ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มงคลสูตร"
วิสุทธิธรรม (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 71: | บรรทัด 71: | ||
== ดูเพิ่ม == |
== ดูเพิ่ม == |
||
* [[มงคล]] |
* [[มงคล]] |
||
555++ |
|||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:08, 8 กันยายน 2556
ส่วนหนึ่งของชุดบทความ |
ศาสนาพุทธ |
---|
มงคลสูตร(ฟัง)เป็นพระสูตรสำคัญบทหนึ่ง ในพระพุทธศาสนาเถรวาท เพราะมีเนื้อหาแสดงถึงการปฏิเสธ มงคลภายนอก ที่นับถือเหตุการณ์หรือสิ่งต่าง ๆ ว่าเป็นมงคลหรือมีมงคล โดยอธิบายว่าในทัศนะพระพุทธศาสนานั้น มงคลของมนุษย์และเทวดาย่อมเกิดจากการกระทำอันได้แก่ มงคลภายใน คือต้องกระทำความดี และความดีนั้นจะเป็นสิ่งที่เรียกว่ามงคลเองโดยไม่ต้องไปอ้อนวอนกราบไหว้ขอมงคลจากนอกตัว
เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาในพระสูตรแล้ว ก็ได้แสดงให้เห็นว่าพระพุทธศาสนาปฏิเสธมงคลภายนอกโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นจุดเด่นในพระพุทธศาสนา
ประวัติ
ในคัมภีร์ชั้นอรรถกถา อธิบายความโดยพิสดารถึงสาเหตุของการที่พระพุทธเจ้าตรัสมงคลสูตรไว้ว่า ประมาณ 12 ปีก่อนพุทธกาล ประชาชนต่างตื่นตัวว่า อะไรคือเหตุที่ทำให้ชีวิตเป็นมงคล กล่าวว่า บ้างก็ว่า วัตถุสิ่งของ เช่น ต้นไม้ สัตว์ หรือว่ารูปเคารพต่าง ๆ จะทำให้ชีวิตเป็นมงคล[1] เรื่องราวการอภิปรายเรื่องมงคล ก็ไปถึงภุมเทวา คือเทวดาในระดับพื้นดิน เทวดาก็สนทนากันว่าอะไรคือมงคล ประเด็นนี้ก็ลุกลามไปถึงอากาศเทวา ไปถึงสวรรค์ชั้นต่าง ๆ จนถึงพรหมโลกชั้นสุธาวาส ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย ของผู้ที่บรรลุธรรมเป็นพระอนาคามีแล้ว มีความเข้าใจในเรื่องมงคลชีวิตเป็นอย่างดี แต่ไม่สามารถอธิบายได้ จึงได้ประกาศให้เทวดาทราบว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเสด็จลงมาตรัสรู้ธรรมในอีก 12 ปี ให้ไปถามพระพุทธองค์ในตอนนั้น
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว คืนหนึ่งขณะที่ประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร ใกล้เมืองสาวัตถี ท้าวสักกเทวราชได้นำหมู่เทวดาเข้าเฝ้า และบัญชาให้เทพบุตรองค์หนึ่งทูลถามพระองค์ว่า อะไรคือมงคลของชีวิต พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงหลักมงคลสูตร ซึ่งมีทั้งหมด ๑๐ หมวด นับเป็นรายการได้ 38 ประการ*
- (ผู้ทรงความรู้บางท่านที่จำแนกโดยการแปลจากภาษาบาลี นับได้ 37 ประการ เพราะ "การสงเคราะห์บุตรและคู่ครอง" เป็นสองข้อที่อยู่ในวลีเดียว).
เนื้อหาในพระสูตร
ตามเนื้อหาในพระสูตร มงคลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ยึดถือวัตถุ แต่ยึดถือการปฏิบัติฝึกฝนตนเอง ซึ่งมีอยู่ 38 ประการ ทั้งหมดจำแนกอยู่ในเนื้อหาโดยแบ่งเป็น ๑๐ หมวด ดังนี้
หมวดที่ ๑
- ไม่คบคนพาล
- คบบัณฑิต
- บูชาคนที่ควรบูชา
หมวดที่ ๒
- อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม
- มีบุญวาสนามาก่อน
- ตั้งตนชอบ
หมวดที่ ๓
- เป็นพหูสูต
- มีศิลปะ
- มีวินัย
- มีวาจาสุภาษิต
หมวดที่ ๔
- บำรุงมารดาบิดา
- เลี้ยงดูบุตร
- สงเคราะห์ภรรยา(สามี)
- ทำงานไม่คั่งค้าง
หมวดที่ ๕
- บำเพ็ญทาน
- ประพฤติธรรม
- สงเคราะห์ญาติ
- ทำงานไม่มีโทษ
หมวดที่ ๖
- งดเว้นจากบาป
- สำรวมจากการดื่มน้ำเมา
- ไม่ประมาทในธรรม
หมวดที่ ๗
- มีความเคารพ
- มีความถ่อมตน
- มีความสันโดษ
- มีความกตัญญู
- ฟังธรรมตามกาล
หมวดที่ ๘
- มีความอดทน
- เป็นผู้ว่าง่าย
- เห็นสมณะ
- สนทนาธรรมตามกาล
หมวดที่ ๙
- บำเพ็ญตบะ
- ประพฤติพรหมจรรย์
- เห็นอริยสัจจ์
- ทำพระนิพพานให้แจ้ง
หมวดที่ ๑๐
- จิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม
- จิตไม่โศก
- จิตปราศจากธุลี
- จิตเกษม
อย่างไรก็ตาม แม้พระพุทธองค์จะทรงแสดงธรรมไว้ชัดเจนดีแล้ว ก็มีผู้ที่เชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง จึงได้ส่งผลมาถึงปัจจุบันนี้ แนวทางการยึดถือความเป็นมงคล จึงมีอยู่ 2 แนวทาง คือ
- มงคลจากการมีสิ่งนั้นมีสิ่งนี้
- มงคลจากการฝึกตัว
ดูเพิ่ม
555++
อ้างอิง
- ↑ พระสิริมังคลาจารย์. มงคลทีปนี. กรุงเทพ: สำนักพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๔๐