันที่/เวลาไม่อยู่ในรูปแบบ ISO 8601 ในพร็อพเพอร์ตี้ "ชื่อพร็อพเพอร์ตี้" ค่าวันที่ในพร็อพเพอร์ตี้ที่ระบุไว้ไม่ถูกต้อง วันที่ควรอยู่ในรูปแบบ ISO 8601
ไม่มีค่าในพร็อพเพอร์ตี้ "ชื่อพร็อพเพอร์ตี้" ไม่ได้ใส่ค่าในพร็อพเพอร์ตี้ที่ระบุไว้
ค่าไม่ถูกต้องในพร็อพเพอร์ตี้ "ชื่อพร็อพเพอร์ตี้" ค่าในพร็อพเพอร์ตี้ที่ระบุไว้ไม่ถูกต้อง
ความยาวของสตริงไม่ถูกต้องในพร็อพเพอร์ตี้ "ชื่อพร็อพเพอร์ตี้" ค่าสตริงในพร็อพเพอร์ตี้ที่ระบุไว้ยาวหรือสั้นเกินไป
ประเภทออบเจ็กต์ไม่ถูกต้องสำหรับพร็อพเพอร์ตี้ "ชื่อพร็อพเพอร์ตี้" ประเภทออบเจ็กต์ Structured Data ในพร็อพเพอร์ตี้ที่ระบุไว้ไม่ถูกต้อง
ประเภทค่าไม่ถูกต้องสำหรับพร็อพเพอร์ตี้ "ชื่อพร็อพเพอร์ตี้" ประเภทค่าสำหรับพร็อพเพอร์ตี้ที่ระบุไว้ไม่ถูกต้อง
ไม่รู้จักพร็อพเพอร์ตี้ "ชื่อพร็อพเพอร์ตี้" คุณกำหนดพร็อพเพอร์ตี้ที่ไม่รู้จักใน Structured Data
พร็อพเพอร์ตี้ "ชื่อพร็อพเพอร์ตี้" ซ้ำ คำนิยามของพร็อพเพอร์ตี้ซ้ำกันในออบเจ็กต์เดียวกัน
ควรระบุ "พร็อพเพอร์ตี้ 1" หรือ "พร็อพเพอร์ตี้ 2" คุณต้องระบุพร็อพเพอร์ตี้รายการใดรายการหนึ่งเท่านั้นใน 2 พร็อพเพอร์ตี้นี้
ควรระบุ "พร็อพเพอร์ตี้ 1" "พร็อพเพอร์ตี้ 2" หรือ "พร็อพเพอร์ตี้ 3" คุณต้องระบุพร็อพเพอร์ตี้รายการใดรายการหนึ่งเท่านั้นใน 3 พร็อพเพอร์ตี้นี้
ไม่มีตัวระบุสากล (เช่น gtin, mpn, isbn) คุณต้องระบุพร็อพเพอร์ตี้ตัวระบุสากลต่อไปนี้อย่างน้อย 1 รายการเพื่อใช้ระบุผลิตภัณฑ์ของคุณโดยไม่ซ้ำกัน gtin8, gtin13, gtin14, mpn หรือ isbn
ค่าในพร็อพเพอร์ตี้ "ชื่อพร็อพเพอร์ตี้" ต้องเป็นจำนวนบวก ค่าพร็อพเพอร์ตี้ที่ระบุไว้ต้องเป็นจำนวนบวก
จำนวนเต็มในพร็อพเพอร์ตี้ "พร็อพเพอร์ตี้" ไม่ถูกต้อง ค่าจำนวนเต็มในพร็อพเพอร์ตี้ที่ระบุไว้ไม่ถูกต้อง
รูปแบบราคาในพร็อพเพอร์ตี้ "พร็อพเพอร์ตี้" ไม่ถูกต้อง รูปแบบราคาสำหรับพร็อพเพอร์ตี้ที่ระบุไว้ไม่ถูกต้อง
ค่าความพร้อมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในพร็อพเพอร์ตี้ "ชื่อพร็อพเพอร์ตี้" ไม่ถูกต้อง ค่าในความพร้อมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไม่ถูกต้อง
คุณได้ให้คะแนนรีวิว แทนที่จะให้คะแนนรายการ คุณให้คะแนนรีวิวในคะแนนรวม แทนที่จะให้คะแนนรายการนั้นๆ
ไม่สามารถระบุสเกลการให้คะแนนได้ คุณระบุสเกลการให้คะแนนที่เราไม่เข้าใจ
คะแนนไม่มีค่าที่ดีที่สุดและ/หรือที่แย่ที่สุดซึ่งจำเป็น คะแนนไม่มีค่าที่ดีที่สุดและ/หรือแย่ที่สุด
ค่าคะแนนอยู่นอกช่วง ค่าคะแนนที่ระบุไว้อยู่นอกช่วง
รีวิวมีคะแนนรวมหลายรายการ รีวิวมีคะแนนรวมอยู่หลายรายการ แต่คุณระบุได้เพียงรายการเดียวเท่านั้น
รีวิวหลายรายการไม่มีออบเจ็กต์ aggregateRating คุณใส่รีวิวหลายรายการโดยไม่มีคะแนนรวม
จำนวนอยู่นอกช่วงของพร็อพเพอร์ตี้ "ชื่อพร็อพเพอร์ตี้" พร็อพเพอร์ตี้ที่เป็นตัวเลขอยู่นอกช่วงที่อนุญาต (หรือกำหนดไว้)
ข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ในช่องค้นหาไซต์ลิงก์ มีข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ทั่วไปในคำนิยามของช่องค้นหาไซต์ลิงก์
ไม่มีการกำหนดพารามิเตอร์การค้นหาที่กำหนดเองใน URL เป้าหมาย (ช่องค้นหาไซต์ลิงก์) ค่าการค้นหาที่ไม่ได้กำหนดไว้ในเทมเพลต URL ของไซต์ลิงก์มีสตริงที่เป็นปัญหา
ชื่อพารามิเตอร์การค้นหาที่ไม่ตรงกันใน URL เป้าหมาย (ช่องค้นหาไซต์ลิงก์) ชื่อตัวแปรการค้นหาที่ใช้ใน target แตกต่างจากชื่อตัวแปรที่ใช้ใน query-input ตัวอย่างเช่น คุณอาจได้ดำเนินการดังนี้
"target": "https://query.example.com/search?q={search_term_string}",
"query-input": "required name=my_query"

ชื่อที่ใช้ใน "q" และ "query-input" ควรเหมือนกันดังนี้
"target": "https://query.example.com/search?q={search_term_string}",
"query-input": "required name=search_term_string"
โดเมน URL เป้าหมายอยู่นอกโดเมน URL ของเว็บไซต์

(ช่องค้นหาไซต์ลิงก์) URL ใน target และ url ต้องมีโดเมนรากเดียวกัน ต่อไปนี้คือตัวอย่างของ URL ที่ตรงกันและไม่ตรงกัน

  • http://www.example.com และ http://example.com -- ตรงกัน
  • http://m.example.com และ http://query.example.com - ตรงกัน
  • http://www.example.com และ http://example.fr.co -- ไม่ตรงกัน
  • http://www.example.com และ http://exaample.com -- ไม่ตรงกัน
URL เป้าหมายไม่ถูกต้อง (ช่องค้นหาไซต์ลิงก์) URL ในพร็อพเพอร์ตี้ target ไม่ถูกต้อง
URL เป้าหมายที่ไม่ใช่ HTTP (ช่องค้นหาไซต์ลิงก์) URL ในพร็อพเพอร์ตี้ target ไม่ถูกต้อง จะต้องเป็น http หรือ https
ข้อผิดพลาดในคำนิยามของช่องค้นหาไซต์ลิงก์ (ช่องค้นหาไซต์ลิงก์) มีข้อผิดพลาดในคำนิยามของช่องค้นหาไซต์ลิงก์
ค่า Enum ไม่ถูกต้องในพร็อพเพอร์ตี้ "ชื่อพร็อพเพอร์ตี้" ค่าพร็อพเพอร์ตี้ไม่ตรงกับค่าที่แจกแจงไว้ใดๆ ที่อนุญาต
ข้อผิดพลาดที่ไม่รู้จัก เกิดข้อผิดพลาดที่ไม่อยู่ในหมวดหมู่อื่นๆ ทั้งหมดที่แสดงที่นี่
ค่า @context ไม่ถูกต้องหรือระบบไม่รองรับ

ค่าที่ระบุสำหรับแอตทริบิวต์ @context ในมาร์กอัป JSON-LD สะกดผิด ระบบไม่รองรับ หรือใช้กับองค์ประกอบนั้นไม่ได้ ปัจจุบัน Google รองรับค่าต่อไปนี้เท่านั้น

  • http://schema.org
  • http://schema.googleapis.com
  • http://gs1.org/voc
  • รูปแบบต่างๆ ของ https และเครื่องหมาย / ที่ต่อท้ายค่าก่อนหน้า

Google ไม่รองรับบริบท JSON-LD แบบกําหนดเองที่ประกาศจากระยะไกล เช่น http://example.com/schemas/custom_schema

 

องค์ประกอบในรายงาน

รายงานประกอบด้วยหน้าสรุปและหน้ารายละเอียดดังนี้

  1. หน้าสรุปจะแสดงแผนภูมิของรายการที่ไม่ถูกต้องและถูกต้องที่พบในเว็บไซต์ของคุณตลอดช่วงเวลา ตลอดจนตารางที่จัดกลุ่มตามสถานะและคำอธิบาย หน้าดังกล่าวมีตารางปัญหาร้ายแรงและปัญหาที่ไม่ร้ายแรงที่พบในรายการของคุณ รวมทั้งลิงก์ไปยังลิสต์รายการที่ถูกต้องทั้งหมด
  2. คลิกแถวของตารางในหน้าสรุปเพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับรายการในหมวดหมู่นั้นๆ

หน้าสรุปของรายงาน

ระดับบนสุดของรายงานจะแสดงรายการ Structured Data และปัญหาของประเภทที่ระบุที่พบในเว็บไซต์ของคุณ

กราฟจะติดป้ายกำกับอินสแตนซ์ผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียแต่ละอินสแตนซ์ตามปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดที่ส่งผลกระทบต่ออินสแตนซ์นั้นๆ ดังนั้นรายการที่มีทั้งข้อผิดพลาดและคำเตือนจะมีสถานะเป็น "ข้อผิดพลาด" ในกราฟจะมีการนับอินสแตนซ์หนึ่งๆ เพียงครั้งเดียว

ตาราง:

  • เหตุใดรายการจึงไม่ถูกต้อง: แสดงปัญหาร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อรายการต่างๆ ในเว็บไซต์ ปัญหาเหล่านี้จะทำให้ Google ใช้ Structured Data ไม่ได้ รายการหนึ่งๆ อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาร้ายแรงและปัญหาที่ไม่ร้ายแรงตั้งแต่ 1 ข้อขึ้นไปได้
  • ปรับปรุงลักษณะที่ปรากฏของรายการ: แสดงปัญหาที่ไม่ร้ายแรงซึ่งส่งผลต่อ Structured Data ในเว็บไซต์

รายการที่ถูกต้องจะปรากฏเมื่อคุณคลิกดูข้อมูลเกี่ยวกับรายการที่ถูกต้องใต้แผนภูมิในหน้าสรุป

หากต้องการดูปัญหาทั้งหมดที่ส่งผลต่อรายการ Structured Data รายการเดียว โปรดดูการตรวจสอบข้อผิดพลาด

จำนวนรวมของผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียต่ำ

จำนวนรายการทั้งหมดที่แสดงในกราฟของรายงานอาจต่ำกว่าจำนวนรายการจริงที่ทราบว่ามีในเว็บไซต์ ซึ่งเป็นไปได้ด้วยเหตุผลหลายประการ ดังนั้น จำนวนรายการที่ถูกต้อง + ไม่ถูกต้องอาจต่ำกว่าจำนวนรายการที่ Google ทราบว่ามีอยู่จริงๆ

หากต้องการแน่ใจว่าระบบพบรายการในหน้าเว็บหนึ่งๆ (และจัดทําดัชนี) แล้วหรือไม่ ให้ตรวจสอบหน้านั้นเพื่อดูว่าหน้าได้รับการจัดทําดัชนี และรายการผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียแสดงอยู่ในส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพหรือไม่

เหตุใดจำนวนปัญหาทั้งหมดจึงมากกว่ายอดรวมของรายการที่ถูกต้อง + รายการที่ไม่ถูกต้อง

ค่าของจำนวนรวมต่อปัญหาในตารางอาจมากกว่ายอดรวมของรายการที่ถูกต้อง + รายการที่ไม่ถูกต้องในกราฟ ดูตัวอย่างสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้
  • รายการเดียวที่มีคำเตือนที่แตกต่างกัน 3 รายการจะปรากฏในตาราง 3 ครั้ง (รวม = 3) แต่นับเป็นเพียง 1 รายการ (รวม = 1) ในผลรวมของแท็บคำเตือน
  • รายการที่มีทั้งข้อผิดพลาดและคำเตือน (แถวในตาราง 2 แถว) จะนับเป็นรายการข้อผิดพลาดเพียง 1 รายการในผลรวมของแท็บ (ระบบจะอิงตามสถานะที่รุนแรงที่สุดที่รายการนั้นมี)

หน้ารายละเอียดปัญหา

เลือกแถวปัญหาของตารางในหน้าสรุปเพื่อเปิดหน้าที่แสดงรายละเอียดของปัญหาที่เลือก ปัญหาหนึ่งอาจส่งผลต่อผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียในหน้าเว็บที่ต่างกัน ต่อผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียหลายรายการในหน้าเว็บเดียว หรือต่อผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียรายการเดียวหลายครั้ง

หน้ารายละเอียดของปัญหาจะมีข้อมูลต่อไปนี้

ชื่อปัญหาและลิงก์ความช่วยเหลือ
คำอธิบายสั้นๆ ของปัญหาและลิงก์ดูข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับเอกสารประกอบเกี่ยวกับผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียประเภทนี้ หากต้องการดูตัวอย่างปัญหา ให้คลิกอินสแตนซ์ในตารางตัวอย่างเพื่อดูข้อผิดพลาดที่ไฮไลต์อยู่ในโค้ด
สถานะ
สถานะการตรวจสอบของปัญหานี้ หากการตรวจสอบเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ตรวจพบครั้งแรก
วันที่ตรวจพบปัญหานี้เป็นครั้งแรกในเว็บไซต์ หมายเหตุ: ถ้าปัญหาทั้งหมดของประเภทนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว แต่อินสแตนซ์ใหม่ของปัญหานี้ปรากฏขึ้นภายใน 90 วัน วันที่ดังกล่าวจะเป็นวันที่ตรวจพบครั้งแรกแต่เดิม ไม่ใช่วันที่ของอินสแตนซ์ใหม่
ตัวอย่าง
รายการผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียที่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ โปรดทราบว่าอาจเป็นไปได้ว่ารายการตัวอย่างอาจแสดงแถวขาดไปด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น อินสแตนซ์ของปัญหาเกิดขึ้นหลังจากการทำการ Crawl เว็บไซต์ครั้งล่าสุด หรืออินสแตนซ์มีผลกระทบกับรายการมากกว่า 1,000 รายการ (ตารางมีแถวได้ไม่เกิน 1,000 แถว)
ชื่อรายการ
ค่าชื่อใน Structured Data ของรายการ
ทำการ Crawl ครั้งล่าสุด
เวลาล่าสุดที่มีการทำการ Crawl หน้าเว็บที่มีปัญหานี้

หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาในหน้าหนึ่งๆ โดยเฉพาะ ให้เลือกปัญหาในตารางตัวอย่าง

คลิกไอคอน "ตรวจสอบ" Search ข้าง URL ในตารางเพื่อเรียกใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL ซึ่งจะแสดงรายละเอียดข้อผิดพลาด ผลการจัดทำดัชนีและผลการทดสอบเวอร์ชันที่ใช้จริง และภาพหน้าจอ

 

การแชร์รายงาน

คุณแชร์รายละเอียดปัญหาในรายงานการครอบคลุมหรือรายงานการเพิ่มประสิทธิภาพได้โดยคลิกปุ่มแชร์ ในหน้าดังกล่าว ลิงก์นี้จะให้สิทธิ์เข้าถึงเฉพาะหน้ารายละเอียดปัญหาปัจจุบันรวมถึงหน้าประวัติการตรวจสอบปัญหานี้แก่ใครก็ตามที่มีลิงก์ แต่ไม่ได้ให้สิทธิ์เข้าถึงหน้าอื่นๆ แก่สมาชิกของคุณ รวมถึงไม่ได้ทำให้ผู้ใช้ที่ได้รับการแชร์มีสิทธิ์ดำเนินการใดๆ ในพร็อพเพอร์ตี้หรือบัญชีของคุณ คุณเพิกถอนลิงก์ได้ตลอดเวลาด้วยการปิดการแชร์สำหรับหน้านี้

การส่งออกข้อมูลรายงาน

รายงานหลายรายการมีปุ่มส่งออก เพื่อส่งออกข้อมูลรายงาน ระบบจะส่งออกทั้งข้อมูลแผนภูมิและตาราง ค่าที่แสดงเป็น ~ หรือ - ในรายงาน (ไม่มี/ไม่ใช่ตัวเลข) จะเป็น 0 ในข้อมูลที่ดาวน์โหลด

หลังจากแก้ไขอินสแตนซ์ทั้งหมดของปัญหาที่พบในเว็บไซต์แล้ว คุณจะขอให้ Google ยืนยันการแก้ไขเหล่านั้นได้ หากแก้ไขอินสแตนซ์ที่พบทั้งหมดแล้ว จำนวนปัญหาในตารางปัญหาจะลดเหลือ 0 และเลื่อนลงไปอยู่ที่ท้ายตาราง

เหตุผลที่ต้องตรวจสอบ

ข้อดีของการแจ้ง Google ว่าคุณได้แก้ไขปัญหาทั้งหมดในสถานะหรือหมวดหมู่ของปัญหาหนึ่งๆ แล้วมีดังต่อไปนี้

  • คุณจะได้รับอีเมลเมื่อ Google ยืนยันการแก้ไขของคุณใน URL ทั้งหมดแล้ว หรือในทางกลับกัน เมื่อ Google พบอินสแตนซ์ที่หลงเหลืออยู่ของปัญหา
  • คุณติดตามความคืบหน้าของ Google ในการยืนยันการแก้ไขของคุณได้ และดูบันทึกของหน้าทั้งหมดที่อยู่ในคิวตรวจเช็ค รวมถึงสถานะการแก้ไขของ URL แต่ละรายการ

บางครั้งคุณอาจไม่เข้าใจว่าจะต้องแก้ไขหรือตรวจสอบปัญหาหนึ่งๆ ไปทำไม เช่น URL ที่ถูก robots.txt บล็อกไว้อาจเป็นการบล็อกโดยเจตนา โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาต่างๆ

นอกจากนี้ คุณยังแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องตรวจสอบได้ด้วย โดย Google จะอัปเดตจำนวนอินสแตนซ์เมื่อทำการ Crawl หน้าเว็บที่ทราบว่ามีปัญหา ไม่ว่าคุณจะขอให้ตรวจสอบการแก้ไขอย่างชัดแจ้งหรือไม่ก็ตาม

เคล็ดลับมือโปร: ตรวจสอบการแก้ไขตาม Sitemap
หากต้องการให้คําขอแก้ไขเร็วขึ้น ให้สร้างและส่ง Sitemap ที่มีเฉพาะหน้าที่สําคัญที่สุด แล้วกรองรายงานตาม Sitemap ดังกล่าวก่อนที่จะส่งคำขอตรวจสอบการแก้ไข คําขอตรวจสอบ URL บางส่วนที่ได้รับผลกระทบจะดำเนินการเสร็จสิ้นเร็วกว่าคําขอที่มี URL ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดในเว็บไซต์

เริ่มตรวจสอบ

วิธีแจ้ง Search Console ว่าคุณแก้ไขปัญหาแล้วมีดังนี้

  1. แก้ไขอินสแตนซ์ทั้งหมดของปัญหาในเว็บไซต์ หากแก้ไขไม่ครบ การตรวจสอบจะหยุดลงเมื่อ Google พบอินสแตนซ์ที่หลงเหลืออยู่ของปัญหา
  2. เปิดหน้ารายละเอียดของปัญหาที่คุณแก้ไขแล้ว คลิกปัญหาจากรายการปัญหาในรายงาน
    • ⚠️ หากคุณกรองแค่ Sitemap บางรายการในรายงาน การตรวจสอบจะมีผลเฉพาะกับรายการใน Sitemap ดังกล่าวในขณะที่คุณส่งคำขอตรวจสอบ ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่คุณต้องการหรือไม่ต้องการก็ได้ จึงขอให้ระวังตรงจุดนี้ด้วย
  3. คลิกตรวจสอบการแก้ไข อย่าคลิก "ตรวจสอบการแก้ไข" อีกครั้งจนกว่าจะทราบว่าตรวจสอบสำเร็จหรือไม่สำเร็จ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Google ตรวจเช็คการแก้ไขของคุณ
  4. คุณตรวจสอบขั้นตอนการตรวจสอบได้ โดยปกติการตรวจสอบจะใช้เวลาถึงประมาณ 2 สัปดาห์ แต่ในบางกรณีอาจใช้เวลานานกว่านั้นมาก ดังนั้นโปรดอดใจรอ คุณจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อตรวจสอบสำเร็จหรือไม่สำเร็จ
  5. หากตรวจสอบไม่สำเร็จ คุณดู URL ที่ทำให้การตรวจสอบไม่สำเร็จได้โดยคลิกดูรายละเอียดในหน้ารายละเอียดของปัญหา โปรดแก้ปัญหาในหน้านี้ ยืนยันการแก้ไขสำหรับ URL ทั้งหมดที่อยู่ในสถานะรอดำเนินการ แล้วเริ่มตรวจสอบอีกครั้ง

เมื่อใดที่ถือว่าปัญหาของ URL หรือรายการ "แก้ไขแล้ว"

ระบบจะทำเครื่องหมายปัญหาของ URL หรือรายการเป็นแก้ไขแล้วเมื่อตรงกับเงื่อนไขใดๆ ต่อไปนี้

  • เมื่อมีการ Crawl URL และไม่พบปัญหาในหน้าเว็บอีกต่อไป ซึ่งในกรณีข้อผิดพลาดของแท็ก AMP อาจหมายความว่าคุณแก้ไขแท็กแล้วหรือนำแท็กออกไปแล้ว (หากไม่จำเป็นต้องใช้แท็กนั้น) ระหว่างที่ระบบพยายามตรวจสอบ จะมีป้ายกำกับว่าผ่าน
  • หาก Google เข้าถึงหน้าเว็บไม่ได้ด้วยเหตุผลใดก็ตาม (มีการนำหน้าเว็บออก, ทำเครื่องหมาย noindex, ต้องตรวจสอบสิทธิ์ เป็นต้น) จะถือว่าปัญหาได้รับการแก้ไขแล้วสำหรับ URL นั้น ซึ่งในระหว่างการพยายามตรวจสอบจะจัดหมวดหมู่อยู่ในสถานะการตรวจสอบอื่นๆ

ระยะเวลาที่เกิดปัญหา

ระยะเวลาของปัญหาเริ่มจากครั้งแรกที่ตรวจพบว่ามีอินสแตนซ์ในเว็บไซต์จนถึง 90 วันหลังจากที่ระบบทำเครื่องหมายอินสแตนซ์สุดท้ายว่าไม่มีอยู่ในเว็บไซต์แล้ว หากผ่านไป 90 วันโดยไม่เกิดปัญหานั้นซ้ำอีก ระบบจะนำปัญหาออกจากตารางปัญหา

วันที่ตรวจพบปัญหาครั้งแรก หมายถึง ครั้งแรกที่ตรวจพบปัญหาในช่วงระยะเวลาที่เกิดปัญหาและจะไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น

  • หากอินสแตนซ์ทั้งหมดของปัญหาได้รับการแก้ไข แต่หลังจากนั้น 15 วันมีอินสแตนซ์ใหม่ของปัญหาเกิดขึ้น ระบบจะทำเครื่องหมายปัญหาดังกล่าวเป็น "เปิด" และวันที่ตรวจพบครั้งแรกจะยังคงเป็นวันที่เดิม
  • หากเกิดปัญหาเดิมหลังจากที่แก้ไขอินสแตนซ์ล่าสุดไปแล้ว 91 วัน ระบบจะปิดปัญหาก่อนหน้านี้และบันทึกว่าเป็นปัญหาใหม่โดยระบุวันที่ตรวจพบครั้งแรกเป็นวันที่ตรวจพบใหม่
ขั้นตอนการตรวจสอบ

ต่อไปนี้คือภาพรวมของกระบวนการตรวจสอบหลังจากที่คุณคลิกตรวจสอบการแก้ไขปัญหา ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาหลายวันหรือนานกว่านั้น และคุณจะได้รับการแจ้งความคืบหน้าทางอีเมล

  1. เมื่อคุณคลิกตรวจสอบการแก้ไข Search Console จะตรวจเช็คหน้าเว็บบางหน้าทันที
    • หากมีอินสแตนซ์ปัจจุบันปรากฏในหน้าเว็บเหล่านี้ การตรวจสอบจะสิ้นสุดและสถานะการตรวจสอบจะยังไม่เปลี่ยนแปลง
    • หากหน้าตัวอย่างไม่มีข้อผิดพลาดปัจจุบัน การตรวจสอบจะดำเนินต่อไปโดยมีสถานะเริ่มแล้ว หากตรวจพบปัญหาอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง ปัญหาเหล่านี้จะนับเป็นปัญหาประเภทอื่นๆ และการตรวจสอบจะดำเนินต่อไป
  2. Search Console จะดำเนินการกับ URL ที่ระบุไว้ในรายการซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ และจัดคิวในการ Crawl ใหม่ให้เฉพาะ URL ที่มีอินสแตนซ์ที่พบของปัญหานี้ ไม่ใช่ทั้งเว็บไซต์ Search Console จะติดตามบันทึก URL ทั้งหมดที่ผ่านการตรวจเช็คในประวัติการตรวจสอบซึ่งคุณดูได้จากหน้ารายละเอียดของปัญหา
  3. เมื่อ URL ได้รับการตรวจสอบ
    1. หากไม่พบปัญหา สถานะการตรวจสอบอินสแตนซ์จะเปลี่ยนเป็นผ่าน หากนี่เป็นอินสแตนซ์แรกที่ตรวจเช็คหลังจากการตรวจสอบเริ่มต้นขึ้น สถานะการตรวจสอบจะเปลี่ยนเป็นทำได้ดี
    2. หาก URL นั้นเข้าถึงไม่ได้แล้ว สถานะการตรวจสอบอินสแตนซ์จะเปลี่ยนเป็นอื่นๆ (ซึ่งไม่ใช่สถานะข้อผิดพลาด)
    3. หากยังคงมีอินสแตนซ์ดังกล่าวอยู่ สถานะปัญหาจะเปลี่ยนเป็นไม่สำเร็จ และการตรวจสอบจะสิ้นสุดลง หากนี่เป็นหน้าใหม่ที่ค้นพบจากการ Crawl ตามปกติ จะถือเป็นอีกอินสแตนซ์หนึ่งของปัญหาที่มีอยู่นี้
  4. เมื่อตรวจเช็ค URL ในคิวสำหรับปัญหานี้และพบว่าปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว สถานะของปัญหาจะเปลี่ยนเป็นผ่าน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอินสแตนซ์ทั้งหมดจะได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ป้ายกำกับระดับความรุนแรงของปัญหาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง (ข้อผิดพลาดหรือคำเตือน) สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจะมีแค่จำนวนรายการที่ได้รับผลกระทบ (0)

แม้คุณจะไม่เคยคลิก "เริ่มตรวจสอบ" Google ก็ตรวจหาอินสแตนซ์ที่แก้ไขแล้วของปัญหาได้ หาก Google ตรวจพบว่ามีการแก้ไขอินสแตนซ์ทั้งหมดของปัญหาในระหว่างการ Crawl ตามปกติ ระบบจะเปลี่ยนจำนวนปัญหาในรายงานเป็น 0

การตรวจสอบอีกครั้ง

⚠️ รอให้รอบการตรวจสอบเสร็จสมบูรณ์ก่อนที่จะขอการตรวจสอบรอบใหม่ แม้ว่าจะแก้ไขปัญหาบางอย่างในระหว่างรอบปัจจุบันแล้วก็ตาม

หากต้องการเริ่มการตรวจสอบที่ไม่สำเร็จอีกครั้ง ให้ทำดังนี้

  1. ไปที่บันทึกการตรวจสอบของการตรวจสอบที่ไม่สำเร็จ: เปิดหน้ารายละเอียดของปัญหาที่ตรวจสอบไม่สำเร็จแล้วคลิกดูรายละเอียด
  2. คลิกเริ่มตรวจสอบใหม่
  3. การตรวจสอบจะเริ่มขึ้นอีกครั้งสำหรับ URL ทั้งหมดที่มีเครื่องหมายว่ารอดำเนินการหรือไม่สำเร็จ รวมถึงอินสแตนซ์ใหม่ๆ ของปัญหานี้ที่ค้นพบผ่านการ Crawl ตามปกตินับตั้งแต่ความพยายามที่จะตรวจสอบครั้งล่าสุด URL ที่มีเครื่องหมายว่าผ่านหรืออื่นๆ จะไม่ได้รับการตรวจสอบซ้ำ
  4. โดยปกติการตรวจสอบจะใช้เวลาถึงประมาณ 2 สัปดาห์ แต่ในบางกรณีอาจใช้เวลานานกว่านั้นมาก ดังนั้นโปรดอดใจรอ

ดูความคืบหน้าของการตรวจสอบ

หากต้องการดูความคืบหน้าของคำขอตรวจสอบปัจจุบัน หรือประวัติคำขอล่าสุดในกรณีที่ไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่ ให้ทำดังนี้

  1. เปิดหน้ารายละเอียดของปัญหาที่ต้องการ คลิกแถวของปัญหาดังกล่าวในหน้ารายงานหลักเพื่อเปิดหน้ารายละเอียดของปัญหา
    • สถานะคำขอตรวจสอบจะแสดงอยู่ทั้งในหน้ารายละเอียดของปัญหาและในแถวการตรวจสอบของตารางรายละเอียดด้วย
  2. คลิกดูรายละเอียดเพื่อเปิดหน้ารายละเอียดการตรวจสอบของคำขอดังกล่าว
    • สถานะอินสแตนซ์ของ URL แต่ละรายการที่รวมอยู่ในคำขอจะแสดงอยู่ในตาราง
    • สถานะอินสแตนซ์จะใช้กับปัญหาที่เฉพาะเจาะจงซึ่งคุณกำลังตรวจสอบ คุณจะติดป้ายกำกับปัญหาหนึ่งว่าผ่านในหน้าเว็บ แต่ติดป้ายกำกับปัญหาอื่นๆ ว่าไม่สำเร็จ รอดำเนินการ หรืออื่นๆ ในหน้าเดียวกันก็ได้
    • ในรายงาน AMP และรายงานการจัดทำดัชนีหน้าเว็บ ระบบจะจัดกลุ่มรายการต่างๆ ในหน้าประวัติการตรวจสอบตาม URL
    • ส่วนรายงานผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย ระบบจะจัดกลุ่มรายการต่างๆ ตาม URL ร่วมกับรายการ Structured Data (ตามที่กำหนดโดยค่า "ชื่อ" ของรายการนั้นๆ)
สถานะคำขอตรวจสอบ

สถานะการตรวจสอบที่ใช้กับการตรวจสอบปัญหาที่พบมีดังนี้

  • ยังไม่เริ่ม: อินสแตนซ์อย่างน้อย 1 รายการของปัญหานี้ไม่เคยมีอยู่ในคำขอตรวจสอบสำหรับปัญหานี้
    ขั้นตอนถัดไป
    1. คลิกที่ปัญหาเพื่อดูรายละเอียดข้อผิดพลาด ตรวจสอบแต่ละหน้าเพื่อดูตัวอย่างข้อผิดพลาดในหน้าที่แสดงอยู่
    2. คลิกดูข้อมูลเพิ่มเติมในหน้ารายละเอียดเพื่อดูรายละเอียดของปัญหา
    3. คลิกแถว URL ตัวอย่างในตารางเพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับข้อผิดพลาดนั้นๆ
    4. แก้ไขหน้าเว็บ แล้วคลิกตรวจสอบการแก้ไขเพื่อเริ่มตรวจสอบ โดยปกติการตรวจสอบจะใช้เวลาถึงประมาณ 2 สัปดาห์ แต่ในบางกรณีอาจใช้เวลานานกว่านั้นมาก ดังนั้นโปรดอดใจรอ
  • เริ่มแล้ว: คุณเริ่มการตรวจสอบแล้วแต่ยังไม่พบอินสแตนซ์ที่หลงเหลืออยู่ของปัญหา
    ขั้นตอนถัดไป: Google จะส่งการแจ้งเตือนให้คุณขณะทำการตรวจสอบเพื่อให้ทราบสิ่งที่ต้องทำ (หากจำเป็น)
  • ทำได้ดี: คุณเริ่มทำการตรวจสอบแล้ว และเราพบว่าอินสแตนซ์ทั้งหมดของปัญหาที่ตรวจเช็คไปได้รับการแก้ไขแล้ว
    ขั้นตอนถัดไป: ไม่ต้องทำอะไร แต่ Google จะส่งการแจ้งเตือนให้คุณขณะทำการตรวจสอบเพื่อให้ทราบสิ่งที่ต้องทำ
  • ผ่าน: อินสแตนซ์ของปัญหาทั้งหมดที่ทราบหายไปแล้ว (หรือไม่มี URL ที่ได้รับผลกระทบแล้ว) คุณต้องคลิกตรวจสอบการแก้ไขจึงจะได้สถานะนี้ (หากอินสแตนซ์หายไปโดยที่คุณไม่ได้ขอการตรวจสอบ สถานะจะเปลี่ยนเป็น "ไม่มี")
    ขั้นตอนถัดไป: ไม่ต้องทำอะไร
  • ไม่มี: Google พบว่าปัญหาใน URL ทั้งหมดได้รับการแก้ไขแล้ว แม้ว่าคุณจะไม่เคยเริ่มการตรวจสอบเลย
    ขั้นตอนถัดไป: ไม่ต้องทำอะไร
  • ไม่สำเร็จ: เกณฑ์บางอย่างของหน้าเว็บยังคงมีปัญหาอยู่หลังจากที่คลิกตรวจสอบ
    ขั้นตอนถัดไป: แก้ไขปัญหาและเริ่มการตรวจสอบอีกครั้ง
สถานะการตรวจสอบอินสแตนซ์

หลังจากที่ส่งคำขอการตรวจสอบแล้ว ระบบจะระบุสถานะการตรวจสอบอินสแตนซ์ของปัญหาแต่ละรายการ ดังนี้

  • รอดำเนินการ: อยู่ในคิวเพื่อรับการตรวจสอบ Google ตรวจสอบครั้งล่าสุดพบว่ามีอินสแตนซ์ของปัญหาอยู่
  • ผ่าน: [ไม่มีในรายงานบางฉบับ] Google ตรวจเช็คอินสแตนซ์ของปัญหาและพบว่าอินสแตนซ์ดังกล่าวไม่มีอยู่แล้ว สถานะนี้จะได้มาต่อเมื่อคุณคลิกตรวจสอบอินสแตนซ์ของปัญหาเท่านั้น
  • ไม่สำเร็จ: Google ตรวจเช็คอินสแตนซ์ของปัญหาและพบว่ายังคงปรากฏอยู่ สถานะนี้จะได้มาต่อเมื่อคุณคลิกตรวจสอบอินสแตนซ์ของปัญหาเท่านั้น
  • อื่นๆ: [ไม่มีในรายงานบางฉบับ] Google เข้าถึง URL ที่เป็นโฮสต์ของอินสแตนซ์ไม่ได้ หรือ (สำหรับ Structured Data) ไม่พบรายการบนหน้าเว็บอีกแล้ว หากเป็นเช่นนี้จะถือว่าผ่าน

โปรดทราบว่า URL เดียวกันอาจมีสถานะที่ต่างกันสำหรับปัญหาต่างๆ ตัวอย่างเช่น หากหน้าหนึ่งมีทั้งปัญหา X และปัญหา Y ปัญหา X อาจอยู่ในสถานะการตรวจสอบผ่าน ส่วนปัญหา Y ในหน้าเดียวกันอาจอยู่ในสถานะการตรวจสอบรอดำเนินการ

 

 

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
เมนูหลัก
9192628611448682212
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
true
true
true
true
true
83844
false
false