ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มาร์ก กิลเลสพี"
วรุฒ หิ่มสาใจ (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขด้วยเว็บอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
วรุฒ หิ่มสาใจ (คุย | ส่วนร่วม) ป้ายระบุ: แก้ไขด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขด้วยเว็บอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 30: | บรรทัด 30: | ||
เขากลับมาลงสนามให้ทีมชุดใหญ่อีกครั้งหลังจากหายไป 1 เดือนครึ่ง ในเกมที่แพ้[[ชรูส์บรีทาวน์]] 1–2 และลงเล่นต่อเนื่องอีก 37 นัดในฤดูกาลนั้น ระหว่างฤดูกาล เขาได้ขยายสัญญาออกไปจนจบฤดูกาล 2014–15<ref>{{cite news|title=Mark Gillespie signs new Carlisle United deal until 2014|url=https://www.bbc.com/sport/0/football/20715204|publisher=BBC|date=13 December 2012}}</ref> เมื่อจบฤดูกาล คอลลินออกจากสโมสรไปร่วมทีม[[รอเทอรัมยูไนเต็ด]]<ref>{{cite news|title=Rotherham United sign Richard Brindley and Adam Collin|url=https://www.bbc.com/sport/0/football/22641851|publisher=BBC|date=23 May 2013}}</ref> |
เขากลับมาลงสนามให้ทีมชุดใหญ่อีกครั้งหลังจากหายไป 1 เดือนครึ่ง ในเกมที่แพ้[[ชรูส์บรีทาวน์]] 1–2 และลงเล่นต่อเนื่องอีก 37 นัดในฤดูกาลนั้น ระหว่างฤดูกาล เขาได้ขยายสัญญาออกไปจนจบฤดูกาล 2014–15<ref>{{cite news|title=Mark Gillespie signs new Carlisle United deal until 2014|url=https://www.bbc.com/sport/0/football/20715204|publisher=BBC|date=13 December 2012}}</ref> เมื่อจบฤดูกาล คอลลินออกจากสโมสรไปร่วมทีม[[รอเทอรัมยูไนเต็ด]]<ref>{{cite news|title=Rotherham United sign Richard Brindley and Adam Collin|url=https://www.bbc.com/sport/0/football/22641851|publisher=BBC|date=23 May 2013}}</ref> |
||
ในฤดูกาล 2013–14 อาชีพนักฟุตบอลของกิลเลสพีต้องหยุดลงกลางคัน เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าใน[[เอฟเอคัพ]]ที่พบกับบอร์แฮมวูดเมื่อเดือนพฤศจิกายน<ref>{{cite news|title=Carlisle United: Mark Gillespie could miss next two months|url=https://www.bbc.com/sport/0/football/24915753|publisher=BBC|date=12 November 2013}}</ref> |
ในฤดูกาล 2013–14 อาชีพนักฟุตบอลของกิลเลสพีต้องหยุดลงกลางคัน เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าใน[[เอฟเอคัพ]]ที่พบกับบอร์แฮมวูดเมื่อเดือนพฤศจิกายน<ref>{{cite news|title=Carlisle United: Mark Gillespie could miss next two months|url=https://www.bbc.com/sport/0/football/24915753|publisher=BBC|date=12 November 2013}}</ref> เขาไม่ได้ลงเล่นให้กับคาร์ไลล์อีกเลยในฤดูกาลนั้น สโมสรตกชั้นสู่[[ลีกทู]]<ref>{{cite news|title=Gillespie can make his mark on new-look Carlisle United side|url=http://www.newsandstar.co.uk/carlisle-united/latest/gillespie-can-make-his-mark-on-new-look-carlisle-united-side-1.1138183|work=News and Star|date=12 September 2014|url-status=dead|archiveurl=https://web.archive.org/web/20140912094941/http://www.newsandstar.co.uk/carlisle-united/latest/gillespie-can-make-his-mark-on-new-look-carlisle-united-side-1.1138183|archivedate=12 September 2014}}</ref> |
||
=== นิวคาสเซิลยูไนเต็ด === |
=== นิวคาสเซิลยูไนเต็ด === |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:13, 18 มิถุนายน 2567
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | มาร์ก โจเซฟ กิลเลสพี[1] | ||
วันเกิด | [2] | 27 มีนาคม ค.ศ. 1992||
สถานที่เกิด | นิวคาสเซิลอะพอนไทน์ | ||
ส่วนสูง | 1.91 เมตร (6 ฟุต 3 นิ้ว)[3] | ||
ตำแหน่ง | ผู้รักษาประตู | ||
ข้อมูลสโมสร | |||
สโมสรปัจจุบัน | นิวคาสเซิลยูไนเต็ด | ||
หมายเลข | 29 |
มาร์ก โจเซฟ กิลเลสพี (อังกฤษ: Mark Joseph Gillespie, เกิด 27 มีนาคม 1992) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ ซึ่งเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูให้กับนิวคาสเซิลยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีก
ระดับอาชีพ
เริ่มต้นอาชีพ
กิลเลสพีเป็นส่วนหนึ่งของระบบอะคาเดมีของนิวคาสเซิลยูไนเต็ด ก่อนย้ายไปคาร์ไลล์ยูไนเต็ด ในปี 2008 ขณะอายุได้ 16 ปี เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนก่อนจะเลื่อนชั้นสู่ทีมสำรองของสโมสร
คาร์ไลล์ยูไนเต็ด
ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2010 กิลเลสพีมีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมลีกวันที่คาร์ไลล์พบกับสวินดันทาวน์เนื่องจากเลนนี พิดจ์ลีย์ ได้รับบาดเจ็บ เขานั่งสำรองอีก 7 นัด ก่อนที่พิดจ์ลีย์จะกลับมาลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลลีกโทรฟีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2010
ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2010 กิลเลสพีลงประเดิมสนามระดับอาชีพในวันสุดท้ายของฤดูกาล 2009–10 ในนัดที่เอาชนะนอริชซิตีที่แคร์โรว์โรดโดยลงมาเป็นตัวสำรองช่วงท้ายเกม กิลเลสพีกลายเป็นผู้รักษาประตูที่อายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นให้กับคาร์ไลล์ ด้วยวัยเพียง 18 ปี 42 วัน ทำลายสถิติเก่าที่เคยทำไว้โดย โทนี เค็ก
ในฤดูกาล 2010–11 กิลเลสพี ย้ายไปเล่นให้กับไบลธ์สปาร์ตันส์ ในคอนเฟอเรนซ์ลีก นอร์ท ด้วยสัญญายืมตัวเป็นเวลา 1 เดือน เขาประเดิมสนามพบกับอีสต์วูดทาวน์ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2010 และเก็บคลีนชีตได้สำเร็จ สัญญายืมตัวของเขาขยายออกไปอีก 2 เดือน ก่อนจะกลับมาที่คาร์ไลล์[4] กิลเลสพีไม่ได้ลงเล่นให้กับคาร์ไลล์เลยทั้งในฤดูกาล 2010–11 และ 2011–12
กิลเลสพีลงประเดิมสนามให้กับคาร์ไลล์เป็นครั้งแรก ในเกมฟุตบอลลีกโทรฟีที่พบกับเพรสตันนอร์ทเอนด์เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2012[5] สถิติลงตัวจริง 146 นัดติดต่อกันของอดัม คอลลิน สิ้นสุดลง กิลเลสพียังคงมีชื่อลงเล่นในทีมต่อในวันเสาร์ถัดมา ในการแข่งขันในลีกนัดที่พบกับฮาร์ทลีพูลยูไนเต็ด หลังจาก เกร็ก แอ็บบอต ผู้จัดการทีมคาร์ไลล์ในเวลานั้น ได้กล่าวว่า กิลเลสพีและคอลลิน กำลังแข่งขันกันเพื่อตำแหน่งผู้รักษาประตู[5][6]
กิลเลสพีได้รับคำชมจากอังแดร วีลัช-โบอัชผู้จัดการทีมของทอตนัมฮอตสเปอร์ ในขณะนั้น และการ์โล กูดีชีนีผู้รักษาประตูจอมเก๋า หลังจากคาร์ไลล์พ่ายทอตนัมฮอตสเปอร์ 0–3 ในศึกอีเอฟแอลคัพ เมื่อวันที่ 26 กันยายน การยกย่องเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่กิลเลสพีโชว์ฟอร์มเซฟลูกสำคัญให้คาร์ไลล์หลายครั้งในช่วงต้นเกม[7] ต้นเดือนพฤศจิกายน 2012 กิลเลสพีสูญเสียตำแหน่งตัวจริงในทีมชุดใหญ่ หลังลงแข่งต่อเนื่อง 13 นัด ในช่วงเวลา 2 เดือน ในช่วงนี้ เขาเสียไปถึง 23 ประตู และเก็บคลีนชีตได้เพียงนัดเดียว (ในนัดที่พบกับครูว์อเล็กซานดร้า เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2012)
เขากลับมาลงสนามให้ทีมชุดใหญ่อีกครั้งหลังจากหายไป 1 เดือนครึ่ง ในเกมที่แพ้ชรูส์บรีทาวน์ 1–2 และลงเล่นต่อเนื่องอีก 37 นัดในฤดูกาลนั้น ระหว่างฤดูกาล เขาได้ขยายสัญญาออกไปจนจบฤดูกาล 2014–15[8] เมื่อจบฤดูกาล คอลลินออกจากสโมสรไปร่วมทีมรอเทอรัมยูไนเต็ด[9]
ในฤดูกาล 2013–14 อาชีพนักฟุตบอลของกิลเลสพีต้องหยุดลงกลางคัน เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าในเอฟเอคัพที่พบกับบอร์แฮมวูดเมื่อเดือนพฤศจิกายน[10] เขาไม่ได้ลงเล่นให้กับคาร์ไลล์อีกเลยในฤดูกาลนั้น สโมสรตกชั้นสู่ลีกทู[11]
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2020 นิวคาสเซิลยูไนเต็ดประกาศเซ็นสัญญาคว้าตัว มาร์ก กิลเลสพี กลับมาร่วมทีมด้วยสัญญา 3 ปี หลังจากผ่านไป 12 ปี[12] เขามีโอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่เพียง 3 นัดในรายการคาราบาวคัพ ฤดูกาล 2020–21 แต่มีชื่ออยู่บนม้านั่งสำรองหลายนัด รวมถึงในคาราบาวคัพรอบชิงชนะเลิศ ปี 2023 เพราะนิก โพป นายทวารมือ 1 โดนแบน, มาร์ติน ดูเบรากา ติดคัพไท และคาร์ล ดาร์โลว์ ถูกปล่อยยืมตัว
สโมสรประกาศต่อสัญญากิลเลสพีออกไปอีก 1 ปีเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2024[13]
อ้างอิง
- ↑ "2020/21 Premier League squads confirmed". Premier League. 20 October 2020. สืบค้นเมื่อ 25 October 2020.
- ↑ "มาร์ก กิลเลสพี". Barry Hugman's Footballers. สืบค้นเมื่อ 23 มิถุนายน 2017.
- ↑ Rollin, Glenda; Rollin, Jack, บ.ก. (2012). Sky Sports Football Yearbook 2012–2013 (43rd ed.). London: Headline Publishing Group. p. 449. ISBN 978-0-7553-6356-8.
- ↑ "Blyth Spartans extend loan of Carlisle's Mark Gillespie". BBC. 11 November 2010.
- ↑ 5.0 5.1 "Carlisle United goalkeepers battle it out to be No1". News & Star. 7 September 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 September 2014. สืบค้นเมื่อ 10 September 2012.
- ↑ "Abbott dives into his Pool of young talent". News & Star. 10 September 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 September 2014. สืบค้นเมื่อ 10 September 2012.
- ↑ "Spurs pair praise Carlisle Utd rookie keeper after game". News & Star. 27 September 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 September 2014. สืบค้นเมื่อ 30 December 2012.
- ↑ "Mark Gillespie signs new Carlisle United deal until 2014". BBC. 13 December 2012.
- ↑ "Rotherham United sign Richard Brindley and Adam Collin". BBC. 23 May 2013.
- ↑ "Carlisle United: Mark Gillespie could miss next two months". BBC. 12 November 2013.
- ↑ "Gillespie can make his mark on new-look Carlisle United side". News and Star. 12 September 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 September 2014.
- ↑ "Magpies confirm signing of goalkeeper Mark Gillespie". nufc.co.uk/. Newcastle United F.C. 3 July 2020. สืบค้นเมื่อ 3 July 2020.
- ↑ Ryder, Lee (2024-05-30). "Howe hands Newcastle contract extension to 'hugely important' Gillespie". Chronicle Live (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2024-05-30.