ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แผ้ว สนิทวงศ์เสนี"
แอนเดอร์สัน (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
แอนเดอร์สัน (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 62: | บรรทัด 62: | ||
== การทำงาน == |
== การทำงาน == |
||
ท่านผู้หญิงแผ้วเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทยอย่างยิ่งยวด ด้วยมีท่ารำที่คล่องแคล่ว แข็งแรง สอดประสานไปด้วยความอ่อนช้อย<ref name="ไทยพีบีเอส" /> ในการแสดงท่านผู้หญิงแผ้วจะออกแสดงให้สมตามบทบาทและท่วงท่า เช่น รับบทเป็นกษัตริย์ ขุนนาง บุคคลสำคัญ หรือแม้กระทั่งสัตว์<ref name="สารานุกรมไทย" /> |
ท่านผู้หญิงแผ้วเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทยอย่างยิ่งยวด ด้วยมีท่ารำที่คล่องแคล่ว แข็งแรง สอดประสานไปด้วยความอ่อนช้อย<ref name="ไทยพีบีเอส" /> ในการแสดงท่านผู้หญิงแผ้วจะออกแสดงให้สมตามบทบาทและท่วงท่า เช่น รับบทเป็นกษัตริย์ ขุนนาง บุคคลสำคัญ หรือแม้กระทั่งสัตว์<ref name="สารานุกรมไทย" /> มีความเชี่ยวชาญประดิษฐ์ท่ารำอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน ซึ่งเกิดจากการสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว อย่างเช่น การแต่งเติมท่ารำให้มีการยักเยื้องร่างกายส่วนต่าง ๆ ให้อ่อนไหวกว่ามาตรฐานไทยเดิม<ref name="สวภา">{{cite web |url= https://www.car.chula.ac.th/display7.php?bib=1685568 |title= หลักนาฏยประดิษฐ์ของท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี |work= สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |author= สวภา เวชสุรักษ์ |date= 2547 |publisher=|accessdate= 14 ตุลาคม 2567}}</ref> การขยับเท้าและลักคอตามจังหวะ ได้มาจากพฤติกรรมตามธรรมชาติของนก เป็นอาทิ<ref name="ไทยพีบีเอส">{{cite web |url= https://www.thaipbs.or.th/news/content/135807 |title= 109 ปี ชาตกาลท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี |work= ไทยพีบีเอส |author=|date= 27 ธันวาคม 2555 |publisher=|accessdate= 14 ตุลาคม 2567}}</ref> ทำรำแต่ละท่าที่ท่านผู้หญิงแผ้วประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่จะถูกดัดแปลงให้สอดคล้องกับยุคสมัย งดงาม เหมาะสมแก่บทบาท โดยเอาความถูกต้องตามระเบียบแบบแผนนาฏยจารีตของไทยที่มีมาแต่ครั้งโบราณเป็นที่ตั้ง<ref name="สารานุกรมไทย">{{cite web |url= https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=37&chap=3&page=t37-3-infodetail07.html |title= ศิลปินแห่งชาติครั้งแรกในประวัติศาสตร์ |work= มูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน |author=|date=|publisher=|accessdate= 14 ตุลาคม 2567}}</ref> [[บุนนาค ทรรทรานนท์]] ศิษย์คนหนึ่งของท่านผู้หญิงแผ้ว ได้กล่าวถึงการสอนของท่านผู้หญิงไว้ว่า "การสอนของท่านผู้หญิงแผ้วเน้นท่าเก๋กว่าใคร และให้เป็นธรรมชาติ ท่านเอาสิ่งที่ไปพบเจอมาคิดท่ารำ"<ref name="ไทยพีบีเอส" /> ด้วยเหตุนี้ [[ธนิต อยู่โพธิ์]] หัวหน้ากองการสังคีต [[กรมศิลปากร]] ได้เรียนเชิญให้ท่านผู้หญิงช่วยปรับปรุงฟื้นฟู และวางรากฐานด้านการละคร การรำ ให้กับกรมศิลปากร ท่านเป็นผู้ออกแบบท่ารำ เป็นผู้ฝึกสอน และอำนวยการฝึกซ้อมการแสดง[[โขน]] [[ละคร]] ฟ้อนรำต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ท่านได้รับราชการในกรมศิลปากร ช่วง พ.ศ. 2491–2535<ref name="สวภา" /> โดยท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทยของกรมศิลปากร ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝึกซ้อมการแสดงนาฏศิลป์ไทย และเป็นวิทยากรบรรยายความรู้เกี่ยวกับนาฏศิลป์ไทย<ref name="สารานุกรมไทย" /> |
||
ท่านผู้หญิงแผ้วมีผลงานนาฏยประดิษฐ์มากถึง 44 ท่วงท่า ทั้งนาฏยจารีตไทย และนาฏยจารีตผสมผสาน<ref name="สวภา" /> เช่น [[ระบำสุโขทัย]] ดัดแปลงมาจากการแสดงตอนหนึ่งของ ''[[อิเหนา]]'' ระบำมิตรสัมพันธ์มั่นใจไทย-เกาหลี และท่วงท่ารำตอนหนึ่งของการแสดง[[ลาวกระทบไม้]]<ref name="สารานุกรมไทย" /> ซึ่งนาฏยจารีตผสมผสานของท่านผู้หญิงแผ้วได้มาจากการนำนาฏยจารีตต่างชาติมาผสานกับเข้านาฏศิลป์ไทย ได้รับคำชื่นชมว่างดงามแปลกตา<ref name="สวภา" /> |
ท่านผู้หญิงแผ้วมีผลงานนาฏยประดิษฐ์มากถึง 44 ท่วงท่า ทั้งนาฏยจารีตไทย และนาฏยจารีตผสมผสาน<ref name="สวภา" /> เช่น [[ระบำสุโขทัย]] ดัดแปลงมาจากการแสดงตอนหนึ่งของ ''[[อิเหนา]]''<ref name="สารานุกรมไทย" /> [[ระบำชาวนา]] ออกแบบท่ารำจากหว่านข้าว ไถนา เกี่ยวข้าว และฝัดข้าว<ref>{{cite web |url= http://www.digitalschool.club/digitalschool/art/art6_2/lesson4/page2.php |title= ระบำชาวนา |work= Virtual School Online |author=|date= |publisher=|accessdate= 14 ตุลาคม 2567}}</ref> ระบำมิตรสัมพันธ์มั่นใจไทย-เกาหลี<ref name="สารานุกรมไทย" /> [[ระบำกินรีร่อน]] เป็นการปรับปรุงท่ารำให้กลมกลืนกับเพลงเชิดจีนผสมท่าเหินบินของกินรี ภายหลังได้เพิ่มเติมท่ารำบูชายันต์ของนางมโนราห์ต่อท้ายเพลงเชิดจีน<ref>{{cite web |url= https://www.nattasampun.com/?action=show_category&id=55 |title= กินนรีร่อนออกมโนราห์บูชายัญ |work= นาฏสัมพันธ์ |author=|date= 9 กันยายน 2551 |publisher=|accessdate= 14 ตุลาคม 2567}}</ref> และท่วงท่ารำตอนหนึ่งของการแสดง[[ลาวกระทบไม้]]ก็ได้ท่านผู้หญิงแผ้วออกแบบท่าเอาไว้<ref name="สารานุกรมไทย" /> ซึ่งนาฏยจารีตผสมผสานของท่านผู้หญิงแผ้วได้มาจากการนำนาฏยจารีตต่างชาติมาผสานกับเข้านาฏศิลป์ไทย ได้รับคำชื่นชมว่างดงามแปลกตา<ref name="สวภา" /> |
||
ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2528 และบุคคลดีเด่นของชาติ สาขาศิลปะ ด้านนาฏศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2529 |
ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2528 และบุคคลดีเด่นของชาติ สาขาศิลปะ ด้านนาฏศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2529 |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:10, 14 ตุลาคม 2567
แผ้ว สนิทวงศ์เสนี | |
---|---|
ท่านผู้หญิงแผ้วในวัย 17 ปี | |
เกิด | แผ้ว สุทธิบูรณ์ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2446 จังหวัดฉะเชิงเทรา อาณาจักรสยาม |
เสียชีวิต | 24 กันยายน พ.ศ. 2543 (96 ปี) กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
ชื่ออื่น | หม่อมแผ้ว นครราชสีมา[1][2] |
คู่สมรส | สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา (พ.ศ. 2459–2467) หม่อมสนิทวงศ์เสนี (หม่อมราชวงศ์ตัน สนิทวงศ์) |
บุตร | หม่อมหลวงแต้ว สนิทวงศ์ ท่านผู้หญิงนวลผ่อง เสนาณรงค์ หม่อมหลวงเติม สนิทวงศ์ หม่อมหลวงตวง สนิทวงศ์ |
รางวัล | พ.ศ. 2528 – ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์) |
ลายมือชื่อ | |
ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี (สกุลเดิม สุทธิบูรณ์; 25 ธันวาคม พ.ศ. 2446 – 24 กันยายน พ.ศ. 2543) เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทย ทั้งยังเป็นผู้คิดค้นท่ารำใหม่โดยยึดระเบียบแบบแผนตามประเพณีโบราณ และมีความสามารถในการประพันธ์บทโขนละคร[3] เคยเป็นหม่อมในสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา ถือเป็นหญิงสามัญชนที่ไม่ใช่ลูกหลานขุนนางคนแรกที่ได้เป็นสะใภ้หลวง[1]
ท่านผู้หญิงแผ้วได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์) เมื่อ พ.ศ. 2528[2][4][5] และได้รับรางวัลบุคคลดีเด่นของชาติ สาขาศิลปะ ด้านนาฏศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2529
ประวัติ
ชีวิตช่วงต้น
ท่านผู้หญิงแผ้วเกิดที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นบุตรคนที่สองจากทั้งหมดสามคนของเฮงและสุทธิ สุทธิบูรณ์ มีพี่สาวชื่อทับทิม คลี่สุวรรณ และน้องชายชื่อสหัส สุทธิบูรณ์ วัยเด็กเธอเคยอยู่ในพระบรมมหาราชวังกับย่า เนื่องจากคุณย่ามีตำแหน่งเป็นพนักงานฝ่ายในในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่หลังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตจึงกลับบ้านเดิมที่จังหวัดฉะเชิงเทรา[6]
ขณะอายุได้แปดปี บิดามารดาหมายจะให้เธอไปเรียนหนังสือกับเอ็ดนา ซาราห์ โคล หรือแหม่มโคล เพราะในยุคสมัยนั้นผู้หญิงไม่ใคร่มีโอกาสได้ร่ำเรียนดั่งบุรุษเพศ ต่อมามีคนจากวังสวนกุหลาบมาบอกกล่าว ว่าสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมาทรงก่อตั้งคณะละครเด็กเล็กในวัง โดยให้เรียนหนังสือและเรียนรำละครด้วย ด้วยเหตุนี้ท่านผู้หญิงแผ้วจึงถวายตัวเข้าพระตำหนักวังสวนกุหลาบ โดยมีท้าวนารีวรคณารักษ์ (แจ่ม ไกรฤกษ์) เป็นผู้ปกครอง[6] เมื่ออยู่ที่นั่นเธอได้เล่าเรียนจนอ่านออกเขียนได้ ทั้งยังแตกฉานสามารถแต่งกลอนได้ดี[7] กอปรกับเป็นหญิงที่มีดวงหน้าสะสวย เพรียบพร้อมด้วยจรรยามารยาท จึงได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษาอย่างเต็มที่[6]
หลังการถวายตัวเข้าวัง ท่านผู้หญิงแผ้วได้รับการฝึกฝนนาฏศิลป์จากท้าววรจันทร์ (เจ้าจอมมารดาวาด ในรัชกาลที่ 4) เจ้าจอมมารดาเขียน ในรัชกาลที่ 4 เจ้าจอมมารดาทับทิม ในรัชกาลที่ 5 หม่อมแย้มในสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) หม่อมอึ่งในสมเด็จพระบัณฑูรฯ และหม่อมแก้วในเจ้าพระยาสุรวงษ์ฯ ซึ่งล้วนเป็นนางละครผู้มีชื่อ[6][8] นอกจากวังสวนกุหลาบแล้ว เธอยังมีโอกาสไปฝึกฝนการแสดงที่วังแพร่งนราของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ สามารถรับบทเป็นตัวเอกทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เช่นแสดงเป็น อิเหนาและดรสาจากเรื่อง อิเหนา หรือ สีดา พระพิราพ และทศกัณฐ์ จากเรื่อง รามเกียรติ์[2][6] จนทำให้เธอกลายเป็นนางละครที่มีชื่อเสียงยิ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว[2] โดยเธอเคยออกแสดงถวายหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมาแล้วหลายครั้ง[6][7]
ท่านผู้หญิงแผ้วสำเร็จการศึกษาวิชาสามัญจากโรงเรียนในวังสวนกุหลาบ และสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ม.ศ. 3) จากโรงเรียนประชาพิทยากร[4] นอกจากนี้เธอยังมีความรู้ด้านภาษาฝรั่งเศสจากภคินีที่โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ และศึกษาภาษาอังกฤษจากคุณหญิงดอรีส ราชานุประพันธ์ ทั้งมีความรู้ด้านมารยาททางสังคมและการปฏิบัติตน[7]
สะใภ้หลวง
ขณะท่านผู้หญิงแผ้วมีอายุได้ 13 ปี ได้เข้าไปเรียนนาฏศิลป์กับเจ้าจอมมารดาทับทิม ในรัชกาลที่ 5 และทำการแสดงที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้แสดงคู่กับคุณหญิงเทศ นัฏกานุรักษ์ โดยเธอได้แสดงเป็นเมขลา ส่วนคุณหญิงนัฏกานุรักษ์แสดงเป็นรามสูร ต่อมาได้แสดงเรื่อง อิเหนา รับบทเป็น ดรสา ที่กระโดดกองไฟตายตามระตู เป็นที่ต้องพระหฤทัยของสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา และทรงขอเธอเข้าเป็นหม่อมห้าม[6] มีนามว่า หม่อมแผ้ว นครราชสีมา[1][2][6] แม้จะเป็นการเสกสมรสกับหญิงสามัญชนแต่ก็ไม่มีผู้ใดขัดพระทัย ส่วนหนึ่งก็เพราะเจ้านายพระองค์นี้เป็นที่ห่วงใยของพระราชชนกชนนีเพราะมีพระพลานามัยไม่สู้สมบูรณ์มานาน[9] เธอเปี่ยมสุขยิ่งในฐานะหม่อมในสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมาซึ่งขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นรัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งกรุงสยาม[6] หลังการทิวงคตของสมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถเมื่อ พ.ศ. 2463[10] ต่อมาได้ทรงนำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณรับหม่อมแผ้วเข้าเป็นสะใภ้หลวง ถือเป็นหญิงสามัญชนที่ไม่ใช่ลูกหลานขุนนางคนแรกที่ได้เป็นสะใภ้หลวง[1] และได้พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าชั้นทุติยจุลจอมเกล้าเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466[11]
ทว่าชีวิตสะใภ้หลวงได้สิ้นสุดลง เมื่อสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมาประชวรด้วยพระโรคพระวักกะอักเสบ ก่อนทิวงคต ณ พระตำหนักวังสวนกุหลาบ พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2467 (ปฏิทินแบบปัจจุบัน พ.ศ. 2468) สิริพระชนมายุได้ 36 พรรษา ยังความทุกข์เข้าสู่จิตใจของหม่อมแผ้วยิ่งนัก โดยเธอเคยกล่าวเกี่ยวกับความรู้สึกของตนหลังการทิวงคตของสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมาไว้ว่า "...ตอนนั้นพระองค์ท่านมีพระชนมายุได้ 36 ปี ฉันอายุได้ 25 ปี ฉันรู้สึกว้าเหว่และเศร้าโศกถึงกับเป็นลมพับไป และรู้สึกว่าโลกนี้ช่างไม่มีอะไรแน่นอนทั้งสิ้น..."[6]
ในปี พ.ศ. 2470 หม่อมแผ้ว ได้กราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งหม่อมห้ามสะใภ้หลวง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาต และได้ถวายคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุติยจุลจอมเกล้า ที่ได้รับพระราชทานไว้[12]
สมรสหนที่สองและปัจฉิมวัย
ท่านผู้หญิงแผ้วจึงสมรสใหม่กับ พลตรี หม่อมสนิทวงศ์เสนี (หม่อมราชวงศ์ตัน สนิทวงศ์) พระโอรสในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ กับหม่อมแจ่ม ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หม่อมสนิทวงศ์เสนี เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2467 เป็นทูตทหารประจำประเทศฝรั่งเศส ประเทศอังกฤษ และประเทศอิตาลี เป็นอัครราชทูตประจำประเทศโปรตุเกส และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (พ.ศ 2491–2492)[13] ท่านผู้หญิงแผ้วได้ติดตามสามีซึ่งรับราชการเป็นทูตประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรปในฐานะภรรยาทูต ทั้งสองมีบุตร-ธิดาด้วยกันจำนวน 4 คน คือ
- หม่อมหลวงแต้ว สนิทวงศ์
- ท่านผู้หญิงนวลผ่อง เสนาณรงค์ สมรสกับพลเอก แสวง เสนาณรงค์
- พันตำรวจเอก (พิเศษ) หม่อมหลวงเติม สนิทวงศ์ สมรสกับโสภี โชติกพุกกณะ
- หม่อมหลวงตวง สนิทวงศ์ สมรสกับหม่อมเจ้ารังษีนภดล ยุคล
หลังใช้ชีวิตเป็นภรรยาทูตในทวีปยุโรปราว 10 ปี ท่านผู้หญิงแผ้วและครอบครัวกลับไปอาศัยที่จังหวัดพระนครใน พ.ศ. 2489[14]
ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนีถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2543 อายุ 96 ปี[13] มีพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร
การทำงาน
ท่านผู้หญิงแผ้วเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทยอย่างยิ่งยวด ด้วยมีท่ารำที่คล่องแคล่ว แข็งแรง สอดประสานไปด้วยความอ่อนช้อย[15] ในการแสดงท่านผู้หญิงแผ้วจะออกแสดงให้สมตามบทบาทและท่วงท่า เช่น รับบทเป็นกษัตริย์ ขุนนาง บุคคลสำคัญ หรือแม้กระทั่งสัตว์[3] มีความเชี่ยวชาญประดิษฐ์ท่ารำอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน ซึ่งเกิดจากการสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว อย่างเช่น การแต่งเติมท่ารำให้มีการยักเยื้องร่างกายส่วนต่าง ๆ ให้อ่อนไหวกว่ามาตรฐานไทยเดิม[14] การขยับเท้าและลักคอตามจังหวะ ได้มาจากพฤติกรรมตามธรรมชาติของนก เป็นอาทิ[15] ทำรำแต่ละท่าที่ท่านผู้หญิงแผ้วประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่จะถูกดัดแปลงให้สอดคล้องกับยุคสมัย งดงาม เหมาะสมแก่บทบาท โดยเอาความถูกต้องตามระเบียบแบบแผนนาฏยจารีตของไทยที่มีมาแต่ครั้งโบราณเป็นที่ตั้ง[3] บุนนาค ทรรทรานนท์ ศิษย์คนหนึ่งของท่านผู้หญิงแผ้ว ได้กล่าวถึงการสอนของท่านผู้หญิงไว้ว่า "การสอนของท่านผู้หญิงแผ้วเน้นท่าเก๋กว่าใคร และให้เป็นธรรมชาติ ท่านเอาสิ่งที่ไปพบเจอมาคิดท่ารำ"[15] ด้วยเหตุนี้ ธนิต อยู่โพธิ์ หัวหน้ากองการสังคีต กรมศิลปากร ได้เรียนเชิญให้ท่านผู้หญิงช่วยปรับปรุงฟื้นฟู และวางรากฐานด้านการละคร การรำ ให้กับกรมศิลปากร ท่านเป็นผู้ออกแบบท่ารำ เป็นผู้ฝึกสอน และอำนวยการฝึกซ้อมการแสดงโขน ละคร ฟ้อนรำต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ท่านได้รับราชการในกรมศิลปากร ช่วง พ.ศ. 2491–2535[14] โดยท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทยของกรมศิลปากร ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝึกซ้อมการแสดงนาฏศิลป์ไทย และเป็นวิทยากรบรรยายความรู้เกี่ยวกับนาฏศิลป์ไทย[3]
ท่านผู้หญิงแผ้วมีผลงานนาฏยประดิษฐ์มากถึง 44 ท่วงท่า ทั้งนาฏยจารีตไทย และนาฏยจารีตผสมผสาน[14] เช่น ระบำสุโขทัย ดัดแปลงมาจากการแสดงตอนหนึ่งของ อิเหนา[3] ระบำชาวนา ออกแบบท่ารำจากหว่านข้าว ไถนา เกี่ยวข้าว และฝัดข้าว[16] ระบำมิตรสัมพันธ์มั่นใจไทย-เกาหลี[3] ระบำกินรีร่อน เป็นการปรับปรุงท่ารำให้กลมกลืนกับเพลงเชิดจีนผสมท่าเหินบินของกินรี ภายหลังได้เพิ่มเติมท่ารำบูชายันต์ของนางมโนราห์ต่อท้ายเพลงเชิดจีน[17] และท่วงท่ารำตอนหนึ่งของการแสดงลาวกระทบไม้ก็ได้ท่านผู้หญิงแผ้วออกแบบท่าเอาไว้[3] ซึ่งนาฏยจารีตผสมผสานของท่านผู้หญิงแผ้วได้มาจากการนำนาฏยจารีตต่างชาติมาผสานกับเข้านาฏศิลป์ไทย ได้รับคำชื่นชมว่างดงามแปลกตา[14]
ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2528 และบุคคลดีเด่นของชาติ สาขาศิลปะ ด้านนาฏศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2529
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2535 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[18]
- พ.ศ. 2522 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)[19]
- พ.ศ. 2528 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายใน)[20]
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 วิภา จิรภาไพศาล (14 สิงหาคม 2561). "'สะใภ้เจ้า' กับภาพสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของสังคม". มติชนออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 18 มกราคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 "109 ปี ท่านผู้หญิงแผ้ว นาฏศิลปิน "5 แผ่นดิน"". ไทยรัฐออนไลน์. 16 ธันวาคม 2555. สืบค้นเมื่อ 18 มกราคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 "ศิลปินแห่งชาติครั้งแรกในประวัติศาสตร์". มูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน. สืบค้นเมื่อ 14 ตุลาคม 2567.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 4.0 4.1 "ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี". กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-01-17. สืบค้นเมื่อ 18 มกราคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "รำลึก 109 ปีชาตกาล ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ศิลปินแห่งชาติสาขานาฏศิลป์คนแรกของประเทศไทย". ไทยรัฐออนไลน์. 17 ธันวาคม 2555. สืบค้นเมื่อ 18 มกราคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 6.00 6.01 6.02 6.03 6.04 6.05 6.06 6.07 6.08 6.09 "ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี นาฏยาจารย์ 5 แผ่นดิน ผู้สืบสร้างทางรำไทย" (PDF). ข่าวประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 8 ธันวาคม 2555. สืบค้นเมื่อ 18 มกราคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 7.0 7.1 7.2 "๑๐๙ ปีชาตกาล ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี". ผู้จัดการออนไลน์. 24 ธันวาคม 2555. สืบค้นเมื่อ 18 มกราคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "คำว่า หม่อม ใช้มาแต่เมื่อไหร่? หม่อมแต่ละประเภทต่างกันอย่างไร??". ศิลปวัฒนธรรม. 31 กรกฎาคม 2563. สืบค้นเมื่อ 12 กันยายน 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย. วาทะเล่าประวัติศาสตร์. กรุงเทพฯ : มติชน, 2556, หน้า 74
- ↑ ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย. วาทะเล่าประวัติศาสตร์. กรุงเทพฯ : มติชน, 2556, หน้า 75
- ↑ "พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์จุลจอมเกล้าฝ่ายใน" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 40 (0ง): 2631. 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-08-07. สืบค้นเมื่อ 2015-03-27.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
(help) - ↑ ประกาศคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
- ↑ 13.0 13.1 คึกฤทธิ์ ปราโมช, หม่อมราชวงศ์ (1 สิงหาคม 2560). "พลตรีหม่อมสนิทวงศ์เสนีและท่านผู้หญิงแผ้ว". สยามรัฐ. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-04-17. สืบค้นเมื่อ 18 มกราคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 14.0 14.1 14.2 14.3 14.4 สวภา เวชสุรักษ์ (2547). "หลักนาฏยประดิษฐ์ของท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี". สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สืบค้นเมื่อ 14 ตุลาคม 2567.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 15.0 15.1 15.2 "109 ปี ชาตกาลท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี". ไทยพีบีเอส. 27 ธันวาคม 2555. สืบค้นเมื่อ 14 ตุลาคม 2567.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ระบำชาวนา". Virtual School Online. สืบค้นเมื่อ 14 ตุลาคม 2567.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "กินนรีร่อนออกมโนราห์บูชายัญ". นาฏสัมพันธ์. 9 กันยายน 2551. สืบค้นเมื่อ 14 ตุลาคม 2567.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2015-09-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๑๕๔ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑๖, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๙๗ ตอนที่ ๖๓ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๔๐, ๑๘ เมษายน ๒๕๒๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐๒ ตอนที่ ๖๐ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๒๐, ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๒๘
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2446
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2543
- ราชสกุลสนิทวงศ์
- ท่านผู้หญิง
- หม่อม
- ศิลปินแห่งชาติ
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.ช.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ท.จ.ว. (ฝ่ายใน)
- ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
- บทความเกี่ยวกับ ชีวประวัติ ที่ยังไม่สมบูรณ์