ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เอเอชูเย่ไช"
แอนเดอร์สัน (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
แอนเดอร์สัน (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 2: | บรรทัด 2: | ||
== ประวัติ == |
== ประวัติ == |
||
⚫ | |||
หลัง[[การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]]ใน พ.ศ. 2310 มีการกวาดต้อนเชลยชาวอยุธยาจำนวนมากไว้ในขอบขัณฑสีมากษัตริย์พม่า เชลยเหล่านี้ถูกเรียกว่า[[ชาวโยดะยา|โยดะยา]] ({{lang|my|ယိုးဒယား}}) ตามแหล่งที่มา หลายคนที่ถูกกวาดต้อนเป็นศิลปินในราชสำนักอยุธยามาก่อน จึงมีการนำดนตรีและนาฏศิลป์อย่างอยุธยาเข้าไปยังราชสำนักพม่าอย่างแพร่หลาย<ref>{{cite web |url= https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/767954 |title= รอยเวลา...มัณฑะเลย์ |author=|date= 8 สิงหาคม 2560 |work= กรุงเทพธุรกิจ |publisher=|language=|accessdate=8 มิถุนายน 2564 }}</ref><ref>{{cite web |url= https://www.silpa-mag.com/culture/article_48560 |title= ไทย-พม่า กับความสัมพันธ์ด้าน “นาฏกรรม” ที่หยิบยืมกันไปมา |author=|date= 16 เมษายน 2563 |work= ศิลปวัฒนธรรม |publisher=|language=|accessdate=8 มิถุนายน 2564 }}</ref> ก่อให้เกิดเพลงพม่าสำเนียงอยุธยาหลายเพลง และจากการศึกษาพบว่าทำนองเพลงอยุธยาของพม่ากับทำนองเพลงไทยมีจังหวะและทำนองสม่ำเสมอเชื่อมโยงกัน<ref name="เพลง">{{cite web |url= http://www.manusya.journals.chula.ac.th/issue-read.php?essay=456 |title= Yodaya: Thai Classical Music in Myanmar Culture |author= Suradit Phaksuchon, Panya Rungrueang |date=|work= MANUSYA : Journal of Humanities |publisher=|language= อังกฤษ |accessdate= 8 มิถุนายน 2564}}</ref> |
หลัง[[การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]]ใน พ.ศ. 2310 มีการกวาดต้อนเชลยชาวอยุธยาจำนวนมากไว้ในขอบขัณฑสีมากษัตริย์พม่า เชลยเหล่านี้ถูกเรียกว่า[[ชาวโยดะยา|โยดะยา]] ({{lang|my|ယိုးဒယား}}) ตามแหล่งที่มา หลายคนที่ถูกกวาดต้อนเป็นศิลปินในราชสำนักอยุธยามาก่อน จึงมีการนำดนตรีและนาฏศิลป์อย่างอยุธยาเข้าไปยังราชสำนักพม่าอย่างแพร่หลาย<ref>{{cite web |url= https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/767954 |title= รอยเวลา...มัณฑะเลย์ |author=|date= 8 สิงหาคม 2560 |work= กรุงเทพธุรกิจ |publisher=|language=|accessdate=8 มิถุนายน 2564 }}</ref><ref>{{cite web |url= https://www.silpa-mag.com/culture/article_48560 |title= ไทย-พม่า กับความสัมพันธ์ด้าน “นาฏกรรม” ที่หยิบยืมกันไปมา |author=|date= 16 เมษายน 2563 |work= ศิลปวัฒนธรรม |publisher=|language=|accessdate=8 มิถุนายน 2564 }}</ref> ก่อให้เกิดเพลงพม่าสำเนียงอยุธยาหลายเพลง และจากการศึกษาพบว่าทำนองเพลงอยุธยาของพม่ากับทำนองเพลงไทยมีจังหวะและทำนองสม่ำเสมอเชื่อมโยงกัน<ref name="เพลง">{{cite web |url= http://www.manusya.journals.chula.ac.th/issue-read.php?essay=456 |title= Yodaya: Thai Classical Music in Myanmar Culture |author= Suradit Phaksuchon, Panya Rungrueang |date=|work= MANUSYA : Journal of Humanities |publisher=|language= อังกฤษ |accessdate= 8 มิถุนายน 2564}}</ref> |
||
[[อู้นุ]] เจ้ากรมมหรสพ ได้กล่าวถึงเรื่องราวมุขปาฐะของแม่นมชาวโยดะยาที่อาศัยอยู่กับชนชั้นมูลนายชาวพม่าครวญเพลงเป็นภาษาพื้นถิ่น คือเพลง ''เอเอชูเย่ไช'' ความว่า<ref>{{cite book|author=สิทธิพร เนตรนิยม|url=https://so06.tci-thaijo.org/index.php/thaikhadijournal/article/view/198011/137886|title=ฟ้อนม่านมุ้ยเซียงตา : อิทธิพลนาฏกรรมพม่าในสังคมไทย ศึกษาวิเคราะห์ความหมายของชื่อชุดการแสดง บทขับร้อง และโครงสร้างของทำนองเพลง|date=Jan–Jun 2019|publisher=วารสารไทยคดีศึกษา (16:1)|year=|location=|page=61-63}}</ref> |
|||
⚫ | |||
<blockquote>"...วันหนึ่งในจวนของเสนาบดี หญิงชาวโยดะยามีอายุคนหนึ่งกำลังดูแลเด็กด้วยการอุ้มขึ้นแนบอก หันไปทางฟากตะวันตกแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีหม่น อันมืดครึ้มไปด้วยเมฆฝนที่กำลังรวมตัวกันในเวลาเย็น ภายใต้ใบหน้าอันหมองเศร้า พร้อมกับครวญเพลงภาษาโยดะยาที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า 'เอยฉุยฉาย' ขณะนั้นเสนาบดีได้เห็นเข้าก็เรียกแม่นมเข้าไปถามว่าเจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า แม่นมตอบว่า 'ข้าฯ มาจากอยุธยาก็ช้านานแล้ว จะได้กลับไปเวลาไหนก็มิทราบ บนท้องฟ้าโน่น เมฆฝนกำลังมาเจ้าค่ะ ฝนกำลังจะตกแล้วนะเจ้าคะ เมื่อนึกถึงอยุธยา มันทำให้ข้าฯ อยากร้องไห้เจ้าค่ะ' เสนาบดีจึงถามต่ออีกว่า 'แม่นม แล้วเพลงที่เจ้าพึมพำออกมาจากปากนี่มันอะไร' แม่นมตอบ 'เพลงภาษาโยดะยาเจ้าค่ะ' เสนาบดีถาม 'แล้วคำอธิบายล่ะ ว่าอย่างไร' แม่นมตอบกลับ 'เป็นเพลงที่กล่าวว่า การตามติดคิดถึงนั้นเป็นดั่งไอหมอกที่กระตือรืนร้นจากทิศตะวันตกเฉียงใต้โน่นเจ้าค่ะ' เสนาบดีถามอีกว่า 'แล้วเจ้าน่ะไปได้เพลงนี้มาจากไหน' แม่นมตอบ 'โอพระคุณฯ เจ้าคะ การแสดงมหรสพของชาวโยดะยานั้นช่างยิ่งใหญ่มากเจ้าคะ แสดงติดต่อไปถึง 45 วันเลยเจ้าค่ะ อย่างเรื่อง รามลักขณะเอย เรื่องอิเหนาเอยก็ดีมากเจ้าค่ะ อย่างเรื่องอิเหนานั้น เจ้าหญิงบุษบาได้ถูกลมหอบไป เจ้าชายอิเหนาไม่พบเจ้าหญิงบุษบาก็เที่ยวออกตามหา เมื่อเจ้าชายมองท้องฟ้าเห็นเมฆ และฝนตกลงมาก็ทำให้หวนคิดถึงเจ้าหญิงบุษบาเจ้าค่ะ' เสนาบดีกล่าว 'โอ้ ช่างน่าสนใจจริง ๆ เออนี่ แล้วนักแสดงเหล่านั้นน่ะเราจะพบเขาได้ที่ไหนหรือ' แม่นมตอบ 'พุทโธ่เอ๋ย เจ้าพระคุณเจ้าขา ก็คนที่ถูกกวาดมาในตอนนี้ไงเจ้าคะ มีทั้งนักดนตรี นักแสดงตามติดมาทั้งหมดแหละเจ้าค่ะ ตอนนี้คนเหล่านี้ประกอบอาชีพขายอาหารอยู่เจ้าค่ะ' จากนั้นเสนาบดีจึงนำความจากแม่นมชาวโยดะยาขึ้นกราบบังคมทูลต่อพระบรมวงศานุวงศ์พม่า เจ้านายก็นำความขึ้นกราบบังคมทูลต่อพระเจ้าช้างเผือก พระองค์จึงมีพระบรมราชโองการให้ทำการรวบรวมนักแสดงโยดะยาตั้งขึ้นเป็นกรม เพื่อแสดงละครถวายพระราชสำนัก นับแต่นั้นมาก็มีการแสดงแบบโยดะยาทั้งการบรรเลง ท่วงท่า และเนื้อเรื่อง..."</blockquote> |
|||
ในวัฒนธรรมเพลงพม่ามีทำนองเพลงอยุธยาที่ยังหลงเหลือร่องรอยการใช้ภาษาไทยในการขับร้อง คือ ''พะยี่น'' ({{lang|my|ဖရင်း}}) หรือ ''เพลง'' ในภาษาอยุธยา ส่วนชื่อ ''เอเอชูเย่ไช'' ({{lang|my|ဧဧခြူရေးချိုက်}}) มาจากเนื้อร้องขึ้นต้น<ref name="เพลง"/> ซึ่งเนื้อร้องเป็นภาษาอยุธยาโบราณที่ถูกถ่ายทอดในรูปแบบมุขปาฐะแก่ชาวพม่านานกว่าศตวรรษ ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการออกเสียง และชาวพม่าเองก็ไม่สามารถถ่ายทอดคำร้องได้ถูกต้องอย่างต้นฉบับ ทำให้ปัจจุบันไม่มีใครเข้าใจความหมายของเพลงนี้ได้เลย<ref name="เพลง"/><ref name="เมี้ยนจี">เมี้ยนจี (เขียน), สุเนตร ชุตินธรานนท์ และธีรยุทธ พนมยงค์ (แปลและเรียบเรียง). "บทเพลงโยธยาสามเพลงอันแสดงถึงลักษณะไทยในประเทศพม่า ดนตรีพม่ายุคจารีต". ''พม่าอ่านไทย : ว่าด้วยประวัติศาสตร์และศิลปะไทยในทรรศนะพม่า'', หน้า 145-147</ref><ref name="altv">{{cite web |url= https://www.altv.tv/content/altv-news/61ea499b652f3ccbe2c9aad1 |title= นาฏศิลป์และการละครที่ปรากฎอยู่ใน “จากเจ้าพระยาสู่อิรวดี” |author= PLOY |date= 25 มกราคม 2565 |work= ALTV |publisher=|accessdate= 3 มิถุนายน 2565}}</ref> เข้าใจว่า ''พะยี่น'' นี้คงเป็น[[เพลงหน้าพาทย์]]<ref>{{cite web |url= https://www.youtube.com/watch?v=n8b-_m-_C1Y |title= โยเดีย ที่คิด(ไม่)ถึง : นาฏศิลป์และดนตรี |author=|date= 15 กรกฎาคม 2560 |work= Thai PBS |publisher=|accessdate= 8 มิถุนายน 2564}}</ref> ที่สื่อถึง[[นางสีดา]] ในฉากที่[[หนุมาน]]เดินทางไป[[กรุงลงกา]]เพื่อตามนางสีดาซึ่งอยู่ท่ามกลางหญิงงามคนอื่น ๆ แต่หนุมานกลับพบนางสีดาโดยง่าย เพราะงามโดดเด่นยากจะหาสตรีนางใดมาเปรียบ<ref name="เมี้ยนจี"/> แต่เนื้อเพลงก็มีส่วนคล้าย ''เพลงฉุยฉาย'' และ ''เพลงแม่ศรี'' ในการแสดง[[โขน]] ตอนทศกัณฑ์ลงสวน ของประเทศไทยในยุคปัจจุบัน<ref name="กรมศิลป์">{{cite web |url= https://www.finearts.go.th/promotion/view/28671-พัดในการแสดงนาฏศิลป์โขน-ละคร |title= พัดในการแสดงนาฏศิลป์โขน ละคร |author= ไพโรจน์ ทองคำสุก |date= |work= กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร |publisher=|accessdate= 7 มิถุนายน 2565}}</ref> |
ในวัฒนธรรมเพลงพม่ามีทำนองเพลงอยุธยาที่ยังหลงเหลือร่องรอยการใช้ภาษาไทยในการขับร้อง คือ ''พะยี่น'' ({{lang|my|ဖရင်း}}) หรือ ''เพลง'' ในภาษาอยุธยา ส่วนชื่อ ''เอเอชูเย่ไช'' ({{lang|my|ဧဧခြူရေးချိုက်}}) มาจากเนื้อร้องขึ้นต้น<ref name="เพลง"/> ซึ่งเนื้อร้องเป็นภาษาอยุธยาโบราณที่ถูกถ่ายทอดในรูปแบบมุขปาฐะแก่ชาวพม่านานกว่าศตวรรษ ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการออกเสียง และชาวพม่าเองก็ไม่สามารถถ่ายทอดคำร้องได้ถูกต้องอย่างต้นฉบับ ทำให้ปัจจุบันไม่มีใครเข้าใจความหมายของเพลงนี้ได้เลย<ref name="เพลง"/><ref name="เมี้ยนจี">เมี้ยนจี (เขียน), สุเนตร ชุตินธรานนท์ และธีรยุทธ พนมยงค์ (แปลและเรียบเรียง). "บทเพลงโยธยาสามเพลงอันแสดงถึงลักษณะไทยในประเทศพม่า ดนตรีพม่ายุคจารีต". ''พม่าอ่านไทย : ว่าด้วยประวัติศาสตร์และศิลปะไทยในทรรศนะพม่า'', หน้า 145-147</ref><ref name="altv">{{cite web |url= https://www.altv.tv/content/altv-news/61ea499b652f3ccbe2c9aad1 |title= นาฏศิลป์และการละครที่ปรากฎอยู่ใน “จากเจ้าพระยาสู่อิรวดี” |author= PLOY |date= 25 มกราคม 2565 |work= ALTV |publisher=|accessdate= 3 มิถุนายน 2565}}</ref> เข้าใจว่า ''พะยี่น'' นี้คงเป็น[[เพลงหน้าพาทย์]]<ref>{{cite web |url= https://www.youtube.com/watch?v=n8b-_m-_C1Y |title= โยเดีย ที่คิด(ไม่)ถึง : นาฏศิลป์และดนตรี |author=|date= 15 กรกฎาคม 2560 |work= Thai PBS |publisher=|accessdate= 8 มิถุนายน 2564}}</ref> ที่สื่อถึง[[นางสีดา]] ในฉากที่[[หนุมาน]]เดินทางไป[[กรุงลงกา]]เพื่อตามนางสีดาซึ่งอยู่ท่ามกลางหญิงงามคนอื่น ๆ แต่หนุมานกลับพบนางสีดาโดยง่าย เพราะงามโดดเด่นยากจะหาสตรีนางใดมาเปรียบ<ref name="เมี้ยนจี"/> แต่เนื้อเพลงก็มีส่วนคล้าย ''เพลงฉุยฉาย'' และ ''เพลงแม่ศรี'' ในการแสดง[[โขน]] ตอนทศกัณฑ์ลงสวน ของประเทศไทยในยุคปัจจุบัน<ref name="กรมศิลป์">{{cite web |url= https://www.finearts.go.th/promotion/view/28671-พัดในการแสดงนาฏศิลป์โขน-ละคร |title= พัดในการแสดงนาฏศิลป์โขน ละคร |author= ไพโรจน์ ทองคำสุก |date= |work= กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร |publisher=|accessdate= 7 มิถุนายน 2565}}</ref> |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:40, 18 เมษายน 2567
พะยี่น หรือ พะรี่น (พม่า: ဖရင်း, มาจากคำว่า เพลง ในภาษาอยุธยา) หรืออาจรู้จักในชื่อ เอเอชูเย่ไช (ဧဧခြူရေးချိုက်) เป็นเพลงพม่าเพลงหนึ่ง จัดอยู่ในกลุ่มเพลงสำเนียงอยุธยา (ယိုးဒယားသီချင်း) ซึ่งชาวพม่าให้การยอมรับว่าเป็นเพลงอยุธยามาแต่ดั้งเดิม รวมทั้งมีเนื้อเพลงเป็นภาษาไทยสมัยอยุธยา อย่างไรก็ตามเนื้อร้องดังกล่าวได้รับการถ่ายทอดสู่ชาวพม่าในรูปแบบมุขปาฐะ ทำให้ปัจจุบันนี้ทั้งชาวไทยและพม่าเองไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาและความหมายของเพลงนี้ได้เลย ในเวลาต่อมาอูซะ เจ้าเมืองมยะวดี ได้แต่งเนื้อร้องเป็นพม่าใหม่ แต่ยังคงทำนองเพลงอย่างอยุธยาไว้ดังเดิม
ประวัติ
หลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองใน พ.ศ. 2310 มีการกวาดต้อนเชลยชาวอยุธยาจำนวนมากไว้ในขอบขัณฑสีมากษัตริย์พม่า เชลยเหล่านี้ถูกเรียกว่าโยดะยา (ယိုးဒယား) ตามแหล่งที่มา หลายคนที่ถูกกวาดต้อนเป็นศิลปินในราชสำนักอยุธยามาก่อน จึงมีการนำดนตรีและนาฏศิลป์อย่างอยุธยาเข้าไปยังราชสำนักพม่าอย่างแพร่หลาย[1][2] ก่อให้เกิดเพลงพม่าสำเนียงอยุธยาหลายเพลง และจากการศึกษาพบว่าทำนองเพลงอยุธยาของพม่ากับทำนองเพลงไทยมีจังหวะและทำนองสม่ำเสมอเชื่อมโยงกัน[3]
อู้นุ เจ้ากรมมหรสพ ได้กล่าวถึงเรื่องราวมุขปาฐะของแม่นมชาวโยดะยาที่อาศัยอยู่กับชนชั้นมูลนายชาวพม่าครวญเพลงเป็นภาษาพื้นถิ่น คือเพลง เอเอชูเย่ไช ความว่า[4]
"...วันหนึ่งในจวนของเสนาบดี หญิงชาวโยดะยามีอายุคนหนึ่งกำลังดูแลเด็กด้วยการอุ้มขึ้นแนบอก หันไปทางฟากตะวันตกแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีหม่น อันมืดครึ้มไปด้วยเมฆฝนที่กำลังรวมตัวกันในเวลาเย็น ภายใต้ใบหน้าอันหมองเศร้า พร้อมกับครวญเพลงภาษาโยดะยาที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า 'เอยฉุยฉาย' ขณะนั้นเสนาบดีได้เห็นเข้าก็เรียกแม่นมเข้าไปถามว่าเจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า แม่นมตอบว่า 'ข้าฯ มาจากอยุธยาก็ช้านานแล้ว จะได้กลับไปเวลาไหนก็มิทราบ บนท้องฟ้าโน่น เมฆฝนกำลังมาเจ้าค่ะ ฝนกำลังจะตกแล้วนะเจ้าคะ เมื่อนึกถึงอยุธยา มันทำให้ข้าฯ อยากร้องไห้เจ้าค่ะ' เสนาบดีจึงถามต่ออีกว่า 'แม่นม แล้วเพลงที่เจ้าพึมพำออกมาจากปากนี่มันอะไร' แม่นมตอบ 'เพลงภาษาโยดะยาเจ้าค่ะ' เสนาบดีถาม 'แล้วคำอธิบายล่ะ ว่าอย่างไร' แม่นมตอบกลับ 'เป็นเพลงที่กล่าวว่า การตามติดคิดถึงนั้นเป็นดั่งไอหมอกที่กระตือรืนร้นจากทิศตะวันตกเฉียงใต้โน่นเจ้าค่ะ' เสนาบดีถามอีกว่า 'แล้วเจ้าน่ะไปได้เพลงนี้มาจากไหน' แม่นมตอบ 'โอพระคุณฯ เจ้าคะ การแสดงมหรสพของชาวโยดะยานั้นช่างยิ่งใหญ่มากเจ้าคะ แสดงติดต่อไปถึง 45 วันเลยเจ้าค่ะ อย่างเรื่อง รามลักขณะเอย เรื่องอิเหนาเอยก็ดีมากเจ้าค่ะ อย่างเรื่องอิเหนานั้น เจ้าหญิงบุษบาได้ถูกลมหอบไป เจ้าชายอิเหนาไม่พบเจ้าหญิงบุษบาก็เที่ยวออกตามหา เมื่อเจ้าชายมองท้องฟ้าเห็นเมฆ และฝนตกลงมาก็ทำให้หวนคิดถึงเจ้าหญิงบุษบาเจ้าค่ะ' เสนาบดีกล่าว 'โอ้ ช่างน่าสนใจจริง ๆ เออนี่ แล้วนักแสดงเหล่านั้นน่ะเราจะพบเขาได้ที่ไหนหรือ' แม่นมตอบ 'พุทโธ่เอ๋ย เจ้าพระคุณเจ้าขา ก็คนที่ถูกกวาดมาในตอนนี้ไงเจ้าคะ มีทั้งนักดนตรี นักแสดงตามติดมาทั้งหมดแหละเจ้าค่ะ ตอนนี้คนเหล่านี้ประกอบอาชีพขายอาหารอยู่เจ้าค่ะ' จากนั้นเสนาบดีจึงนำความจากแม่นมชาวโยดะยาขึ้นกราบบังคมทูลต่อพระบรมวงศานุวงศ์พม่า เจ้านายก็นำความขึ้นกราบบังคมทูลต่อพระเจ้าช้างเผือก พระองค์จึงมีพระบรมราชโองการให้ทำการรวบรวมนักแสดงโยดะยาตั้งขึ้นเป็นกรม เพื่อแสดงละครถวายพระราชสำนัก นับแต่นั้นมาก็มีการแสดงแบบโยดะยาทั้งการบรรเลง ท่วงท่า และเนื้อเรื่อง..."
ในวัฒนธรรมเพลงพม่ามีทำนองเพลงอยุธยาที่ยังหลงเหลือร่องรอยการใช้ภาษาไทยในการขับร้อง คือ พะยี่น (ဖရင်း) หรือ เพลง ในภาษาอยุธยา ส่วนชื่อ เอเอชูเย่ไช (ဧဧခြူရေးချိုက်) มาจากเนื้อร้องขึ้นต้น[3] ซึ่งเนื้อร้องเป็นภาษาอยุธยาโบราณที่ถูกถ่ายทอดในรูปแบบมุขปาฐะแก่ชาวพม่านานกว่าศตวรรษ ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการออกเสียง และชาวพม่าเองก็ไม่สามารถถ่ายทอดคำร้องได้ถูกต้องอย่างต้นฉบับ ทำให้ปัจจุบันไม่มีใครเข้าใจความหมายของเพลงนี้ได้เลย[3][5][6] เข้าใจว่า พะยี่น นี้คงเป็นเพลงหน้าพาทย์[7] ที่สื่อถึงนางสีดา ในฉากที่หนุมานเดินทางไปกรุงลงกาเพื่อตามนางสีดาซึ่งอยู่ท่ามกลางหญิงงามคนอื่น ๆ แต่หนุมานกลับพบนางสีดาโดยง่าย เพราะงามโดดเด่นยากจะหาสตรีนางใดมาเปรียบ[5] แต่เนื้อเพลงก็มีส่วนคล้าย เพลงฉุยฉาย และ เพลงแม่ศรี ในการแสดงโขน ตอนทศกัณฑ์ลงสวน ของประเทศไทยในยุคปัจจุบัน[8]
พ.ศ. 2347 อูซะ เจ้าเมืองมยะวดี ได้แต่งคำร้องเพลง พะยี่น เป็นภาษาพม่า ตามพระราชบัณฑูรของรัชทายาทผู้สนพระทัยในศิลปะและการละครอย่างสยาม แต่ยังคงทำนองอยุธยาไว้ดังเดิม[3] โดยเพลงนี้ถูกจัดให้เป็นเพลงอยุธยาประเภทระทมรัก มีเนื้อหาชมความงามของธรรมชาติตามชนนิยม มีการตัดทอนพยางค์จากเดิมเป็นภาษาไทยมี 75 พยางค์ เหลือเพียง 50 พยางค์เมื่อเป็นภาษาพม่า เพื่อแปลงคำร้องให้เข้ากับทำนองเพลงอยุธยา[5]
ในช่วงเวลาต่อมาเพลง "เอเอชูเย่ไช" ถูกบรรจุลงในหมวดเพลงที่สะกดด้วยอักษรพม่าแต่ไม่มีความหมาย ในหนังสือ มหาคีตา กระทั่งอู้นุ นายกรัฐมนตรีคนแรกของพม่า ตั้งข้อสังเกตกับเพลงเอเอชูเย่ไช ว่าแม้จะใช้เครื่องดนตรีพม่าบรรเลง แต่ท่วงทำนองและจังหวะกลับคล้ายกับทำนองเพลงไทยมาก จึงทำให้เกิดการศึกษาอย่างจริงจัง จนพบว่าเพลงดังกล่าวตกทอดมาจากบทเพลงของชาวโยดะยาผู้พลัดถิ่นในอังวะ[6]
เนื้อเพลง
อักษรพม่า | อักษรโรมัน | อักษรไทย | ถอดคำร้อง | เทียบ ฉุยฉาย และ แม่ศรี[8] |
---|---|---|---|---|
|
|
|
|
|
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- ↑ "รอยเวลา...มัณฑะเลย์". กรุงเทพธุรกิจ. 8 สิงหาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 8 มิถุนายน 2564.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ไทย-พม่า กับความสัมพันธ์ด้าน "นาฏกรรม" ที่หยิบยืมกันไปมา". ศิลปวัฒนธรรม. 16 เมษายน 2563. สืบค้นเมื่อ 8 มิถุนายน 2564.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 Suradit Phaksuchon, Panya Rungrueang. "Yodaya: Thai Classical Music in Myanmar Culture". MANUSYA : Journal of Humanities (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 8 มิถุนายน 2564.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ สิทธิพร เนตรนิยม (Jan–Jun 2019). ฟ้อนม่านมุ้ยเซียงตา : อิทธิพลนาฏกรรมพม่าในสังคมไทย ศึกษาวิเคราะห์ความหมายของชื่อชุดการแสดง บทขับร้อง และโครงสร้างของทำนองเพลง. วารสารไทยคดีศึกษา (16:1). p. 61-63.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 เมี้ยนจี (เขียน), สุเนตร ชุตินธรานนท์ และธีรยุทธ พนมยงค์ (แปลและเรียบเรียง). "บทเพลงโยธยาสามเพลงอันแสดงถึงลักษณะไทยในประเทศพม่า ดนตรีพม่ายุคจารีต". พม่าอ่านไทย : ว่าด้วยประวัติศาสตร์และศิลปะไทยในทรรศนะพม่า, หน้า 145-147
- ↑ 6.0 6.1 PLOY (25 มกราคม 2565). "นาฏศิลป์และการละครที่ปรากฎอยู่ใน "จากเจ้าพระยาสู่อิรวดี"". ALTV. สืบค้นเมื่อ 3 มิถุนายน 2565.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "โยเดีย ที่คิด(ไม่)ถึง : นาฏศิลป์และดนตรี". Thai PBS. 15 กรกฎาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 8 มิถุนายน 2564.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 8.0 8.1 ไพโรจน์ ทองคำสุก. "พัดในการแสดงนาฏศิลป์โขน ละคร". กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร. สืบค้นเมื่อ 7 มิถุนายน 2565.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)
- บรรณานุกรม
- สุเนตร ชุตินธรานนท์, รศ. ดร. (บรรณาธิการ). พม่าอ่านไทย : ว่าด้วยประวัติศาสตร์และศิลปะไทยในทรรศนะพม่า. กรุงเทพฯ : มติชน, 2555. 220 หน้า. ISBN 978-974-322-352-5