นอร์ทอเมริกัน พี-51 มัสแตง
นอร์ทอเมริกัน พี-51 มัสแตง | |
---|---|
ข้อมูลทั่วไป | |
บทบาท | เครื่องบินขับไล่, เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด |
ชาติกำเนิด | สหรัฐ |
บริษัทผู้ผลิต | นอร์ทอเมริกันเอวิเอชัน |
สถานะ | ปลดประจำการทางทหารในปี 2527, ยังใช้ในงานพลเรือน |
ผู้ใช้งานหลัก | กองทัพอากาศทหารบกสหรัฐ กองทัพอากาศสหราชอาณาจักร กองทัพอากาศนิวซีแลนด์ กองทัพอากาศแคนาดา |
จำนวนที่ผลิต | กว่า 15,000 ลำ[1] |
ประวัติ | |
เริ่มใช้งาน | 2485 |
เที่ยวบินแรก | 26 ตุลาคม 2483 |
สายการผลิต | นอร์ทอเมริกัน เอฟ-82 ทวินมัสแตง |
นอร์ทอเมริกันเอวิเอชัน พี-51 มัสแตง (อังกฤษ: North American Aviation P-51 Mustang) เป็นเครื่องบินขับไล่และทิ้งระเบิดพิสัยไกลหนึ่งที่นั่งสัญชาติอเมริกาซึ่งถูกใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามเกาหลี และสงครามอื่นๆ มันถูกออกแบบและสร้างโดยนอร์ทอเมริกันเอวิเอชันหรือเอ็นเอเอเพื่อตอบโจทย์ของกระทรวงการบินจากการสั่งซื้อของอังกฤษ ลำตันแบบคือเอ็นเอ-73เอ็กซ์ที่สร้างเสร็จในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2483 เป็นเวลา 102 วันหลังจากมีการเซ็นสัญญาและทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม[2]
ประวัติ
[แก้]เดิมทีมัสแตงถูกออกแบบมาเพื่อใช้เครื่องยนต์อัลลิสัน วี-1710 ซึ่งมีความสูงที่จำกัดในการบิน การบินครั้งแรกเกิดขึ้นโดยกองทัพอากาศอังกฤษเพื่อทำหน้าที่ลาดตระเวนทางอากาศและเป็นเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด (มัสแตง มาร์ค 1) ต่อมามีการใช้เครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ เมอร์ลินในรุ่นพี-51บีและซีเพื่อให้มัสแตงสามารถบินได้ที่ความสูงเหนือ 15,000 ฟุต ซึ่งทำให้มันบินได้ดีกว่าหรือเท่ากับเครื่องบินส่วนมากของกองทัพอากาศเยอรมนี[3] รุ่นสุดท้ายคือพี-51ดีซึ่งมีเครื่องยนต์เป็นเครื่องแพคคาร์ด วี-1650-7 เป็นเครื่องยนต์ดัดแปลงจากเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ 60 ที่เป็นเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จเจอร์สองความเร็ว และมีอาวุธเป็นปืนกลเอ็ม2 บราวนิงขนาด 12.7 มม.หกกระบอก[4]
ประวัติการรบ
[แก้]ตั้งแต่ปลายปีพ.ศ. 2486 พี-51บีถูกใช้โดยกองทัพอากาศที่ 8 ของสหรัฐอเมริกาเพื่อคุ้มกันเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ต้องบินในน่านฟ้าของนาซีเยอรมนี ในขณะที่กองทัพอากาศทางยุทธวิธีที่ 2 ของอังกฤษและกองทัพอากาศที่ 9 ของสหรัฐฯ ใช้เครื่องบินมัสแตงเครื่องยนต์เมอร์ลินทำหน้าที่ทิ้งระเบิดและขับไล่ เป็นบทบาทที่เพิ่มความแน่นอนให้กับความเป็นเจ้าอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตรในปีพ.ศ. 2487[5] พี-51 ยังทำหน้าที่ให้กับฝ่ายสัมพันธมิตรในการรบบริเวณแอฟริกาเหนือเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและอิตาลี นอกจากนี้ยังทำการรบกับจักรวรรดิญี่ปุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิกอีกด้วย ในสงครามโลกครั้งที่ 2 นักบินมัสแตงอ้างว่าได้ยิงเครื่องบินศัตรูตกไป 4,950 ลำ
เมื่อสงครามเกาหลีเริ่มต้นขึ้น มัสแตงได้กลายเป็นเครื่องบินขับไล่ประเภทหลักของสหประชาชาติจนกระทั่งเครื่องบินขับไล่เครื่องยนต์ไอพ่น เช่น นอร์ทอเมริกัน เอฟ-86 เซเบอร์เข้ามาทำหน้าที่แทน จากนั้นมัสแตงก็กลายเป็นเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดแบบพิเศษ แม้ว่าเครื่องบินไอพ่นจะเข้ามาแทนที่แต่มัสแตงก็ยังคงประจำการในกองทัพอากาศในบางประเทศจนถึงต้นทษวรรษที่ 2523 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเกาหลี มัสแตงจำนวนมากถูกดัดแปลงให้ใช้โดยพลเรือน โดยเฉพาะการแข่งขันทางอากาศและการบินแสดงในการแสดงเครื่องบินต่างๆ
คุณลักษณะ (พี-51ดี มัสแตง)
[แก้]- ผู้สร้าง: นอร์ทอเมริกันเอวิเอชัน (สหรัฐ)
- ประเภท: เครื่องบินขับไล่
- เครื่องยนต์: เครื่องยนต์ลูกสูบรูปตัววี แพ็คการ์ด วี-1650-7 เมอร์ลิน จำนวน 12 สูบ พร้อมซูเปอร์ชาร์จเจอร์ ให้กำลัง 1,720 แรงม้า 1 เครื่อง
- กางปีก: 11.28 เมตร
- ยาว: 9.83 เมตร
- สูง: 4.08 เมตร
- พื้นที่ปีก: 21.83 ตารางเมตร
- น้ำหนักเปล่า: 3,465 กิโลกรัม
- น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด: 5,488 กิโลกรัม
- อัตราเร็วสูงสุด: 708 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- อัตราไต่: 16.3 เมตร/ วินาที
- พิสัยบินไกลสุด: 2,656 กิโลเมตร
- อาวุธ: ปืนกล AN/M2 Browning ขนาด 12.7 มม. 6 กระบอก
อ้างอิง
[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- นอร์ทอเมริกัน พี-51 มัสแตง
- เครื่องบินนอร์ทอเมริกันเอวิเอชัน
- เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด
- เครื่องบินขับไล่
- เครื่องบินขับไล่ในสงครามโลกครั้งที่สอง
- เครื่องบินสหรัฐในสงครามโลกครั้งที่สอง
- เครื่องบินจีนในสงครามโลกครั้งที่สอง
- เครื่องบินออสเตรเลียในสงครามโลกครั้งที่สอง
- อากาศยานที่บินครั้งแรกในปี พ.ศ. 2483
- บทความเกี่ยวกับ การทหาร ที่ยังไม่สมบูรณ์