ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ยุทธการที่ฝรั่งเศส"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 41: บรรทัด 41:
{{บทความหลัก|การบุกครองโปแลนด์}}
{{บทความหลัก|การบุกครองโปแลนด์}}


ในปี 1939 สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสเสนอความช่วยเสนอทางทหารให้แก่โปแลนด์ในกรณีเผื่อว่าถูกรุกรานโดยเยอรมนี ในเช้าวันที่ 1 กันยายน 1939 เยอรมนีก็เปิดฉากบุกครองโปแลนด์ สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้เยอรมนีถอนทหารออกจากโปแลนด์ในทันที เยอรมนีไม่ตอบสนอง<ref>[https://avalon.law.yale.edu/wwii/blbk81.asp Viscount Halifax to Sir N. Henderson (Berlin)] {{Webarchive|url=https://web.archive.org/web/20171002231120/http://avalon.law.yale.edu/wwii/blbk81.asp |date=2 October 2017 }} Cited in the British Blue book</ref><ref>{{cite web |title=Britain and France declare war on Germany |url=http://www.history.com/this-day-in-history/britain-and-france-declare-war-on-germany |publisher=The History Channel |accessdate=6 May 2014}}</ref> ทั้งสองประเทศจึงประกาศสงครามต่อเยอรมนีในวันที่ 3 กันยายน และประเทศอื่นก็ทยอยประกาศตาม ได้แก่ ออสเตรเลีย (3 กันยายน), นิวซีแลนด์ (3 กันยายน), แอฟริกาใต้ (6 กันยายน), และแคนาดา (10 กันยายน) อย่างไรก็ตาม แม้สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสจะได้ประกาศสงครามแล้ว แต่ทั้งสองประเทศกลับไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะช่วยเหลือทางทหารแก่โปแลนด์อีกแล้วในภาวะที่เป็นอยู่ การส่งทหารเข้าไปในโปแลนด์อาจดึงสหภาพโซเวียตเข้ามาร่วมสงคราม เยอรมนีและ[[สหภาพโซเวียต]]พึ่งลงนามใน[[กติกาสัญญาโมโลตอฟ–ริบเบินทร็อพ|กติกาสัญญาไม่รุกรานกัน]] และโซเวียตก็ช่วยเยอรมันบุกโปแลนด์จากด้านตะวันออก นายพลกาเมอแล็งต้องการให้กองทัพสัมพันธมิตรมีความพร้อมกว่านี้จึงยังไม่ตัดสินใจบุกเยอรมนี สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสเร่งสั่งสมอาวุธยุทธภัณฑ์เพื่อเตรียมบุกเยอรมนี<ref>{{cite web | url=http://www.indiana.edu/~league/1939.htm | title =Chronology 1939 | author =Indiana University | publisher =indiana.edu| author-link =Indiana University }}</ref> และมองดูโปแลนด์ล่มสลายไปต่อหน้า
ในปี 1939 สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสเสนอความช่วยเสนอทางทหารให้แก่โปแลนด์ในกรณีเผื่อว่าถูกรุกรานโดยเยอรมนี ในเช้าวันที่ 1 กันยายน 1939 เยอรมนีก็เปิดฉากบุกครองโปแลนด์ สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้เยอรมนีถอนทหารออกจากโปแลนด์ในทันที เยอรมนีไม่ตอบสนอง<ref>[https://avalon.law.yale.edu/wwii/blbk81.asp Viscount Halifax to Sir N. Henderson (Berlin)] {{Webarchive|url=https://web.archive.org/web/20171002231120/http://avalon.law.yale.edu/wwii/blbk81.asp |date=2 October 2017 }} Cited in the British Blue book</ref><ref>{{cite web |title=Britain and France declare war on Germany |url=http://www.history.com/this-day-in-history/britain-and-france-declare-war-on-germany |publisher=The History Channel |accessdate=6 May 2014}}</ref> ทั้งสองประเทศจึงประกาศสงครามต่อเยอรมนีในวันที่ 3 กันยายน และประเทศอื่นก็ทยอยประกาศตาม ได้แก่ ออสเตรเลีย (3 กันยายน), นิวซีแลนด์ (3 กันยายน), แอฟริกาใต้ (6 กันยายน), และแคนาดา (10 กันยายน) อย่างไรก็ตาม แม้สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสจะได้ประกาศสงครามแล้ว แต่ทั้งสองประเทศกลับไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะช่วยเหลือทางทหารแก่โปแลนด์อีกแล้วในภาวะที่เป็นอยู่ การส่งทหารเข้าไปในโปแลนด์อาจดึงสหภาพโซเวียตเข้ามาร่วมสงคราม เยอรมนีและ[[สหภาพโซเวียต]]พึ่งลงนามใน[[กติกาสัญญาโมโลตอฟ–ริบเบินทร็อพ|กติกาสัญญาไม่รุกรานกัน]] และโซเวียตก็ช่วยเยอรมันบุกโปแลนด์จากด้านตะวันออก สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสเร่งสั่งสมอาวุธยุทธภัณฑ์เพื่อเตรียมบุกเยอรมนี<ref>{{cite web | url=http://www.indiana.edu/~league/1939.htm | title =Chronology 1939 | author =Indiana University | publisher =indiana.edu| author-link =Indiana University }}</ref> และมองดูโปแลนด์ล่มสลายไปต่อหน้า


===สงครามลวง===
===สงครามลวง===

รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:11, 31 มีนาคม 2563

ยุทธการที่ฝรั่งเศส
สถานที่
{{{place}}}
กำลัง

สัมพันธมิตร:
135 กองพล
3,300,000 ล้านนาย
3,383–4,071 ยานเกราะ[1][2]
2,935 อากาศยาน


ฝรั่งเศสในเทือกเขาแอลป์:
5 กองพล
150,000 นาย

เยอรมนี:
141 กองพล
3,350,000 ล้านนาย
2,445 ยานเกราะ[1]
5,638 อากาศยาน[3]


อิตาลีในเทือกเขาแอลป์:
22 กองพล
300,000 นาย
ความสูญเสีย
ตายหรือบาดเจ็บ 360,000
ตกเป็นเชลย 1,900,000
เสียอากาศยาน 2,233[4]
เสียยานเกราะ 2,438
ตาย 27,074
บาดเจ็บ 111,034
เสียอากาศยาน 1,236[5][6]
เสียยานเกราะ 822

ยุทธการที่ฝรั่งเศส (อังกฤษ: Battle of France) หรือ ความพินาศที่ฝรั่งเศส (อังกฤษ: Fall of France) ในเยอรมนีเรียก การทัพตะวันตก (เยอรมัน: Westfeldzug) คือการบุกโดยกองทัพเยอรมันเพื่อยึดครองภาคเหนือของประเทศฝรั่งเศสและกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ฝรั่งเศสได้ประกาศสงครามต่อเยอรมนีในวันที่ 3 กันยายน 1939 หลังจากเยอรมนียกทัพบุกครองโปแลนด์ซึ่งเป็นมิตรของฝรั่งเศส กองทัพฝรั่งเศสบุกเข้าซาร์ลันท์ของเยอรมันในกลางเดือนตุลาคมปีนั้น แต่แล้วกลับถอนกำลังมาประจำตำแหน่งเดิมหลังเส้นมาฌีโน ตลอดหกสัปดาห์หลังวันที่ 10 พฤษภาคม 1940 เป็นต้นไป กองทหารเยอรมันเอาชนะกองทหารสัมพันธมิตรโดยปฏิบัติการยานยนต์ และเข้าพิชิตฝรั่งเศส เบลเยียม, ลักเซมเบิร์ก, เนเธอร์แลนด์

10 พฤษภาคม เยอรมนีเริ่มปฏิบัติการ "เหตุเหลือง" ([Fall Gelb] ข้อผิดพลาด: {{Lang}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ)) กองยานเกราะเยอรมันบุกเข้าอาร์แดนและตามแนวแม่น้ำซอมด้วยความเร็วที่ฝรั่งเศสไม่คาดคิด กองพลยานเกราะเยอรมันข้ามแม่น้ำเมิซได้ในวันที่ 15 พฤษภาคมและบุกต่อไปทางตะวันตกทันที ฝ่ายเยอรมันได้ตัดขาดเส้นทางเดินทัพของฝ่ายสัมพันธมิตรในพื้นที่ และสามารถล้อมกองทหารสัมพันธมิตรที่กำลังมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปช่วยเบลเยียม นั่นทำให้กองทหารบริติช, ฝรั่งเศส และเบลเยียมถูกผลักดันไปจนมุมอยู่ที่ทะเลโดยปฏิบัติการยานเกราะอันมีประสิทธิภาพของเยอรมัน รัฐบาลบริติชได้อพยพกองทัพต่างแดนบริติช (BEF) ตลอดจนกองพลฝรั่งเศสออกจากหาดเดิงแกร์กในปฏิบัติการไดนาโมจนเสร็จสิ้นวันที่ 4 มิถุนายน

เยอรมนีเริ่มปฏิบัติการ "เหตุแดง" ([Fall Rot] ข้อผิดพลาด: {{Lang}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ)) ในวันที่ 5 มิถุนายน กองพลบริติชและฝรั่งเศส 60 หน่วยที่เหลืออยู่พยายามต่อต้านแต่ก็ไม่เป็นผลมากนัก เนื่องจากฝ่ายเยอรมันมีการสนับสนุนทางอากาศและมียานเกราะที่เหนือกว่า กองยานเกราะเยอรมันยกทัพจากภาคเหนือเข้าสู่ภาคกลางของฝรั่งเศส และเข้ายึดกรุงปารีสที่ไร้ทหารป้องกันในวันที่ 14 มิถุนายน ผู้นำทหารเยอรมันเข้าเจรจาข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลฝรั่งเศสในวันที่ 18 มิถุนายน

ในวันที่ 22 มิถุนายน ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในตราสารสงบศึกที่ป่ากงเปียญ รัฐบาลวิชีฝรั่งเศสที่นำโดยจอมพลฟีลิป เปแต็ง ออกประกาศล้มล้างสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 ยอมให้เยอรมนีเข้ายึดครองภาคเหนือและชายฝั่งตลอดจนแผ่นดินหลังฝั่งทะเลของฝรั่งเศส อิตาลีได้ยึดครองพื้นที่ส่วนน้อยบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส รัฐบาลวิชีมีเขตอำนาจเพียงดินแดนนอกยึดครองแถบภาคใต้ซึ่งเรียกว่า "โซนเสรี" ([Zone libre] ข้อผิดพลาด: {{Lang}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ)) แม้ฝรั่งเศสจะพ่ายแพ้ศึกครั้งนี้ แต่นายพลชาลส์ เดอ โกล แห่งกองทัพฝรั่งเศสได้ลี้ภัยไปอยู่กรุงลอนดอน เขาได้ตั้งแนวร่วมเสรีฝรั่งเศส (France Libre) เพื่อต่อต้านนาซีเยอรมนีและรัฐบาลวิชีฝรั่งเศส ฝรั่งเศสอยู่ภายใต้การยึดครองของฝ่ายอักษะจนกระทั่งถูกปลดปล่อยหลังฝ่ายสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกในปี 1944

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และอัลแบร์ท ชแปร์ ทัวร์ชมกรุงปารีส 23 มิถุนายน 1940 หนึ่งวันหลังสงบศึก

ภูมิหลัง

เส้นมาฌีโน

ระหว่างปี 1929–1938 ฝรั่งเศสได้สร้างแนวป้องกันที่ชื่อ "เส้นมาฌีโน" ([Ligne Maginot] ข้อผิดพลาด: {{Lang}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ)) ตามแนวพรมแดนกับเยอรมนี ตลอดเส้นนี้เต็มไปด้วยป้อมปราการคอนกรีต สิ่งกีดขวาง และอาวุธ แนวป้องกันนี้ถูกสร้างเพื่อที่ฝรั่งเศสจะไม่ต้องใช้ทหารจำนวนมากในการต้านเยอรมันที่ด้านนี้ และสามารถส่งหน่วยทหารมือดีที่สุดของฝรั่งเศสไปรบกับทหารเยอรมันในเบลเยียมแทน ฝรั่งเศสเชื่อว่าสงครามจะปะทุขึ้นกับประเทศอื่นที่ไม่ใช่ฝรั่งเศส เส้นมาฌีโนช่วงที่แข็งแกร่งมีจุดเริ่มต้นบริเวณพรมแดนสวิตเซอร์แลนด์ และลากยาวตามแนวชายแดนเยอรมัน ผ่านป่าทึบอาร์แดน จนไปถึงชายแดนเบลเยียม ชาวงที่ขนานไปตามแนวชายแดนเบลเยียมเป็นส่วนที่มีการป้องกันอ่อนลง การที่ฝรั่งเศสมีเส้นมาฌีโนนี้ ทำให้พลเอกสูงสุดฟีลิป เปแต็ง ถึงกับประกาศว่า "อาร์แดนไม่มีวันแตก" ในขณะที่ผู้บัญชาการสูงสุดกองทัพฝรั่งเศส พลเอกมอริส กาเมอแล็ง ก็เชื่อว่าพื้นที่บริเวณนั้นปลอดภัยจากการถูกโจมตีเช่นกัน ความเชื่อเช่นนี้ทำให้ฝรั่งเศสวางกำลังทหารไว้ในพื้นที่นี้เพียงสิบกองพล พวกเขาเชื่อว่าเส้นมาฌีโนแกร่งพอจะถ่วงเวลาให้ระดมพลไปที่แนวรบและโต้กลับอย่างทันสบาย

การบุกครองโปแลนด์ของเยอรมนี

ในปี 1939 สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสเสนอความช่วยเสนอทางทหารให้แก่โปแลนด์ในกรณีเผื่อว่าถูกรุกรานโดยเยอรมนี ในเช้าวันที่ 1 กันยายน 1939 เยอรมนีก็เปิดฉากบุกครองโปแลนด์ สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้เยอรมนีถอนทหารออกจากโปแลนด์ในทันที เยอรมนีไม่ตอบสนอง[7][8] ทั้งสองประเทศจึงประกาศสงครามต่อเยอรมนีในวันที่ 3 กันยายน และประเทศอื่นก็ทยอยประกาศตาม ได้แก่ ออสเตรเลีย (3 กันยายน), นิวซีแลนด์ (3 กันยายน), แอฟริกาใต้ (6 กันยายน), และแคนาดา (10 กันยายน) อย่างไรก็ตาม แม้สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสจะได้ประกาศสงครามแล้ว แต่ทั้งสองประเทศกลับไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะช่วยเหลือทางทหารแก่โปแลนด์อีกแล้วในภาวะที่เป็นอยู่ การส่งทหารเข้าไปในโปแลนด์อาจดึงสหภาพโซเวียตเข้ามาร่วมสงคราม เยอรมนีและสหภาพโซเวียตพึ่งลงนามในกติกาสัญญาไม่รุกรานกัน และโซเวียตก็ช่วยเยอรมันบุกโปแลนด์จากด้านตะวันออก สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสเร่งสั่งสมอาวุธยุทธภัณฑ์เพื่อเตรียมบุกเยอรมนี[9] และมองดูโปแลนด์ล่มสลายไปต่อหน้า

สงครามลวง

7 กันยายน 1939 ฝรั่งเศสยกกำลัง 98 กองพล (มีเพียง 28 กองพลที่เป็นทหารกองหนุน) พร้อมยานเกราะ 2,500 คันออกนอกเส้นมาณีโนราว 5 กิโลเมตรเพื่อไปยังซาร์ลันท์ เขตอุตสาหกรรมที่สำคัญของเยอรมนีซึ่งถูกป้องกันโดย 43 กองพลเยอรมัน (กว่า 32 กองพลเป็นทหารกองหนุน) และไม่มียานเกราะเลย จะเห็นได้ว่าฝรั่งเศสมีความเหนือกว่าในทุกมิติ กองพลฝรั่งเศสรุดหน้าไป 5 กิโลเมตรจนเกือบจะถึงแนวซีคฟรีทของเยอรมันที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่ในวันที่ 17 กันยายน พลเอกกาเมอแล็งเปลี่ยนใจ มีคำสั่งให้ถอนกำลังกลับมาหลังเส้นมาณีโน ยุทธศาสตร์ของพลเอกกาเมอแล็งคือรอจนกระทั่งกองทัพฝรั่งเศสและอังกฤษมีความพรั่งพร้อมด้านยุทธภัณฑ์อย่างเต็มที่เสียก่อน ภายหลังจบการรุกซาร์ลันท์ก็เป็นช่วงเวลาที่เรียกว่าสงครามลวง (Phoney War) หรือที่เยอรมนีเรียกว่าสงครามนั่ง ([Sitzkrieg] ข้อผิดพลาด: {{Lang}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ)) ฮิตเลอร์หวังว่าสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสจะยอมรับการยึดครองโปแลนด์และประนีประนอมสันติภาพโดยเร็ว ฮิตเลอร์เสนอข้อตกลงสันติภาพไปยังสองมหาอำนาจในวันที่ 6 ตุลาคม[10]

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 Umbreit 2015, p. 279.
  2. Zaloga 2011, p. 73.
  3. Hooton 2007, pp. 47–48
  4. Hooton 2007, p. 90.
  5. Frieser (1995), p. 400.
  6. Murray 1983, p. 40.
  7. Viscount Halifax to Sir N. Henderson (Berlin) เก็บถาวร 2 ตุลาคม 2017 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Cited in the British Blue book
  8. "Britain and France declare war on Germany". The History Channel. สืบค้นเมื่อ 6 May 2014.
  9. Indiana University. "Chronology 1939". indiana.edu.
  10. Shirer 1990, p. 715