ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พราหมณ์พฤฒิบาศ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 6: บรรทัด 6:
สันนิษฐานว่าพราหมณ์พฤฒิบาศมีต้นสายมาจาก[[ประเทศกัมพูชา|เมืองเขมร]]<ref name="อายัณโฆษณ์">{{cite web |url= https://vajirayana.org/พระคเณศ/เรื่องพระคเณศที่เกี่ยวข้องกับช้าง |title= เรื่องพระคเณศที่เกี่ยวข้องกับช้าง |author= อายัณโฆษณ์ |date= 2558 |work= วชิรญาณ |publisher= |accessdate= 12 พฤษภาคม 2563}}</ref> ในราชสำนักไทย พราหมณ์พฤฒิบาศนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่[[อาณาจักรสุโขทัย]]เป็นอย่างน้อย ดังปรากฏใน ''จารึกนครชุม'' เมื่อ พ.ศ. 1900<ref name="นครชุม"/> เดิมนักบวชเหล่านี้นับถือศาสนาหนึ่งต่างหาก เรียกว่า ''ศาสนาพระเทพกรรม'' ดังปรากฏใน ''จารึกฐานพระอิศวรเมืองกำแพงเพชร'' เมื่อ พ.ศ. 2053<ref>{{cite web |url= https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/221 |title= จารึกฐานพระอิศวรเมืองกำแพงเพชร |author=|date=|work= ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) |publisher= |accessdate= 27 ธันวาคม 2563}}</ref> พวกเขานับถือพระครูประกรรม, เทพกรรม หรือเทวกรรม (คือ[[ผีปะกำ]]) เป็นใหญ่ ซึ่งเป็นเทพพื้นเมืองก่อนการรับอิทธิพลจาก[[ศาสนาพุทธ]]หรือ[[ศาสนาฮินดู|ฮินดู]]<ref name="ศิริพจน์">{{cite web |url= https://www.matichonweekly.com/column/article_292380 |title= ศาสนาผีของพระเทพกรรม ที่ระเบียงคด วัดพระแก้วฯ |author= ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ |date= 2 เมษายน 2563 |work= มติชนสุดสัปดาห์ |publisher= |accessdate= 27 ธันวาคม 2563}}</ref> ศาสนานี้เคยแพร่หลายในไทยและกัมพูชา ตั้งแต่ประชากรชนชั้นสามัญชนไปจนถึงชนชั้นเจ้านาย ดั่งพบว่าเจ้านายเขมรเข้าบวชเป็นหมอช้าง ปรากฏใน ''[[พงศาวดารละแวก]]'' กล่าวถึงเจ้าพระยาโยม ซึ่งเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระราชโองการ พระบรมราชารามาธิราชาธิบดี ประสูติแต่นักนางแพง ได้ถือบวชเป็นหมอช้าง ความว่า "...เจ้าพระยาโยม ๆ นั้นเชี่ยวชาญชำนาญรู้ตำราช้างไสยสาตร เป็นครูเถ้าถือบวชเป็นหมอช้าง"<ref>{{cite book | author = กรมศิลปากร | title = ประชุมพงศาวดารภาคที่ 71 | url = https://www.finearts.go.th/storage/contents/file/1OVyRm0VxoXQtuck4RDIEzIl5m6yrcdSwTSlaLD1.pdf | publisher = กรุงเทพบรรณาคาร | location = พระนคร | year = 2481 | page = 2}}</ref> แต่ในกาลต่อมา ศาสนาพระเทพกรรมถูกกลืนเข้ากับศาสนาฮินดูในไทย และอาจเป็นไปได้ว่าพราหมณ์พฤฒิบาศนี้อาจเป็นหมอปะกำหรือครูช้างที่เข้ารีตเป็นพราหมณ์<ref name="ศิริพจน์1">{{cite web |url= https://www.matichonweekly.com/featured/article_58736?fbclid=IwAR0Abot8vZIU9aUzJwS0VPGw2avSJ3PSOT1WdHL42FNhLRxGbq3vG2lGDJQ |title= ครูช้าง พราหมณ์สยาม : พระคเณศกับปกรณัมแบบไทย ๆ |author= ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ |date= 12 ตุลาคม 2560 |work= มติชนสุดสัปดาห์ |publisher=|accessdate= 18 พฤศจิกายน 2561}}</ref> พราหมณ์พฤฒิบาศจึงถูกเกณฑ์ให้ไปนับถือ[[พระนารายณ์]] (คือ[[พระวิษณุ]]) แทน<ref name="พรหม">{{cite web |url= https://www.matichonweekly.com/column/article_65082 |title= ไม่มีพระพรหมและพระคเณศในพิธีไหว้ครูโขนละครและดนตรี |author= คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง |date= 16 พฤศจิกายน 2560 |work= มติชนสุดสัปดาห์ |publisher= |accessdate= 20 ตุลาคม 2563}}</ref>
สันนิษฐานว่าพราหมณ์พฤฒิบาศมีต้นสายมาจาก[[ประเทศกัมพูชา|เมืองเขมร]]<ref name="อายัณโฆษณ์">{{cite web |url= https://vajirayana.org/พระคเณศ/เรื่องพระคเณศที่เกี่ยวข้องกับช้าง |title= เรื่องพระคเณศที่เกี่ยวข้องกับช้าง |author= อายัณโฆษณ์ |date= 2558 |work= วชิรญาณ |publisher= |accessdate= 12 พฤษภาคม 2563}}</ref> ในราชสำนักไทย พราหมณ์พฤฒิบาศนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่[[อาณาจักรสุโขทัย]]เป็นอย่างน้อย ดังปรากฏใน ''จารึกนครชุม'' เมื่อ พ.ศ. 1900<ref name="นครชุม"/> เดิมนักบวชเหล่านี้นับถือศาสนาหนึ่งต่างหาก เรียกว่า ''ศาสนาพระเทพกรรม'' ดังปรากฏใน ''จารึกฐานพระอิศวรเมืองกำแพงเพชร'' เมื่อ พ.ศ. 2053<ref>{{cite web |url= https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/221 |title= จารึกฐานพระอิศวรเมืองกำแพงเพชร |author=|date=|work= ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) |publisher= |accessdate= 27 ธันวาคม 2563}}</ref> พวกเขานับถือพระครูประกรรม, เทพกรรม หรือเทวกรรม (คือ[[ผีปะกำ]]) เป็นใหญ่ ซึ่งเป็นเทพพื้นเมืองก่อนการรับอิทธิพลจาก[[ศาสนาพุทธ]]หรือ[[ศาสนาฮินดู|ฮินดู]]<ref name="ศิริพจน์">{{cite web |url= https://www.matichonweekly.com/column/article_292380 |title= ศาสนาผีของพระเทพกรรม ที่ระเบียงคด วัดพระแก้วฯ |author= ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ |date= 2 เมษายน 2563 |work= มติชนสุดสัปดาห์ |publisher= |accessdate= 27 ธันวาคม 2563}}</ref> ศาสนานี้เคยแพร่หลายในไทยและกัมพูชา ตั้งแต่ประชากรชนชั้นสามัญชนไปจนถึงชนชั้นเจ้านาย ดั่งพบว่าเจ้านายเขมรเข้าบวชเป็นหมอช้าง ปรากฏใน ''[[พงศาวดารละแวก]]'' กล่าวถึงเจ้าพระยาโยม ซึ่งเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระราชโองการ พระบรมราชารามาธิราชาธิบดี ประสูติแต่นักนางแพง ได้ถือบวชเป็นหมอช้าง ความว่า "...เจ้าพระยาโยม ๆ นั้นเชี่ยวชาญชำนาญรู้ตำราช้างไสยสาตร เป็นครูเถ้าถือบวชเป็นหมอช้าง"<ref>{{cite book | author = กรมศิลปากร | title = ประชุมพงศาวดารภาคที่ 71 | url = https://www.finearts.go.th/storage/contents/file/1OVyRm0VxoXQtuck4RDIEzIl5m6yrcdSwTSlaLD1.pdf | publisher = กรุงเทพบรรณาคาร | location = พระนคร | year = 2481 | page = 2}}</ref> แต่ในกาลต่อมา ศาสนาพระเทพกรรมถูกกลืนเข้ากับศาสนาฮินดูในไทย และอาจเป็นไปได้ว่าพราหมณ์พฤฒิบาศนี้อาจเป็นหมอปะกำหรือครูช้างที่เข้ารีตเป็นพราหมณ์<ref name="ศิริพจน์1">{{cite web |url= https://www.matichonweekly.com/featured/article_58736?fbclid=IwAR0Abot8vZIU9aUzJwS0VPGw2avSJ3PSOT1WdHL42FNhLRxGbq3vG2lGDJQ |title= ครูช้าง พราหมณ์สยาม : พระคเณศกับปกรณัมแบบไทย ๆ |author= ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ |date= 12 ตุลาคม 2560 |work= มติชนสุดสัปดาห์ |publisher=|accessdate= 18 พฤศจิกายน 2561}}</ref> พราหมณ์พฤฒิบาศจึงถูกเกณฑ์ให้ไปนับถือ[[พระนารายณ์]] (คือ[[พระวิษณุ]]) แทน<ref name="พรหม">{{cite web |url= https://www.matichonweekly.com/column/article_65082 |title= ไม่มีพระพรหมและพระคเณศในพิธีไหว้ครูโขนละครและดนตรี |author= คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง |date= 16 พฤศจิกายน 2560 |work= มติชนสุดสัปดาห์ |publisher= |accessdate= 20 ตุลาคม 2563}}</ref>


[[สุจิตต์ วงษ์เทศ]] พราหมณ์พฤฒิบาศคือหมอผีปะกำ มีประสบการณ์สูงในการจับช้างป่า พูด[[ภาษาผี]]เกลี้ยกล่อมช้างป่าได้สำเร็จทุกครั้ง จึงได้รับการยกย่องเป็นพราหมณ์ในท้องถิ่น เรียกว่าพราหมณ์พฤฒิบาศ<ref name="สุจิตต์">{{cite web |url= https://www.matichonweekly.com/column/article_579711 |title= ชาวกูย จาก ‘โขง-ชี-มูล’ รับราชการ ‘งานช้าง’ ในอยุธยา |author= สุจิตต์ วงษ์เทศ |date= |work= มติชนสุดสัปดาห์ |publisher= |accessdate= 31 มีนาคม 2567 }}</ref><ref name="สุจิตต์1">{{cite web |url= https://www.matichonweekly.com/column/article_568458 |title= พระพิฆเนศในอินเดีย ผีช้างจากสุวรรณภูมิ |author= สุจิตต์ วงษ์เทศ |date= 26 มิถุนายน 2565 |work= มติชนสุดสัปดาห์ |publisher= |accessdate= 1 เมษายน 2567 }}</ref> แม้จะรับอิทธิพลจากศาสนาฮินดูเข้ามาแล้ว แต่คงพิธีกรรมเซ่นสรวงบูชา[[ผีปะกำ]] ต่อมาได้ยกขึ้นเป็นเทวดาเรียกว่า ''พระเทวกรรม'' ไว้โดยแทรกความเป็นฮินดูไปด้วย พระครูประกรรมมีรูปลักษณ์เป็นบุรุษล่ำสัน นุ่งผ้าเกไล เปลือยอก สวมสายธุหร่ำเฉียงทางอังสะซ้าย โคนแขนสวมวลัย นับถือเป็นพระของหมอและควาญช้าง<ref name="อายัณโฆษณ์"/> หลังรับอิทธิพลจากศาสนาฮินดูแล้วจึงสร้าง[[มานุษยรูปนิยม|บุคลาธิษฐาน]]ด้วยการหยิบยืมรูปลักษณ์ของ[[พระคเณศ]] ซึ่งเป็นเทพเจ้าของฮินดูมาใช้ กลายเป็น[[พระเทวกรรม]] เทพเจ้าแห่งช้าง และ[[พระโกญจนาเนศวร์]] เทพผู้ให้กำเนิดช้าง<ref name="ประชาไท">{{cite web |url= https://prachatai.com/journal/2018/11/79451 |title= สัมภาษณ์ คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง: ฮินดู...อีกมุมที่คนไทยไม่รู้จัก |author= พสิษฐ์ ไชยวัฒน์ |date= 5 พฤศจิกายน 2561 |work= ประชาไท |publisher=|accessdate= 11 พฤษภาคม 2563}}</ref><ref>คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง (พฤษภาคม–สิงหาคม 2561). "เทวนิยมอินเดีย : เส้นทางและปรากฏการณ์ในสังคมไทย". ''Veridian E-Journal'' (11:2), หน้า 1592</ref>
[[สุจิตต์ วงษ์เทศ]] พราหมณ์พฤฒิบาศคือหมอผีปะกำ มีประสบการณ์สูงในการจับช้างป่า พูด[[ภาษาผี]]เกลี้ยกล่อมช้างป่าได้สำเร็จทุกครั้ง จึงได้รับการยกย่องเป็นพราหมณ์ในท้องถิ่น เรียกว่าพราหมณ์พฤฒิบาศ<ref name="สุจิตต์">{{cite web |url= https://www.matichonweekly.com/column/article_579711 |title= ชาวกูย จาก ‘โขง-ชี-มูล’ รับราชการ ‘งานช้าง’ ในอยุธยา |author= สุจิตต์ วงษ์เทศ |date= |work= มติชนสุดสัปดาห์ |publisher= |accessdate= 31 มีนาคม 2567 }}</ref><ref name="สุจิตต์1">{{cite web |url= https://www.matichonweekly.com/column/article_568458 |title= พระพิฆเนศในอินเดีย ผีช้างจากสุวรรณภูมิ |author= สุจิตต์ วงษ์เทศ |date= 26 มิถุนายน 2565 |work= มติชนสุดสัปดาห์ |publisher= |accessdate= 1 เมษายน 2567 }}</ref> แม้จะรับอิทธิพลจากศาสนาฮินดูเข้ามาแล้ว แต่คงพิธีกรรมเซ่นสรวงบูชา[[ผีปะกำ]] ต่อมาได้ยกขึ้นเป็นเทวดาเรียกว่า ''พระเทวกรรม'' ไว้โดยแทรกความเป็นฮินดูไปด้วย พระครูประกรรมมีรูปลักษณ์เป็นบุรุษล่ำสัน นุ่งผ้าเกไล เปลือยอก สวมสายธุหร่ำเฉียงทางอังสะซ้าย โคนแขนสวมวลัย นับถือเป็นพระของหมอและควาญช้าง<ref name="อายัณโฆษณ์"/> หลังรับอิทธิพลจากศาสนาฮินดูแล้วจึงสร้าง[[มานุษยรูปนิยม|บุคลาธิษฐาน]]ด้วยการหยิบยืมรูปลักษณ์ของ[[พระคเณศ]] ซึ่งเป็นเทพเจ้าของฮินดูมาใช้ กลายเป็น[[พระเทวกรรม]] เทพเจ้าแห่งช้าง และ[[พระโกญจนาเนศวร์]] เทพผู้ให้กำเนิดช้าง<ref name="ประชาไท">{{cite web |url= https://prachatai.com/journal/2018/11/79451 |title= สัมภาษณ์ คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง: ฮินดู...อีกมุมที่คนไทยไม่รู้จัก |author= พสิษฐ์ ไชยวัฒน์ |date= 5 พฤศจิกายน 2561 |work= ประชาไท |publisher=|accessdate= 11 พฤษภาคม 2563}}</ref><ref>คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง (พฤษภาคม–สิงหาคม 2561). "เทวนิยมอินเดีย : เส้นทางและปรากฏการณ์ในสังคมไทย". ''Veridian E-Journal'' (11:2), หน้า 1592</ref> ส่วนพระคเณศได้รับการนับถือเป็นครูช้างอย่างน้อยก็ในยุค[[อาณาจักรอยุธยา]]เป็นต้นมา ดังปรากฏใน ''[[ลิลิตยวนพ่าย|โคลงดั้นยวนพ่าย]]'' ความว่า "...การช้างพิฆเณศรน้าว ปูนปานท่านนา..." ซึ่ง[[ฉันทิชย์ กระแสสินธุ์]] ได้ถอดความหมายไว้ว่า "...รอบรู้วิชาคชกรรมจนเปรียบปานได้กับพระพิฆเนศวร..."<ref name="ศิริพจน์2">{{cite web |url= https://www.silpa-mag.com/culture/article_85177 |title= หรือว่า ‘พระคเณศ’ เป็นครูช้างพราหมณ์สยาม? นัยของเรื่องนี้สะท้อนอะไรบ้าง? |author= ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ |date= 30 สิงหาคม 2565 |work= ศิลปวัฒนธรรม |publisher= |accessdate= 1 เมษายน 2567 }}</ref>


ในราชสำนักไทยยุค[[อาณาจักรอยุธยา]] พราหมณ์พฤฒิบาศเป็นกรรมวาจาจารย์ในพิธีปฐมกรรมหรือพิธีบวชพราหมณ์แก่พระมหากษัตริย์ ในรัชสมัย[[สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2]] ได้ตีกรุงกัมพูชาเมื่อ พ.ศ. 1964 พระองค์ได้กวาดต้อนพราหมณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านคชศาสตร์เข้ามาเป็นจำนวนมาก<ref>{{cite book | author = ศิริ สละคต | title = การคล้องช้างที่เพนียดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | url = https://sure.su.ac.th/xmlui/bitstream/id/bad583d3-8f14-476b-9e40-c8de0ca76dd1/fulltext.pdf?attempt=2 | publisher = ภาควิชาโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร | location =| year = 2525 | page = 36}}</ref> และในช่วงเวลาหลังจากนั้นพราหมณ์จากเมืองเขมรที่อพยพเข้ากรุงศรีอยุธยาเริ่มลดจำนวนลงไปเรื่อย ๆ<ref>{{cite book | author = คึกฤทธิ์ ปราโมช, ศาสตราจารย์ หม่อมราชวงศ์ | title = ปาฐกถา "สิรินธร" ครั้งที่ 2 เรื่อง "อิทธิพลของศาสนาฮินดูต่ออารยธรรมไทย" | url = https://cca.chula.ac.th/protocol/images/book/pdf/book-sirinthorn02.pdf | publisher = | location = | year = 2520 | page = 10}}</ref> พวกเขามีบทบาทในการคล้องช้างที่[[เพนียดคล้องช้าง]] มีการสร้างหอปะกำ และเสาตะลุง ซึ่งสุจิตต์อ้างว่าเป็นธรรมเนียมตกทอดมาจากประเพณีโพนช้างของ[[ชาวกูย]]<ref name="สุจิตต์"/> ในรัชสมัย[[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]] มีการแบ่งพราหมณ์ออกเป็นสองฝ่าย แบ่งเป็นฝ่ายขาวคือพราหมณ์พิธี คือผู้กระทำพิธีอันสวัสดิมงคล กับฝ่ายดำคือพราหมณ์พฤฒิบาศ คือผู้กำจัดอวมงคลให้สิ้นสูญ<ref name="อายัณโฆษณ์"/>
ในราชสำนักไทยยุคอาณาจักรอยุธยา พราหมณ์พฤฒิบาศเป็นกรรมวาจาจารย์ในพิธีปฐมกรรมหรือพิธีบวชพราหมณ์แก่พระมหากษัตริย์ ในรัชสมัย[[สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2]] ได้ตีกรุงกัมพูชาเมื่อ พ.ศ. 1964 พระองค์ได้กวาดต้อนพราหมณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านคชศาสตร์เข้ามาเป็นจำนวนมาก<ref>{{cite book | author = ศิริ สละคต | title = การคล้องช้างที่เพนียดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | url = https://sure.su.ac.th/xmlui/bitstream/id/bad583d3-8f14-476b-9e40-c8de0ca76dd1/fulltext.pdf?attempt=2 | publisher = ภาควิชาโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร | location =| year = 2525 | page = 36}}</ref> และในช่วงเวลาหลังจากนั้นพราหมณ์จากเมืองเขมรที่อพยพเข้ากรุงศรีอยุธยาเริ่มลดจำนวนลงไปเรื่อย ๆ<ref>{{cite book | author = คึกฤทธิ์ ปราโมช, ศาสตราจารย์ หม่อมราชวงศ์ | title = ปาฐกถา "สิรินธร" ครั้งที่ 2 เรื่อง "อิทธิพลของศาสนาฮินดูต่ออารยธรรมไทย" | url = https://cca.chula.ac.th/protocol/images/book/pdf/book-sirinthorn02.pdf | publisher = | location = | year = 2520 | page = 10}}</ref> พวกเขามีบทบาทในการคล้องช้างที่[[เพนียดคล้องช้าง]] มีการสร้างหอปะกำ และเสาตะลุง ซึ่งสุจิตต์อ้างว่าเป็นธรรมเนียมตกทอดมาจากประเพณีโพนช้างของ[[ชาวกูย]]<ref name="สุจิตต์"/> ในรัชสมัย[[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]] มีการแบ่งพราหมณ์ออกเป็นสองฝ่าย แบ่งเป็นฝ่ายขาวคือพราหมณ์พิธี คือผู้กระทำพิธีอันสวัสดิมงคล กับฝ่ายดำคือพราหมณ์พฤฒิบาศ คือผู้กำจัดอวมงคลให้สิ้นสูญ<ref name="อายัณโฆษณ์"/>


[[อาณาจักรรัตนโกสินทร์ (สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์)|ยุครัตนโกสินทร์]] พราหมณ์พฤฒิบาศเป็นกรมสังกัดหนึ่งในสองกรมพราหมณ์ เรียกว่า ''กรมพราหมณ์พฤฒิบาศ'' แยกกับกรมพราหมณ์พิธี โดยมี ''พระสิทธิไชยบดี'' หรือเรียกว่า ''พระหมอเฒ่า'' เป็นเจ้ากรม<ref name="ราชาภิเษก"/><ref name="อายัณโฆษณ์"/> โดยมีเจ้านายและขุนนางหลายคนศึกษาวิชาคชศาสตร์จนได้เป็น "หมอเฒ่า" ได้แก่ [[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงเทพพลภักดิ์]] เจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช (บุญรอด) ต้นสกุลบุณยรัตพันธุ์ และเจ้าพระยาสุรินทราชา (จันทร์) ต้นสกุลจันทโรจนวงศ์ เป็นต้น<ref name="ศิริ">{{cite book | author = ศิริ สละคต | title = การคล้องช้างที่เพนียดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | url = https://sure.su.ac.th/xmlui/bitstream/id/bad583d3-8f14-476b-9e40-c8de0ca76dd1/fulltext.pdf?attempt=2 | publisher = ภาควิชาโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร | location =| year = 2525 | page = 19-21}}</ref> อย่างไรก็ตามหลัง[[การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475]] [[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]]มีพระบรมราชโองการยกเลิกกรมพิธีพราหมณ์ ทำให้บทบาทของพราหมณ์พฤฒิบาศหายไป<ref name="สารานุกรม">{{cite web |url= https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=34&chap=1&page=t34-1-infodetail07.html |title= บทบาทหน้าที่ของพราหมณ์ต่อราชสำนักสยาม |author=|date= |work= มูลนิธิโครงการสารานุกรมฉบับเยาวชน |publisher= |accessdate= 31 มีนาคม 2567 }}</ref>
[[อาณาจักรรัตนโกสินทร์ (สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์)|ยุครัตนโกสินทร์]] พราหมณ์พฤฒิบาศเป็นกรมสังกัดหนึ่งในสองกรมพราหมณ์ เรียกว่า ''กรมพราหมณ์พฤฒิบาศ'' แยกกับกรมพราหมณ์พิธี โดยมี ''พระสิทธิไชยบดี'' หรือเรียกว่า ''พระหมอเฒ่า'' เป็นเจ้ากรม<ref name="ราชาภิเษก"/><ref name="อายัณโฆษณ์"/> โดยมีเจ้านายและขุนนางหลายคนศึกษาวิชาคชศาสตร์จนได้เป็น "หมอเฒ่า" ได้แก่ [[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงเทพพลภักดิ์]] เจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช (บุญรอด) ต้นสกุลบุณยรัตพันธุ์ และเจ้าพระยาสุรินทราชา (จันทร์) ต้นสกุลจันทโรจนวงศ์ เป็นต้น<ref name="ศิริ">{{cite book | author = ศิริ สละคต | title = การคล้องช้างที่เพนียดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | url = https://sure.su.ac.th/xmlui/bitstream/id/bad583d3-8f14-476b-9e40-c8de0ca76dd1/fulltext.pdf?attempt=2 | publisher = ภาควิชาโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร | location =| year = 2525 | page = 19-21}}</ref> อย่างไรก็ตามหลัง[[การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475]] [[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]]มีพระบรมราชโองการยกเลิกกรมพิธีพราหมณ์ ทำให้บทบาทของพราหมณ์พฤฒิบาศหายไป<ref name="สารานุกรม">{{cite web |url= https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=34&chap=1&page=t34-1-infodetail07.html |title= บทบาทหน้าที่ของพราหมณ์ต่อราชสำนักสยาม |author=|date= |work= มูลนิธิโครงการสารานุกรมฉบับเยาวชน |publisher= |accessdate= 31 มีนาคม 2567 }}</ref>
บรรทัด 28: บรรทัด 28:
== พิธีกรรม ==
== พิธีกรรม ==
พราหมณ์พฤฒิบาศมีหน้าที่ในการฝึกดูแลช้างหลวง เช่น การคล้องช้างป่ามาใช้ในราชการ และหากมีการเสียชีวิตภายในพระบรมมหาราชวังหรือที่ประทับของเจ้านาย<ref name="ราชาภิเษก"/> พราหมณ์พฤฒิบาศจะเข้าไปประกอบ ''พิธีกลบบัตรสุมเพลิง'' เป็นพิธีที่ทำให้พื้นดินบริสุทธิ์ หากมีใครเลือดตกยางออกหรือตายในพระราชฐานชั้นในนับว่าเป็นเสนียดจัญไร ต้องแก้ไขด้วยการให้พราหมณ์พฤฒิบาศปลูกศาลเพียงตา ขุดดินบริเวณที่มีเลือดหรือคนตายกว้างสองศอก ยาวสองศอก และลึกศอกเศษ จากนั้นนำแกลบกลบลงในหลุมสูงหนึ่งศอกแล้วก่อไฟ หยิบเครื่องสังเวยใส่ในกองเพลิงแล้วอ่านโองการ เสร็จแล้วเกลี่ยดินกลบหลุม<ref>{{cite web |url= https://www.thairath.co.th/news/politic/1534408 |title= กลบบัตรสุมเพลิง |author= กิเลน ประลองเชิง |date= 2 เมษายน 2562 |work= ไทยรัฐออนไลน์ |publisher= |accessdate= 20 ตุลาคม 2563}}</ref> แล้วนำวิญญาณของผู้ตายออกจากที่เกิดเหตุไปลอยแม่น้ำ<ref name="ราชาภิเษก"/> ในสมัยอยุธยา มีการแต่ง ''ตำราคชลักษณ์'' ว่าด้วยลักษณะของช้าง ''ตำราคชกรรม'' ว่าด้วยการหัดช้างเถื่อน ขี่ช้างเถื่อน มนต์บังคับช้าง และระเบียบพิธีต่าง ๆ<ref>{{cite book | author = ศิริ สละคต | title = การคล้องช้างที่เพนียดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | url = https://sure.su.ac.th/xmlui/bitstream/id/bad583d3-8f14-476b-9e40-c8de0ca76dd1/fulltext.pdf?attempt=2 | publisher = ภาควิชาโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร | location =| year = 2525 | page = 11}}</ref> นอกจากนี้ยังมี ''คำฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมช้าง'' มาใช้ในพระราชพิธีที่เกี่ยวกับการคชกรรม สุจิตต์สันนิษฐานว่า คงเป็นวรรณกรรมที่ดัดแปลงมาจากพิธีกรรมเข้าทรงผีช้าง<ref name="สุจิตต์1"/>
พราหมณ์พฤฒิบาศมีหน้าที่ในการฝึกดูแลช้างหลวง เช่น การคล้องช้างป่ามาใช้ในราชการ และหากมีการเสียชีวิตภายในพระบรมมหาราชวังหรือที่ประทับของเจ้านาย<ref name="ราชาภิเษก"/> พราหมณ์พฤฒิบาศจะเข้าไปประกอบ ''พิธีกลบบัตรสุมเพลิง'' เป็นพิธีที่ทำให้พื้นดินบริสุทธิ์ หากมีใครเลือดตกยางออกหรือตายในพระราชฐานชั้นในนับว่าเป็นเสนียดจัญไร ต้องแก้ไขด้วยการให้พราหมณ์พฤฒิบาศปลูกศาลเพียงตา ขุดดินบริเวณที่มีเลือดหรือคนตายกว้างสองศอก ยาวสองศอก และลึกศอกเศษ จากนั้นนำแกลบกลบลงในหลุมสูงหนึ่งศอกแล้วก่อไฟ หยิบเครื่องสังเวยใส่ในกองเพลิงแล้วอ่านโองการ เสร็จแล้วเกลี่ยดินกลบหลุม<ref>{{cite web |url= https://www.thairath.co.th/news/politic/1534408 |title= กลบบัตรสุมเพลิง |author= กิเลน ประลองเชิง |date= 2 เมษายน 2562 |work= ไทยรัฐออนไลน์ |publisher= |accessdate= 20 ตุลาคม 2563}}</ref> แล้วนำวิญญาณของผู้ตายออกจากที่เกิดเหตุไปลอยแม่น้ำ<ref name="ราชาภิเษก"/> ในสมัยอยุธยา มีการแต่ง ''ตำราคชลักษณ์'' ว่าด้วยลักษณะของช้าง ''ตำราคชกรรม'' ว่าด้วยการหัดช้างเถื่อน ขี่ช้างเถื่อน มนต์บังคับช้าง และระเบียบพิธีต่าง ๆ<ref>{{cite book | author = ศิริ สละคต | title = การคล้องช้างที่เพนียดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | url = https://sure.su.ac.th/xmlui/bitstream/id/bad583d3-8f14-476b-9e40-c8de0ca76dd1/fulltext.pdf?attempt=2 | publisher = ภาควิชาโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร | location =| year = 2525 | page = 11}}</ref> นอกจากนี้ยังมี ''คำฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมช้าง'' มาใช้ในพระราชพิธีที่เกี่ยวกับการคชกรรม สุจิตต์สันนิษฐานว่า คงเป็นวรรณกรรมที่ดัดแปลงมาจากพิธีกรรมเข้าทรงผีช้าง<ref name="สุจิตต์1"/>

พราหมณ์พฤฒิบาศบูชา[[พระคเณศ]] ด้วยนับถือว่าเป็นครูของหมอช้าง จึงมีการสร้างโบสถ์สำหรับปฏิบัติบูชาพระคเณศ เรียกว่า ''สถานพิฆเนศวร'' ภายใน[[เทวสถานโบสถ์พราหมณ์]] แยกจากพราหมณ์พิธีไปต่างหาก<ref name="ศิริพจน์2"/>


นอกจากนี้ในพระราชพิธีทอดเชือกดามเชือก จะมีพ่อหมอเฒ่าออกมา[[รำพัดชา]]<ref name="อายัณโฆษณ์"/> และในพิธีธนญชัยบาศรับช้างเผือก พราหมณ์พฤฒิบาศจะประกอบอาหาร เรียกว่า ''ข้าวเกา'' หรือ ''ข้าวกระยาสังแวง'' คลุกด้วยสีเหลือง และสีแดง มาปั้นเป็นก้อน<ref>{{cite web |url= http://legacy.orst.go.th/?knowledges=ข้าวที่ใช้ในพิธีต่าง-ๆ-๑ |title= ข้าวที่ใช้ในพิธีต่าง ๆ |author=|date= 10 มิถุนายน 2553 |work= สำนักงานราชบัณฑิตยสภา |publisher= |accessdate= 1 เมษายน 2567 }}</ref>
นอกจากนี้ในพระราชพิธีทอดเชือกดามเชือก จะมีพ่อหมอเฒ่าออกมา[[รำพัดชา]]<ref name="อายัณโฆษณ์"/> และในพิธีธนญชัยบาศรับช้างเผือก พราหมณ์พฤฒิบาศจะประกอบอาหาร เรียกว่า ''ข้าวเกา'' หรือ ''ข้าวกระยาสังแวง'' คลุกด้วยสีเหลือง และสีแดง มาปั้นเป็นก้อน<ref>{{cite web |url= http://legacy.orst.go.th/?knowledges=ข้าวที่ใช้ในพิธีต่าง-ๆ-๑ |title= ข้าวที่ใช้ในพิธีต่าง ๆ |author=|date= 10 มิถุนายน 2553 |work= สำนักงานราชบัณฑิตยสภา |publisher= |accessdate= 1 เมษายน 2567 }}</ref>

รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:54, 1 เมษายน 2567

พฤฒิบาศ หรือ พราหมณ์พฤฒิบาศ เป็นพราหมณ์จำพวกหนึ่งประกอบพิธีคชกรรมซึ่งเกี่ยวข้องกับช้างและม้าในราชสำนักไทย[1] มีศาสตร์เฉพาะในการดูแลช้างและม้า และปัดเป่าเสนียดจัญไรออกไป[2] มีบทบาทในราชสำนักไทยตั้งแต่อาณาจักรสุโขทัย[2] เรื่อยมาจนถึงยุครัตนโกสินทร์[3] การมีอยู่ของพราหมณ์พฤฒิบาศถือเป็นร่องรอยของการมีอยู่ของศาสนาพระเทพกรรม อันเป็นศาสนาพื้นเมืองดั้งเดิมในอุษาคเนย์[4][5]

ประวัติ

จิตรกรรมฝาผนังรูปพราหมณ์พฤฒิบาศกับช้างเผือกปัจจัยนาเคนทร์จากเรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์หิมพานต์
หอปะกำและเสาตะลุง ภายในเพนียดคล้องช้าง

สันนิษฐานว่าพราหมณ์พฤฒิบาศมีต้นสายมาจากเมืองเขมร[6] ในราชสำนักไทย พราหมณ์พฤฒิบาศนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่อาณาจักรสุโขทัยเป็นอย่างน้อย ดังปรากฏใน จารึกนครชุม เมื่อ พ.ศ. 1900[2] เดิมนักบวชเหล่านี้นับถือศาสนาหนึ่งต่างหาก เรียกว่า ศาสนาพระเทพกรรม ดังปรากฏใน จารึกฐานพระอิศวรเมืองกำแพงเพชร เมื่อ พ.ศ. 2053[7] พวกเขานับถือพระครูประกรรม, เทพกรรม หรือเทวกรรม (คือผีปะกำ) เป็นใหญ่ ซึ่งเป็นเทพพื้นเมืองก่อนการรับอิทธิพลจากศาสนาพุทธหรือฮินดู[4] ศาสนานี้เคยแพร่หลายในไทยและกัมพูชา ตั้งแต่ประชากรชนชั้นสามัญชนไปจนถึงชนชั้นเจ้านาย ดั่งพบว่าเจ้านายเขมรเข้าบวชเป็นหมอช้าง ปรากฏใน พงศาวดารละแวก กล่าวถึงเจ้าพระยาโยม ซึ่งเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระราชโองการ พระบรมราชารามาธิราชาธิบดี ประสูติแต่นักนางแพง ได้ถือบวชเป็นหมอช้าง ความว่า "...เจ้าพระยาโยม ๆ นั้นเชี่ยวชาญชำนาญรู้ตำราช้างไสยสาตร เป็นครูเถ้าถือบวชเป็นหมอช้าง"[8] แต่ในกาลต่อมา ศาสนาพระเทพกรรมถูกกลืนเข้ากับศาสนาฮินดูในไทย และอาจเป็นไปได้ว่าพราหมณ์พฤฒิบาศนี้อาจเป็นหมอปะกำหรือครูช้างที่เข้ารีตเป็นพราหมณ์[5] พราหมณ์พฤฒิบาศจึงถูกเกณฑ์ให้ไปนับถือพระนารายณ์ (คือพระวิษณุ) แทน[9]

สุจิตต์ วงษ์เทศ พราหมณ์พฤฒิบาศคือหมอผีปะกำ มีประสบการณ์สูงในการจับช้างป่า พูดภาษาผีเกลี้ยกล่อมช้างป่าได้สำเร็จทุกครั้ง จึงได้รับการยกย่องเป็นพราหมณ์ในท้องถิ่น เรียกว่าพราหมณ์พฤฒิบาศ[10][11] แม้จะรับอิทธิพลจากศาสนาฮินดูเข้ามาแล้ว แต่คงพิธีกรรมเซ่นสรวงบูชาผีปะกำ ต่อมาได้ยกขึ้นเป็นเทวดาเรียกว่า พระเทวกรรม ไว้โดยแทรกความเป็นฮินดูไปด้วย พระครูประกรรมมีรูปลักษณ์เป็นบุรุษล่ำสัน นุ่งผ้าเกไล เปลือยอก สวมสายธุหร่ำเฉียงทางอังสะซ้าย โคนแขนสวมวลัย นับถือเป็นพระของหมอและควาญช้าง[6] หลังรับอิทธิพลจากศาสนาฮินดูแล้วจึงสร้างบุคลาธิษฐานด้วยการหยิบยืมรูปลักษณ์ของพระคเณศ ซึ่งเป็นเทพเจ้าของฮินดูมาใช้ กลายเป็นพระเทวกรรม เทพเจ้าแห่งช้าง และพระโกญจนาเนศวร์ เทพผู้ให้กำเนิดช้าง[12][13] ส่วนพระคเณศได้รับการนับถือเป็นครูช้างอย่างน้อยก็ในยุคอาณาจักรอยุธยาเป็นต้นมา ดังปรากฏใน โคลงดั้นยวนพ่าย ความว่า "...การช้างพิฆเณศรน้าว ปูนปานท่านนา..." ซึ่งฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ ได้ถอดความหมายไว้ว่า "...รอบรู้วิชาคชกรรมจนเปรียบปานได้กับพระพิฆเนศวร..."[14]

ในราชสำนักไทยยุคอาณาจักรอยุธยา พราหมณ์พฤฒิบาศเป็นกรรมวาจาจารย์ในพิธีปฐมกรรมหรือพิธีบวชพราหมณ์แก่พระมหากษัตริย์ ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ได้ตีกรุงกัมพูชาเมื่อ พ.ศ. 1964 พระองค์ได้กวาดต้อนพราหมณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านคชศาสตร์เข้ามาเป็นจำนวนมาก[15] และในช่วงเวลาหลังจากนั้นพราหมณ์จากเมืองเขมรที่อพยพเข้ากรุงศรีอยุธยาเริ่มลดจำนวนลงไปเรื่อย ๆ[16] พวกเขามีบทบาทในการคล้องช้างที่เพนียดคล้องช้าง มีการสร้างหอปะกำ และเสาตะลุง ซึ่งสุจิตต์อ้างว่าเป็นธรรมเนียมตกทอดมาจากประเพณีโพนช้างของชาวกูย[10] ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีการแบ่งพราหมณ์ออกเป็นสองฝ่าย แบ่งเป็นฝ่ายขาวคือพราหมณ์พิธี คือผู้กระทำพิธีอันสวัสดิมงคล กับฝ่ายดำคือพราหมณ์พฤฒิบาศ คือผู้กำจัดอวมงคลให้สิ้นสูญ[6]

ยุครัตนโกสินทร์ พราหมณ์พฤฒิบาศเป็นกรมสังกัดหนึ่งในสองกรมพราหมณ์ เรียกว่า กรมพราหมณ์พฤฒิบาศ แยกกับกรมพราหมณ์พิธี โดยมี พระสิทธิไชยบดี หรือเรียกว่า พระหมอเฒ่า เป็นเจ้ากรม[3][6] โดยมีเจ้านายและขุนนางหลายคนศึกษาวิชาคชศาสตร์จนได้เป็น "หมอเฒ่า" ได้แก่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงเทพพลภักดิ์ เจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช (บุญรอด) ต้นสกุลบุณยรัตพันธุ์ และเจ้าพระยาสุรินทราชา (จันทร์) ต้นสกุลจันทโรจนวงศ์ เป็นต้น[17] อย่างไรก็ตามหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการยกเลิกกรมพิธีพราหมณ์ ทำให้บทบาทของพราหมณ์พฤฒิบาศหายไป[18]

กระทั่งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงฟื้นฟูพระราชพิธีพราหมณ์ขึ้นใหม่อีกครั้ง[18]

การแบ่งกลุ่ม

พราหมณ์พฤฒิบาศมีความเชี่ยวชาญในการดูแลและช่วยกันทำกิจการต่าง ๆ เกี่ยวกับช้างได้เป็นอย่างดี โดยแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม ได้แก่[19]

  1. พระหมอเฒ่า หรือ หมอเฒ่า เป็นคณาจารย์ของพวกพฤฒิบาศ
  2. พ่อหมอเฒ่า หรือ หมอช้าง เป็นพฤฒิบาศรองลงมา
  3. หัศดาจารย์ หรือ ครูช้าง เป็นครูในการหัดช้าง

พราหมณ์พฤฒิบาศที่ตำแหน่งเป็น พระสิทธิไชยบดี หรือ พระหมอเฒ่า เป็นเพียงผู้รอบรู้กระบวนพิธี รู้ตำราคชลักษณ์ รอบรู้อาถรรพเวท เข้าใจการคชกรรม แต่ไม่มีหน้าที่คชบาล บางคนไม่กล้าเข้าใกล้ช้าง หรือกระโดดหนีช้างด้วยก็มี[6] ด้วยเหตุนี้หน้าที่ด้านการคชบาลจึงตกเป็นของ พ่อหมอเฒ่า หรือ ควาญ ที่เชี่ยวชาญด้านคชศาสตร์จะประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ เช่น บำบัดโรคช้าง กำราบนิสัยช้าง พิธีเบิกไพรแก่ช้างป่าคล้องใหม่ กับพิธีบังไพรเพื่อต้อนช้างให้ไปสู่จุดมุ่งหมาย ก็จะได้รับการยกย่องนับถือเสียยิ่งกว่าพระสิทธิไชยบดีหรือพระหมอเฒ่าเสียอีก[6]

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าให้พระเจ้าลูกยาเธอทุกพระองค์ศึกษาวิชาคชศาสตร์ เจ้านายที่มีชื่อเสียงด้านนี้มากที่สุด คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงเทพพลภักดิ์ ทรงเป็นธุระบำรุงกิจการคชกรรมเป็นอย่างมาก พระองค์เป็นแม่กองปฏิสังขรณ์เพนียดจนสมบูรณ์ พระองค์โปรดการคชกรรมมากจนถึงกับสร้างพระตำหนักขึ้นที่เพนียดและประทับอยู่ที่นั่นบ่อย ๆ จนได้รับพระสมัญญานามว่า "กรมหลวงเฒ่า" และเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ลง พวกกรมช้างจึงได้มีการสร้างเทวาลัยเฉลิมพระเกียรติด้านเหนือของเพนียด เรียกว่า ศาลกรมหลวงเฒ่า[17]

หลังการสิ้นพระชนม์ของกรมหลสงเทพพลภักดิ์ ก็ยังมีเจ้านายที่เชี่ยวชาญด้านคชศาสตร์อีก ได้แก่ หม่อมไกรสร สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอิศราพงศ์ ซึ่งทั้งหมดดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมช้าง[17] นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถือเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงเชี่ยวชาญด้านคชศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง เพราะทรงมีพระปรีชาสามารถในการรำพัดชาได้อย่างถูกต้อง และโปรดให้มีการคล้องช้างเป็นประจำทุกปี[17]

พิธีกรรม

พราหมณ์พฤฒิบาศมีหน้าที่ในการฝึกดูแลช้างหลวง เช่น การคล้องช้างป่ามาใช้ในราชการ และหากมีการเสียชีวิตภายในพระบรมมหาราชวังหรือที่ประทับของเจ้านาย[3] พราหมณ์พฤฒิบาศจะเข้าไปประกอบ พิธีกลบบัตรสุมเพลิง เป็นพิธีที่ทำให้พื้นดินบริสุทธิ์ หากมีใครเลือดตกยางออกหรือตายในพระราชฐานชั้นในนับว่าเป็นเสนียดจัญไร ต้องแก้ไขด้วยการให้พราหมณ์พฤฒิบาศปลูกศาลเพียงตา ขุดดินบริเวณที่มีเลือดหรือคนตายกว้างสองศอก ยาวสองศอก และลึกศอกเศษ จากนั้นนำแกลบกลบลงในหลุมสูงหนึ่งศอกแล้วก่อไฟ หยิบเครื่องสังเวยใส่ในกองเพลิงแล้วอ่านโองการ เสร็จแล้วเกลี่ยดินกลบหลุม[20] แล้วนำวิญญาณของผู้ตายออกจากที่เกิดเหตุไปลอยแม่น้ำ[3] ในสมัยอยุธยา มีการแต่ง ตำราคชลักษณ์ ว่าด้วยลักษณะของช้าง ตำราคชกรรม ว่าด้วยการหัดช้างเถื่อน ขี่ช้างเถื่อน มนต์บังคับช้าง และระเบียบพิธีต่าง ๆ[21] นอกจากนี้ยังมี คำฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมช้าง มาใช้ในพระราชพิธีที่เกี่ยวกับการคชกรรม สุจิตต์สันนิษฐานว่า คงเป็นวรรณกรรมที่ดัดแปลงมาจากพิธีกรรมเข้าทรงผีช้าง[11]

พราหมณ์พฤฒิบาศบูชาพระคเณศ ด้วยนับถือว่าเป็นครูของหมอช้าง จึงมีการสร้างโบสถ์สำหรับปฏิบัติบูชาพระคเณศ เรียกว่า สถานพิฆเนศวร ภายในเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ แยกจากพราหมณ์พิธีไปต่างหาก[14]

นอกจากนี้ในพระราชพิธีทอดเชือกดามเชือก จะมีพ่อหมอเฒ่าออกมารำพัดชา[6] และในพิธีธนญชัยบาศรับช้างเผือก พราหมณ์พฤฒิบาศจะประกอบอาหาร เรียกว่า ข้าวเกา หรือ ข้าวกระยาสังแวง คลุกด้วยสีเหลือง และสีแดง มาปั้นเป็นก้อน[22]

อ้างอิง

  1. จินตนา ปิ่นเฉลียว. ศรีจุฬาลักษณ์. กรุงเทพฯ : ประพันธ์สาส์น, 2524, หน้า 137
  2. 2.0 2.1 2.2 "จารึกนครชุม". ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). 15 กรกฎาคม 2564. สืบค้นเมื่อ 31 มีนาคม 2567. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 "พราหมณ์พฤฒิบาศ". คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก. สืบค้นเมื่อ 31 มีนาคม 2567. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  4. 4.0 4.1 ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ (2 เมษายน 2563). "ศาสนาผีของพระเทพกรรม ที่ระเบียงคด วัดพระแก้วฯ". มติชนสุดสัปดาห์. สืบค้นเมื่อ 27 ธันวาคม 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  5. 5.0 5.1 ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ (12 ตุลาคม 2560). "ครูช้าง พราหมณ์สยาม : พระคเณศกับปกรณัมแบบไทย ๆ". มติชนสุดสัปดาห์. สืบค้นเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2561. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  6. 6.0 6.1 6.2 6.3 6.4 6.5 6.6 อายัณโฆษณ์ (2558). "เรื่องพระคเณศที่เกี่ยวข้องกับช้าง". วชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 12 พฤษภาคม 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  7. "จารึกฐานพระอิศวรเมืองกำแพงเพชร". ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). สืบค้นเมื่อ 27 ธันวาคม 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  8. กรมศิลปากร (2481). ประชุมพงศาวดารภาคที่ 71 (PDF). พระนคร: กรุงเทพบรรณาคาร. p. 2.
  9. คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง (16 พฤศจิกายน 2560). "ไม่มีพระพรหมและพระคเณศในพิธีไหว้ครูโขนละครและดนตรี". มติชนสุดสัปดาห์. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  10. 10.0 10.1 สุจิตต์ วงษ์เทศ. "ชาวกูย จาก 'โขง-ชี-มูล' รับราชการ 'งานช้าง' ในอยุธยา". มติชนสุดสัปดาห์. สืบค้นเมื่อ 31 มีนาคม 2567. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  11. 11.0 11.1 สุจิตต์ วงษ์เทศ (26 มิถุนายน 2565). "พระพิฆเนศในอินเดีย ผีช้างจากสุวรรณภูมิ". มติชนสุดสัปดาห์. สืบค้นเมื่อ 1 เมษายน 2567. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  12. พสิษฐ์ ไชยวัฒน์ (5 พฤศจิกายน 2561). "สัมภาษณ์ คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง: ฮินดู...อีกมุมที่คนไทยไม่รู้จัก". ประชาไท. สืบค้นเมื่อ 11 พฤษภาคม 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  13. คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง (พฤษภาคม–สิงหาคม 2561). "เทวนิยมอินเดีย : เส้นทางและปรากฏการณ์ในสังคมไทย". Veridian E-Journal (11:2), หน้า 1592
  14. 14.0 14.1 ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ (30 สิงหาคม 2565). "หรือว่า 'พระคเณศ' เป็นครูช้างพราหมณ์สยาม? นัยของเรื่องนี้สะท้อนอะไรบ้าง?". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 1 เมษายน 2567. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  15. ศิริ สละคต (2525). การคล้องช้างที่เพนียดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (PDF). ภาควิชาโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร. p. 36.
  16. คึกฤทธิ์ ปราโมช, ศาสตราจารย์ หม่อมราชวงศ์ (2520). ปาฐกถา "สิรินธร" ครั้งที่ 2 เรื่อง "อิทธิพลของศาสนาฮินดูต่ออารยธรรมไทย" (PDF). p. 10.
  17. 17.0 17.1 17.2 17.3 ศิริ สละคต (2525). การคล้องช้างที่เพนียดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (PDF). ภาควิชาโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร. p. 19-21.
  18. 18.0 18.1 "บทบาทหน้าที่ของพราหมณ์ต่อราชสำนักสยาม". มูลนิธิโครงการสารานุกรมฉบับเยาวชน. สืบค้นเมื่อ 31 มีนาคม 2567. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  19. ศิริ สละคต (2525). การคล้องช้างที่เพนียดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (PDF). ภาควิชาโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร. p. 10.
  20. กิเลน ประลองเชิง (2 เมษายน 2562). "กลบบัตรสุมเพลิง". ไทยรัฐออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  21. ศิริ สละคต (2525). การคล้องช้างที่เพนียดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (PDF). ภาควิชาโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร. p. 11.
  22. "ข้าวที่ใช้ในพิธีต่าง ๆ". สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. 10 มิถุนายน 2553. สืบค้นเมื่อ 1 เมษายน 2567. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)

ดูเพิ่ม