ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เซเลีย โฮวาร์ด"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 27: บรรทัด 27:


=== เสกสมรส ===
=== เสกสมรส ===
หลังจากพระองค์พีระทรงหย่ากับซิริล พระองค์จึงตัดสินพระทัยเสกสมรสใหม่กับเซเลียที่[[ปารีส]] [[ประเทศฝรั่งเศส]] เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2494 มีการจัดงานเลี้ยง ณ สถานทูตไทยในปารีส โดยมี[[พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์]]และ[[หม่อมเอลิสะเบธ จักรพงษ์ ณ อยุธยา]]ร่วมงานด้วย แต่อย่างไรก็ตามพระองค์พีระก็ทรงระลึกถึงซิริลเสมอ<ref name="สยาม"/> ทรงเป็นมิตรกับเพื่อนชายของซิริล แล้วพาหม่อมชลิตาไปด้วยเพื่อให้รู้จักกับซิริล ไปไหนมาไหนกันสี่คน แต่ซิริลก็ไม่ได้กลับมาหาท่านอีก และยังคงพบปะกันอย่างเพื่อนสนิท
หลังจากพระองค์พีระทรงหย่ากับซิริล พระองค์จึงตัดสินพระทัยเสกสมรสใหม่กับเซเลียที่[[ปารีส]] [[ประเทศฝรั่งเศส]] เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2494 มีการจัดงานเลี้ยง ณ สถานทูตไทยในปารีส<ref>{{cite web |url= https://reuters.screenocean.com/record/223607 |title= Prince Bira's wedding |author=|date= 24 December 1951 |work= Reuters |publisher=|accessdate= 17 May 2022}}</ref> โดยมี[[พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์]]และ[[หม่อมเอลิสะเบธ จักรพงษ์ ณ อยุธยา]]ร่วมงานด้วย แต่อย่างไรก็ตามพระองค์พีระก็ทรงระลึกถึงซิริลเสมอ<ref name="สยาม"/> ทรงเป็นมิตรกับเพื่อนชายของซิริล แล้วพาหม่อมชลิตาไปด้วยเพื่อให้รู้จักกับซิริล ไปไหนมาไหนกันสี่คน แต่ซิริลก็ไม่ได้กลับมาหาท่านอีก และยังคงพบปะกันอย่างเพื่อนสนิท


ปลาย พ.ศ. 2497 พระองค์พีระทรงเห็นว่าพ้นยุคที่จะทรงแข่งรถอีกต่อไปแล้ว รถแข่งรุ่นใหม่ที่มีสมรรถภาพที่ดีเกิดขึ้นกว่าเก่าก่อน จะแซงหน้ารถที่ทรงขับไปได้ง่าย หากจะลงทุนซื้อรถใหม่พร้อมการดูแลในการแข่งรถอีกก็ถือเป็นเรื่องสิ้นเปลืองมหาศาล ประกอบกับหม่อมชลิตาได้ให้กำเนิดพระโอรส คือหม่อมราชวงศ์พีรเดช ภาณุพันธุ์ พระองค์พีระจึงตัดสินพระทัยอำลาชีวิตนักแข่ง ทรงพาครอบครัวกลับมาพำนักในเมืองไทยใน พ.ศ. 2499 ทรงจบบทบาทของเจ้าดาราทองที่โด่งดังไปทั่วยุโรปและอเมริกาเมื่อพระชันษา 42 ปี<ref name="ต้า"/>
ปลาย พ.ศ. 2497 พระองค์พีระทรงเห็นว่าพ้นยุคที่จะทรงแข่งรถอีกต่อไปแล้ว รถแข่งรุ่นใหม่ที่มีสมรรถภาพที่ดีเกิดขึ้นกว่าเก่าก่อน จะแซงหน้ารถที่ทรงขับไปได้ง่าย หากจะลงทุนซื้อรถใหม่พร้อมการดูแลในการแข่งรถอีกก็ถือเป็นเรื่องสิ้นเปลืองมหาศาล ประกอบกับหม่อมชลิตาได้ให้กำเนิดพระโอรส คือหม่อมราชวงศ์พีรเดช ภาณุพันธุ์ พระองค์พีระจึงตัดสินพระทัยอำลาชีวิตนักแข่ง ทรงพาครอบครัวกลับมาพำนักในเมืองไทยใน พ.ศ. 2499 ทรงจบบทบาทของเจ้าดาราทองที่โด่งดังไปทั่วยุโรปและอเมริกาเมื่อพระชันษา 42 ปี<ref name="ต้า"/>
บรรทัด 40: บรรทัด 40:
== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==
; อ้างอิง
; อ้างอิง
{{รายการอ้างอิง}}
{{รายการอ้างอิง|2}}
; บรรณานุกรม
; บรรณานุกรม
* [[สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์]]. ''มหามกุฎราชสันตติวงศ์ พระนามพระราชโอรสธิดา พระราชนัดดา.'' กรุงเทพ : อมรินทร์พริ้นติ้ง, พ.ศ. 2547. ISBN 974-272-911-5
* [[สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์]]. ''มหามกุฎราชสันตติวงศ์ พระนามพระราชโอรสธิดา พระราชนัดดา.'' กรุงเทพ : อมรินทร์พริ้นติ้ง, พ.ศ. 2547. ISBN 974-272-911-5
* หม่อมราชวงศ์มาลินี จักรพันธุ์. ''ต้นกำเนิดที่เกิดเหตุ... เจ้าชายดาราทอง''. กรุงเทพฯ : มติชน, 2546. 376 หน้า. ISBN 974-322-980-9
* หม่อมราชวงศ์มาลินี จักรพันธุ์. ''ต้นกำเนิดที่เกิดเหตุ... เจ้าชายดาราทอง''. กรุงเทพฯ : มติชน, 2546. 376 หน้า. ISBN 974-322-980-9


{{เรียงลำดับ|ชลิตา ภาณุพันธุ์}}
{{เรียงลำดับ|เซเลีย โฮวาร์ด}}
{{อายุขัย|}}
{{อายุขัย|}}
[[หมวดหมู่:หม่อม]]
[[หมวดหมู่:หม่อม]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:05, 17 พฤษภาคม 2565

เซเลีย โฮวาร์ด
พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช และหม่อมชลิตา
เกิดราว พ.ศ. 2466 (ราว 101 ปี)
ชื่ออื่นหม่อมชลิตา ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา
คู่สมรสพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช (พ.ศ. 2494–2499)
บุตรหม่อมราชวงศ์พีรเดช ภาณุพันธุ์

เซเลีย เอสเธอร์ โฮวาร์ด (อักษรโรมัน: Celia Esther Howard) ชื่อเล่นภาษาสเปนว่า เชลิตา (สเปน: Chelita)[1] หรือรู้จักในนาม หม่อมชลิตา ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา เป็นหม่อมคนที่สองในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช[2] ซึ่งสมรสกันในปี พ.ศ. 2494 ก่อนที่จะหย่ากันในปี พ.ศ. 2499[3]

ประวัติ

ประวัติตอนต้น

เซเลียเกิดในราวปี พ.ศ. 2466 ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา[ต้องการอ้างอิง]

เซเลียพบกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดชครั้งแรกในการแข่งขันที่ประเทศอาร์เจนตินา ขณะนั้นพระองค์พีระมีหม่อมอยู่แล้วหนึ่งคนคือหม่อมซิริล ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา ทั้งสองสมรสกันมากว่า 11 ปีแล้ว แต่ด้วยความที่พระองค์พีระทรงโด่งดัง บุคลิกดี สามารถตรัสได้คล่องทั้งภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส และใช้พระชนม์ชีพอย่างเศรษฐี ทำให้สตรีมาหลงใหล หม่อมซิริลจึงตัดสินใจแยกกันอยู่ ทำให้ทั้งสองห่างกัน เซเลียซึ่งมีรูปลักษณ์สวยงาม ได้คอยปรนนิบัติรับใช้พระองค์พีระขณะที่ทรงได้รับบาดเจ็บจากการแข่งรถ พระองค์พีระทรงพาเซเลียกลับมาอังกฤษด้วยกัน ประทับอยู่กับเธอและไม่ได้กลับไปหาหม่อมซิริล หม่อมซิริลจึงตัดสินใจหย่าขาดจากพระองค์พีระตามกฎหมายใน พ.ศ. 2493 ทั้งที่ทั้งสองยังรักกัน แต่พระองค์พีระก็ไม่ทรงคิดที่จะสละเซเลียไปได้ พระองค์พีระและหม่อมซิริลจึงคงเหลือไว้แต่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น[3]

เสกสมรส

หลังจากพระองค์พีระทรงหย่ากับซิริล พระองค์จึงตัดสินพระทัยเสกสมรสใหม่กับเซเลียที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2494 มีการจัดงานเลี้ยง ณ สถานทูตไทยในปารีส[4] โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์และหม่อมเอลิสะเบธ จักรพงษ์ ณ อยุธยาร่วมงานด้วย แต่อย่างไรก็ตามพระองค์พีระก็ทรงระลึกถึงซิริลเสมอ[1] ทรงเป็นมิตรกับเพื่อนชายของซิริล แล้วพาหม่อมชลิตาไปด้วยเพื่อให้รู้จักกับซิริล ไปไหนมาไหนกันสี่คน แต่ซิริลก็ไม่ได้กลับมาหาท่านอีก และยังคงพบปะกันอย่างเพื่อนสนิท

ปลาย พ.ศ. 2497 พระองค์พีระทรงเห็นว่าพ้นยุคที่จะทรงแข่งรถอีกต่อไปแล้ว รถแข่งรุ่นใหม่ที่มีสมรรถภาพที่ดีเกิดขึ้นกว่าเก่าก่อน จะแซงหน้ารถที่ทรงขับไปได้ง่าย หากจะลงทุนซื้อรถใหม่พร้อมการดูแลในการแข่งรถอีกก็ถือเป็นเรื่องสิ้นเปลืองมหาศาล ประกอบกับหม่อมชลิตาได้ให้กำเนิดพระโอรส คือหม่อมราชวงศ์พีรเดช ภาณุพันธุ์ พระองค์พีระจึงตัดสินพระทัยอำลาชีวิตนักแข่ง ทรงพาครอบครัวกลับมาพำนักในเมืองไทยใน พ.ศ. 2499 ทรงจบบทบาทของเจ้าดาราทองที่โด่งดังไปทั่วยุโรปและอเมริกาเมื่อพระชันษา 42 ปี[3]

ชีวิตหลังการหย่า

แต่เมื่อหม่อมชลิตาเข้ามาพำนักในไทยได้ 11 วัน ก็บินไปฝรั่งเศส[5] จนในอีก 7 เดือนต่อมาพระองค์พีระจึงได้ทำการหย่ากับหม่อมชลิตาโดยตกลงกันว่า หม่อมราชวงศ์พีรเดช ภาณุพันธุ์จะอยู่ภายใต้การดูแลของหม่อมชลิตาจนอายุครบ 21 ปี เนื่องจากก่อนหน้าที่มายังประเทศไทยพระองค์พีระได้ทรงพบปะกับสาลิกา กะลันตานนท์ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินชาวไทย ซึ่งทำให้หม่อมชลิตาหึงหวงเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายสาลิกา กะลันตานนท์ ก็กลายเป็นหม่อมคนที่สามของพระองค์พีระไป โดยเสกสมรสกันในปี พ.ศ. 2500[3]

ส่วนพระโอรสของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดชที่เกิดกับหม่อมชลิตา คือ หม่อมราชวงศ์พีรเดช ภาณุพันธุ์ ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ขณะที่มีอายุเพียง 17 ปี[5] แต่บางแห่งก็กล่าวว่าเสียชีวิตเมื่อมีอายุ 21 ปี[3]

ในปี พ.ศ. 2560 หม่อมชลิตาในวัย 94 ปี ใช้ชีวิตบั้นปลาย ณ บ้านพักคนชราในบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา[6][7]

เชิงอรรถ

อ้างอิง
  1. 1.0 1.1 "เรื่องเล่าจากอาร์เจนตินา "หม่อมชลิตา"". สยามานุสติ. 29 พฤษภาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 7 กันยายน 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  2. La Temporada: Part I by Estanislao M. Iacona Photos from the Iacona - Bertschi collection June 20, 2002
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 เรือนไทย-เจ้าดาราทอง
  4. "Prince Bira's wedding". Reuters. 24 December 1951. สืบค้นเมื่อ 17 May 2022.
  5. 5.0 5.1 Prince Bira of Siam - 31-DEC-09
  6. "เผยโฉม "หม่อมชลิตา" อดีตชายาพระองค์พีระในวัย 94 ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวในบ้านคนชรา". ข่าวสด. 6 กันยายน 2560. สืบค้นเมื่อ 7 กันยายน 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  7. "เผยโฉม "หม่อมชลิตา" อดีตชายาที่ 2 ของ "พระองค์พีระ" ยังคงงดงามในวัย 94 แม้ต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวในบ้านพักคนชรา". MGR Online. 7 กันยายน 2560. สืบค้นเมื่อ 7 กันยายน 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)[ลิงก์เสีย]
บรรณานุกรม