นี-โย
นี-โย | |
---|---|
ข้อมูลพื้นฐาน | |
ชื่อเกิด | แชฟเฟอร์ ชิเมียร์ สมิธ |
รู้จักในชื่อ | Go Go |
เกิด | [1] แคมเดน,อาร์คันซอ, สหรัฐอเมริกา | ตุลาคม 18, 1979
ที่เกิด | ลาสเวกัส รัฐเนวาดา, สหรัฐอเมริกา |
แนวเพลง | |
อาชีพ |
|
ช่วงปี | 1998–ปัจจุบัน |
ค่ายเพลง | |
เว็บไซต์ | neyothegentleman |
แชฟเฟอร์ ชิเมียร์ สมิธ (อังกฤษ: Shaffer Chimere Smith) หรือเป็นที่รู้จักในนาม นี-โย (อังกฤษ: Ne-Yo) เกิดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1979 เป็นนักร้องเพลงแนวอาร์แอนด์บี นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์เพลง และนักแสดงชาวอเมริกัน นี-โยมีชื่อเสียงด้านการแต่งเพลงเมื่อเขาแต่งเพลง "เล็ตมีเลิฟยู" ให้กับมาริโอ ความสำเร็จดังกล่าวทำให้นี-โยได้พบกับหัวหน้าค่ายเดฟแจม และเซ็นสัญญาด้วย
ชีวิตช่วงแรก
[แก้]นี-โย เกิดในรัฐอาร์คันซอ เมืองแคมเดน มีชื่อทางศาสนาว่า แชฟเฟอร์ ชิเมียร์ สมิธ[3] บิดามารดาของเขาเป็น ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ทั้งคู่เป็นนักดนตรี ตั้งแต่ยังเด็กเขาอยู่กับแม่เพียงคนเดียวเพราะพ่อแยกทางกันไป[4] และเพื่อหวังว่าจะได้โอกาสที่ดีขึ้น แม่ของเขาย้ายพร้อมครอบครัวไปอยู่ในลาสเวกัส รัฐเนวาดา
ขณะเรียนที่ลาสเวกัสอะคาเดมี สมิธใช้ชื่อนักร้องว่า "GoGo" และเข้าร่วมกลุ่มนักร้องอาร์แอนด์บีชื่อ เอนวี ซึ่งเคยแสดงในรายการโชว์ไทม์แอตดิอะพอลโล[5] และรายการเดอะคัต ทางช่องเอ็มทีวี[6] (ลิซา "เลฟต์อายส์" โลปส์ จากวงทีแอลซี เป็นพิธีกร)[7] วงปิดตัวลงใน ค.ศ. 2000 และสมิธยังคงแต่งเพลงให้นักร้องคนอื่นต่อไปก่อนเริ่มงานเพลงเดี่ยว ชื่อนักร้องว่า "Ne-Yo" ตั้งโดนบิก ดี อีแวนส์ โปรดิวเซอร์ที่นีโยเคยร่วมงานด้วย[8] เนื่องจากอีแวนส์กล่าวว่านี-โยมองดนตรีว่าเป็นตัวละครนีโอมองจักรวาลเมทริกซ์ในเรื่องเดอะเมทริกซ์[9]
อาชีพ
[แก้]1998-2005: เริ่มงานเพลง
[แก้]นี-โย เป็นที่รู้จักครั้งแรกในวงการเพลงในฐานะสมาชิกวงจากลาสเวกัส 4 คนที่ชื่อ เอนวี[10] หลังจากแตกวงไปในปี 2000 นี-โยเซ็นสัญญากับค่ายโคลัมเบียเรเคิดส์ แต่หลังจากบันทึกเสียงอัลบั้มชุดแรก ทางค่ายก็ยกเลิกผลงานชิ้นนี้ ก่อนที่จะได้วางจำหน่าย[11] มากส์ ฮิวสตัน นักร้องอเมริกันได้มีโอกาสฟังเพลงของนี-โย "แดตเกิร์ล" ที่คาดว่าจะเป็นซิงเกิลเปิดตัวของอัลบั้มที่ไม่ได้ออกวางขายของนี-โย ฮิวสตันได้นำเพลงนี้มาบันทึกเสียงใหม่และออกซิงเกิลนี้ ซึ่งก็บรรจุอยู่ในอัลบั้มชุด เอ็มเอช[10] การออกเพลงนี้ ทำให้นี-โย เป็นที่รู้จักในฐานะนักแต่งเพลง และยังทำให้เขาตัดสินใจที่จะเขียนเพลงให้กับศิลปินอื่นต่อไป[10]
และในอีก 2 ปี ในชีวิตวัยรุ่นของ นี-โย เขาก็ยังเขียนเพลงต่อไป ซึ่งบางเพลงก็ไม่ได้ออกอย่างเป็นทางการ[10] เขาแต่งหลาย ๆ เพลงให้กับนักร้อง ทีดรา มอเซส ในอัลบั้มปี 2004 ชุด คอมเพล็กซ์ซิมพลิซิตี, เพลงในอัลบั้ม อิตส์อะเบาต์ไทม์ ของคริสตินา มิเลียน และแต่งเพลงให้วงบอยแบนด์สัญชาติอเมริกา วงยังสทาวน์[12] แต่ที่กล่าวมาก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร[10] นี-โย ยังแต่งเพลงให้กับ นักร้องชาวอเมริกัน แมรี เจ. ไบลจ์, บีทูเค, เฟธ อีแวนส์ และมิวสิก โซลไชลด์[13]
จน นี-โย เป็นที่รู้จักในฐานะนักแต่งเพลงหลังจากแต่งเพลง "Let Me Love You" ให้มาริโอ ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 ยาวนานถึง 9 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเพลงที่เล่นบ่อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา[14][12] หลังจากความสำเร็จครั้งนี้ ทีนา เดวิส อดีตผู้จัดหาศิลปิน (A&R) ของค่ายเดฟแจม ได้จัดประชุมกับหัวหน้าค่าย คือ แอล.เอ. รีด [10] เดิมที นี-โย ไม่ได้รับทำสัญญาใหม่ แต่เมื่อเขาแสดงความสามารถให้พวกเขาเห็น เขาก็ได้เซ็นสัญญากับศิลปินฮิปฮอป เจย์-ซี ที่ต่อมาคือกรรมการผู้จัดการของค่ายเดฟแจม[11][13]
2006-2007:อินมายโอนเวิดส์ และบีคอสออฟยู
[แก้]ต้นปี 2006 นี-โย ออกผลงานอัลบั้มแรกชุด อินมายโอนเวิดส์ กับค่ายเดฟแจม มีเพลงดังในซิงเกิลที่สองของอัลบั้มอย่างเพลง "โซซิก" ที่อัลบั้มวางขายและเข้าชาร์ตบิลบอร์ด 200 ที่อันดับ 1 ด้วยยอดขายกว่า 301,000 ชุดในสัปดาห์แรก[15] และในสัปดาห์เดียวกันนี้ ซิงเกิล "โซซิก" ก็ขึ้นไปถึงอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100[14] และต่อมาเมื่อออกซิงเกิล "เว็นยัวร์แมด" และ "เซ็กซีเลิฟ" ก็ขึ้นชาร์ตไปได้สูงสุดที่อันดับ 15 และอันดับ 7 ตามลำดับ[16] อัลบั้มมีได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวจากสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา (อาร์ไอเอเอ) ด้วยยอดขายกว่า 1 ล้านชุด[17]
ผลงานอัลบั้มที่ 2 ชุด บีคอสออฟยู ออกวางขายเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2007 เปิดตัวที่อันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ด 200 ด้วยยอดขาย 251,000 ชุดในสหราชอาณาจักร ซึ่งถือว่าเป็นอัลบั้มอันดับ 1 ชุดที่ 2 ของนี-โย[18] ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวนี้ มีชื่อเดียวกับอัลบั้ม ขึ้นชาร์ตสูงสุดที่อันดับ 2[16] แม้อัลบั้มประสบความสำเร็จจากเพลง "บีคอสออฟยู" แต่ซิงเกิลต่อมาติดอันดับชาร์ตไม่สูงนักและไม่สามารถติดใน 20 อันดับแรกบนชาร์ตได้[16] อัลบั้มได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวจากอาร์ไอเอเอ ด้วยยอดขายมากกว่า 1 ล้านชุด[17] เอนเทอร์เทนเมนต์วีกลี วิจารณ์อัลบั้มนี้ไว้ว่า "อัลบั้มชุดนี้เป็นความพยายามที่ไม่ผิดพลาด ที่มุ่งไปในทางผลงานยุคแรกของไมเคิล แจ็กสัน"[19] ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2007 นี-โยและกู กู ดอลส์ ในคอนเสิร์ตหารายได้เพื่อผู้สมัครประธานาธิบดี บารัก โอบามา ในขณะนั้น[20]
2008-2010:เยียร์ออฟเดอะเจนเทิลแมน และ ไลบราสเกล
[แก้]ผลงานอัลบั้มชุดที่ 3 ของนี-โย ชุด เยียร์ออฟเดอะเจนเทิลแมน ออกวางขายเมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 2008 นี-โยอธิบายกับนักเขียน พีต ลูอิส จากนิตยสารบลูส์แอนด์โซล เกี่ยวกับแนวคิดของชื่ออัลบั้มนี้ว่า "สำหรับผม เยียร์ออฟเดอะเจนเทิลแมน เป็นอัลบั้มเกี่ยวกับภาพลักษณ์ ของล้ำค่า และเสน่ห์ ผมทำการประเมินธุรกิจดนตรี และในความเห็นส่วนตัวของผมนั้น ขณะนี้ แก่นของความเป็นสุภาพบุรุษเริ่มขาดหายไป ทุกคนดูเหมือนกันไปหมด ทุกคุณทำเหมือนกันไปหมด ทุกคนหยาบคายและหลงตัวเอง ขณะที่สุภาพบุรุษต้องใจเย็น สุภาพ ใจดี มีเสน่ห์ ดังนั้นชื่ออัลบั้มจึงเป็นตัวแทนผมที่พยายามเป็นตัวอย่าง และแสดงให้คนเหล่านั้นเห็นว่าจะเป็นสุภาพบุรุษได้อย่างไรในธุรกิจเช่นนี้"[21]
อัลบั้มขายได้ 250,000 ชุดในสัปดาห์แรกในสหรัฐอเมริกา เปิดตัวบนชาร์ตบิลบอร์ด 200 ที่อันดับ 2[22] คำวิจารณ์ของอัลบั้มนี้เป็นในทางบวก หนึ่งในนั้น คารีน แกนซ์ จากนิตยสาร โรลลิงสโตน เขียนไว้เกี่ยวกับอัลบั้ม เยียร์ออฟเดอะเจนเทิลแมน ว่า "มีแนวคิดอัลบั้มที่ดีเลิศ เกี่ยวกับการเป็นเพื่อนชายที่ยอดเยี่ยม ที่เขา (นี-โย) สามารถเป็นได้"[23] นิตยสารไวบ์ เขียนวิจารณ์ผลงานอัลบั้มนี้ไว้ว่า "เป็นอัลบั้มที่ได้รับอิทธิพลบางส่วนจากเพลงป็อปร่วมสมัย อย่าง เดอะบีทเทิลส์และบิลลี โจเอล"[24]
ซิงเกิล 2 ซิงเกิลแรก "โคลเซอร์" และ "มิสอินดีเพนเดนต์" ขึ้นชาร์ตสูงสุดอันดับ 7 ในบิลบอร์ดฮอต 100 อัลบั้มนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ในสาขา อัลบั้มอาร์แอนด์บีร่วมสมัยยอดเยี่ยมและอัลบั้มยอดเยี่ยม ในปี 2009 และ "โคลเซอร์" ยังเข้าชิงในสาขาผลงานนักร้องชายแนวป็อปยอดเยี่ยม และ "มิสอินดีเพนเดนต์" ได้เข้าชิงผลงานนักร้องชายแนวอาร์แอนด์บีและเพลงอาร์แอนด์บียอดเยี่ยม[25] เยียร์ออฟเดอะเจนเทิลแมน ยังได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวจากอาร์ไอเอเอ ด้วยยอดขายกว่า 1 ล้านชุด[17]
อัลบั้ม ไลบราสเกล วางจำหน่ายวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010 ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์แต่ล้มเหลวในเชิงพาณิชย์ อัลบั้มเปิดตัวที่อันดับ 9 บนชาร์ตบิลบอร์ด 200 ขายได้น้อยกว่าอัลบั้มสามอัลบั้มที่แล้ว นี-โยกล่าวว่า "อัลบั้มมีเนื้อเรื่องตามเรื่องสั้นของตัวละครสามตัวที่ถูกบังคับให้เลือกระหว่าง เงิน อำนาจ และชื่อเสียง กับความรัก ซึ่งเป็นเหตุที่ผมเรียกชุดนี้ว่า 'ไลบราสเกล' คุณรู้ไหม แนวคิดของมันตั้งอยู่บนคำถามเกี่ยวกับศีลธรรม ซึ่งถ้าคุณชั่งน้ำหนักสิ่งเหล่านั้นบนตาชั่ง คุณจะเลือกสิ่งไหน"[26] อัลบั้มไลบราสเกลขายได้ 112,000 ชุดในสัปดาห์แรก ในสหราชอาณาจักร อัลบั้มเปิดตัวอันดับ 11 บนชาร์ตอัลบั้มแห่งสหราชอาณาจักร ขณะที่เปิดตัวอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงอาร์แอนด์บีของสหราชอาณาจักร
2011-2012:อาร์.อี.ดี.
[แก้]วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 ขณะทัวร์ในสหราชอาณาจักร เขากล่าวว่าอัลบั้มใหม่มีชื่อว่า เลิฟแอนแพสชัน และจะออกในเดือนกันยายน แต่ที่กล่าวมาไม่เป็นความจริงเนื่องจากชื่ออัลบั้มยังไม่ยืนยัน แร็ปเปอร์ชาวอเมริกัน แฟโบลัส ให้สัมภาษณ์ว่าเขาวางแผลทำอัลบั้มร่วมกับนี-โยด้วย นี-โยยังเคยเขียนเพลงในอัลบั้มใหม่ของแมรี เจ. ไบลจ์ เจบี บียอนเซ่ โมนิกา อเล็กซานดรา เบิร์ก เชอริล โคล และวิลโลว์ สมิธ นี-โยแสดงในภาพยนตร์ 2 เรื่อง ได้แก่ เสืออากาศผิวสี ออกฉายต้นปี ค.ศ. 2012 และวันยึดโลก ออกฉายในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2011 นี-โยเขียนเพลงให้นักร้องป็อปชาวอเมริกัน สังกัดร็อกเนชัน ชื่อ อเล็กซิส จอร์แดน ในอัลบั้มแรกของเธอ และอัลบั้มที่สองของเจนนิเฟอร์ ฮัดสัน ชื่อ ไอรีเมมเบอร์มี ที่วางขายในอเมริกาเหนือในวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 2011 นี-โยปรากฏในรายการเด็ก เดอะเฟรชบีตแบนด์ และเป็นหนึ่งในศิลปินที่ไม่ยกเลิกคอนเสิร์ตหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่น ค.ศ. 2011[27]
ในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 2011 นี-โยร่วมร้องในเพลง "กิฟมีเอฟรีทิง" กับแร็ปเปอร์ชาวอเมริกัน พิตบูล และเนเยอร์ ขึ้นอันดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 กลายเป็นซิงเกิลอันดับหนึ่งเพลงที่สองของนี-โย และเป็นเพลงแรกในฐานะนักร้องรับเชิญ นี-โยเปิดเผยในบทสัมภาษณ์ว่าเขาอยากร่วมงานกับคริส บราวน์ ลิล เวย์น และเดรก ในอัลบั้มถัดไป
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2012 มีรายงานว่านี-โย และสังกัดของเขา คอมพาวด์เอนเตอร์เทนเมนต์ ย้ายจากค่ายเดฟแจมเรคอร์ดิงส์ ไปโมทาวน์เรเคิดส์[28][29] เขานัดพบกับรองประธานอาวุโสของฝ่ายจัดหาศิลปินของค่ายที่เขาจะรับหน้าที่ "โปรดิวเซอร์เพลงและผู้ดูแลนักร้องในสังกัด และมองหานักร้องหน้าใหม่ที่มีพรสวรรค์เข้าสังกัด"[30] นี-โยคาดว่าจะออกสตูดิโออัลบั้มที่ห้าชื่อ อาร์.อี.ดี. (ย่อจาก "Realizing Every Dream") ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2012[31][32] เดิมอัลบั้มมีชื่อว่า เดอะแคร็กส์อินมิสเตอร์เพอร์เฟกต์[33] ซิงเกิลแรกชื่อ "เลซีเลิฟ" ออกขายในวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 2012[34] ขึ้นอันดับ 42 ในชาร์ตฮอตเพลงอาร์แอนด์บี/ฮิปฮอปของบิลบอร์ด ซิงเกิล "เล็ตมีเลิฟยู (อันทิลยูเลิร์นทูเลิฟยัวร์เซลฟ์)" ร่วมแต่งโดยนักร้องนักแต่งเพลงชาวออสเตรเลีย เซีย เฟอร์เลอร์ ออกขายในวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2012
ในวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2012 นี-โยร่วมกับนักร้องอาร์แอนด์บี เมลานี ฟิโอนา ในคอนเสิร์ตฉลองวันคล้ายวันเกิด 54 ปีของไมเคิล แจ็กสัน ในชื่อ เอ็มเจเบิร์ธเดย์คอนเสิร์ต ได้รับการสนับสนุนโดยเป๊ปซี่และนิตยสารบิลบอร์ด เขาร้องเมดเลย์เพลงดัง รวมถึงเพลง "เดอะเวย์ยูเมกมีฟีล" "สมูทคริมินัล" "ไอจัสต์คานต์สต็อปเลิฟวิงยู" จากอัลบั้ม แบด ของไมเคิล แจ็กสัน เพื่อเตรียมออกอัลบั้ม แบด 25 ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2012 คอนเสิร์ตจัดขึ้นที่ก็อตแฮมฮอลล์ ในนครนิวยอร์ก[35] อัลบั้ม อาร์.อี.ดี. วางขายวันที่ 5 พฤศจิกายน ในสหราชอาณาจักร และวันที่ 6 พฤศจิกายน ในอเมริกาเหนือ[36]
ใน ค.ศ. 2012 นี-โยได้รับรางวัลฮัลเดวิดอะวอร์ดสาขาหอเกียรติยศนักแต่งเพลง ที่มอบให้แก่นักแต่งเพลงที่มีพรสวรรค์ที่ถึงจุดสุดยอดในอาชีพ และสร้างอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมดนตรีด้วยเพลงต้นฉบับ[37]
2013-ปัจจุบัน: นอนฟิกชัน และ กูดแมน
[แก้]ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2013 นี-โยร่วมงานกับเอค่อนในซิงเกิล "เพลย์ฮาร์ด" ของเดวิด เกตตา จากอัลบั้มนัตทิงบัตเดอะบีต 2.0 ในเดือนเมษายน นี-โยร่วมงานกับเชอร์ ลอยด์ ในซิงเกิล "อิตส์ออลกูด" ซึ่งต่อมาได้ประกอบภาพยนตร์โฆษณาไอศกรีมฟรุตทาเร่ ในคราวเดียวกัน เขาและเซลีน ดิออน บันทึกเพลง "อินเครดิเบิล" ใส่อัลบั้ม เลิฟด์มีแบ็กทูไลฟ์ "อินเครดิเบิล" ออกเป็นซิงเกิลในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 และมิวสิกวิดีโอเริ่มฉายในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2014
ในวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 นี-โยกล่าวว่าสตูดิโออัลบั้มที่หกจะมีชื่อว่า นอนฟิกชัน ในวันเดียวกันนั้น เขาออกซิงเกิลใหม่ "มันนีคานต์บาย" ในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 2014 นี-โยส่งซิงเกิลแรกเข้าคลื่นวิทยุในชื่อ "ชีโนส์" ร้องรับเชิญโดยจูซี เจ หลายเดือนต่อมา นี-โยประกาศว่าอัลบั้ม นอนฟิกชัน จะวางขายวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2015 ในอัลบั้ม นี-โยได้ร่วมงานกับพิตบูลและชาริส มิลส์ อัลบั้มขึ้นอันดับที่ 5 บนชาร์ตบิลบอร์ด 200
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2015 นี-โยร่วมงานกับดิมิทรีเวกัสแอนด์ไลก์ไมก์ในเพลงใหม่ชื่อ "ไฮเออร์เพลซ" เป็นเพลงประจำเทศกาลทูมอร์โรว์แลนด์[38] ในปี ค.ศ. 2016 นี-โยร่วมงานกับยูเนลและเจ อัลวาเรซ ในซิงเกิล "ซีนมีเอโด" ออกจำหน่ายในวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 และร่วมงานกับไดมอนด์แพลตนัมซ์ ในซิงเกิล "แมร์รียู" ออกจำหน่ายในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017
ในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 นี-โยออกซิงเกิล "เอิร์นยัวร์เลิฟ" จากอัลบั้มที่เจ็ด และประกาศว่าอัลบั้มใหม่จะวางจำหน่ายในปี ค.ศ. 2017[39][40] ซิงเกิล "อะนาเธอร์เลิฟซอง" ออกจำหน่ายในวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 2017[41]
ธุรกิจอื่น ๆ
[แก้]งานเขียนเพลง
[แก้]นี-โย มักร่วมเขียนเพลงกับ ทอร์ อีริก เฮอร์แมนเซน และมิกเคล เอส. อีริกเวน จากทีมงานชาวนอร์เวย์ ในชื่อ สตาร์เกต โดยนี-โย พบพวกเขาที่ทางเดินในสตูดิโอของโซนีมิวสิก ที่นิวยอร์ก และก็รู้ว่าพวกเขาเป็นทีมที่ทำงานเพลงแนวอาร์แอนด์บี เขาตัดสินใจที่จะร่วมงานกับพวกเขา ผลงานร่วมมือกันอย่างเช่นเพลงในอัลบั้ม อินมายโอนเวิดส์ รวมถึงในเพลง "โซซิก"[42]
นอกจากผลงานในอัลบั้มของเขาเองแล้ว นี-โย ยังร่วมงานกับศิลปินอื่นด้วย อย่างเช่นใน ซิงเกิลท็อปเท็นของริอานนาที่ชื่อ "Unfaithful" และต่อมากับซิงเกิลอันดับ 1 ของเธอ "เทกอะบาว" ในปี 2008 และเพลงของมาริโอ วาสเคซที่ชื่อ "แกลเลอรี", เพลงของพอลลา เดออันดา ที่ชื่อ "วอล์กอะเวย์ (รีเมมเบอร์มี)" และเพลงอันดับ 1 ของบียอนเซ่ ที่ชื่อ "อีร์รีเพลซอะเบิล" ซึ่งสามารถขึ้นอันดับ 1 ได้นาน 10 สัปดาห์ติดต่อกัน[3]
นี-โย ยังเขียนเพลงให้กับวิตนีย์ ฮิวสตัน, เซลีน ดิออน, คอร์บิน โบ และเอนรีเก อีเกลเซียส[3][43] เขายังร่วมงานกับลินด์เซย์ โลฮาน ในเพลงในอัลบั้ม สปิริตอินเดอะดาร์ก กับซิงเกิล "บอสซี"[44] นี-โย ยืนยันว่าได้รับการติดต่อจากวิลล์.ไอ.แอม ในการร่วมงานกับอัลบั้มที่จะออกใหม่ของไมเคิล แจ็กสันอีกด้วย[45]
นี-โย ทำงานด้านธุรกิจโดยการเปิดสตูดิโอเพลงของตัวเองที่ชื่อ คาร์ริงตันเฮาส์ ในแอตแลนตา จอร์เจีย[46] เขายังเริ่มบริษัทผลิตงานเพลงของตัวเอง ที่ชื่อคอมพาวด์เอนเทอร์เทนเมนต์ ในปี 2007 และยังจ้างโปรดิวเซอร์และแต่งเพลงหลายคน เพื่อหวังที่จะเปิดตัวค่ายเพลงของตัวเองอย่างเต็มตัว จนได้เปิดค่ายของตัวเอง มีศิลปินอย่าง พอลลา แคมป์เบลล์, ซิกซ์ จอห์น และแชเนลล์ ที่ได้ร่วมทำงานกับคอมพาวด์[46][11]
นี-โย ยังมีบทบาทในภาพยนตร์ 2 เรื่อง โดยแสดงในภาพยนตร์เรื่องแรกคือ ฝ่ารัก ฝ่าฝัน เต้นสะท้านโลก 2 ในปี 2006 และต่อมากับภาพยนตร์เรื่อง จังหวะระห่ำ หัวใจกระแทกพื้น ในปี 2007 เขายังมีเพลงประกอบในภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนี้ด้วย[47] นี-โย ยังร่วมแสดง เป็นผู้อำนวยการผลิตเพลงและประพันธ์ในเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Venice Beach[48]
ชีวิตส่วนตัว
[แก้]นี-โย มีบุตรชายกับแฟนสาวในปี 2005 โดยตั้งชื่อว่า ชิเมียร์ ตามชื่อกลางของนี-โย[3] ถึงแม้ว่านี-โย จะชื่อว่าเขาเป็นพ่อของเด็ก แต่ภายหลังก็ได้พบว่าไม่ใช่ลูกของเขาเอง ซึ่งต่อมาก็ได้ทำการดำเนินคดีกับแม่ของเด็ก[49]
นี-โย ถูกจับข้อหาไม่ระมัดระวังในการขับขี่ เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 ขณะที่ขับรถผ่านค็อบบ์เคาน์ตี รัฐจอร์เจีย เขาขับด้วยความเร็วมากกว่า 100 ไมล์/ชั่วโมง ด้วยรถเรนจ์โรเวอร์ปี 2006 และไม่มีใบขับขี่ จากรายงานระบุว่าเขาขับด้วยความเร็ว 105 ไมล์/ชั่วโมง ซึ่งจำกัดความเร็วอยู่ที่ 50 ไมล์/ชั่วโมง และจากข้อมูลโดยแอตแลนตา-เจอร์นอลคอนสติติวชัน (Atlanta-Journal Constitution) นี-โยได้รับโทษให้ทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมง เมื่อ 2 มิถุนายน ค.ศ. 2008 หลังจากเขาสารภาพผิดว่าขับรถโดยไม่มีใบขับขี่และขับรถโดยประมาท[50]
ผลงานเพลง
[แก้]- อินมายโอนเวิดส์ (2006)
- บีคอสออฟยู (2007)
- เยียร์ออฟเดอะเจนเทิลแมน (2008)
- ไลบราสเกล (2010)
- อาร์.อี.ดี. (2012)
- นอนฟิกชัน (2015)
ผลงานการแสดง
[แก้]ปี ค.ศ. | ชื่อ | บท | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
2006 | ฝ่ารัก ฝ่าฝัน เต้นสะท้านโลก 2 | Mixx | ลงแผ่น |
2007 | จังหวะระห่ำ หัวใจกระแทกพื้น | Rich Brown | ภาพยนตร์[51] |
2011 | CSI: NY | The hitman [52] | ตอนที่ 7.14 "Smooth Criminal"[53] |
2011 | The Fresh Beat Band | ตัวเขาเอง | ตอนพิเศษ "Band in a Jam"[54] |
2011 | วันยึดโลก | Specks | ภาพยนตร์[55] |
2012 | Empire Girls: Julissa & Adrienne | ตัวเขาเอง | เรียลลิตี-โชว์ |
2012 | เสืออากาศผิวสี | Andrew 'Smoky' Salem | ภาพยนตร์[56] |
2012 | I Heart Tuesdays | None | (TV), creator |
2012 | The X Factor | Guest Mentor | |
2012 | Never Mind the Buzzcocks | Guest Host |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Ed Biggs. "Ne-yo". Contactmusic.com.
- ↑ ABC News. "Who Convinced Celine Dion to Duet With Ne-Yo?". ABC News.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 Hobbs, Linda (2007-02-27). "VIBE.com: Ne-Yo to VIBE: "I am NOT a Sex Addict"". Vibe. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-27. สืบค้นเมื่อ 2008-10-15.
- ↑ Lo, Ricky (2008). "Let Ne-Yo Love You". The Philippine Star. Philippines.
- ↑ Ne-yo and Corey from American Idol stinking up Apollo. YouTube. September 29, 2010.
- ↑ Ne-yo, Corey Clark, and Cory Robinson Backstage at MTV's "The cut". YouTube. July 20, 2009.
- ↑ "Artist Biography | Ne-Yo biography". Artists.letssingit.com. สืบค้นเมื่อ March 13, 2011.
- ↑ Scott, Kevin R. (October 24, 2005). "20 Questions with Ne-Yo". Vibe. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-05-12. สืบค้นเมื่อ 2009-04-04.
- ↑ Lorez, Jeff (2006). "Ne-Yo 2006 Interview". Soulmusic. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-27. สืบค้นเมื่อ October 21, 2008.
- ↑ 10.0 10.1 10.2 10.3 10.4 10.5 Reeves, Mosi (2006-09-07). "Slick of It All". Miami New Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-04-20. สืบค้นเมื่อ 2008-12-27.
- ↑ 11.0 11.1 11.2 Jones, Steve (2007-05-15). "Ne-Yo keeps tunes coming". USA Today. สืบค้นเมื่อ 2008-12-27.
- ↑ 12.0 12.1 Kellman, Any. "Neyo: Biography". Allmusic. สืบค้นเมื่อ 2008-12-26.
- ↑ 13.0 13.1 Reid, Shaheem. "Jay-Z's Picks: Teairra Mari, Rihanna, Ne-Yo". MTV. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2005-07-01. สืบค้นเมื่อ 2008-12-25.
- ↑ 14.0 14.1 Hope, Clover (2009-03-09). "Ne-Yo Completes Chart Takeover With 'So Sick'". Billboard. Nielsen Business Media, Inc. สืบค้นเมื่อ 2008-12-26.
- ↑ Hasty, Katie (2006-03-08). "Ne-Yo's 'Words' Speak Volumes At No. 1". Billboard. Nielsen Business Media, Inc. สืบค้นเมื่อ 2008-12-26.
- ↑ 16.0 16.1 16.2 "Artist Chart History - Ne-Yo". Billboard. Nielsen Business Media, Inc. สืบค้นเมื่อ 2008-12-26.
- ↑ 17.0 17.1 17.2 "RIAA - Gold and Platinum". Recording Industry Association of America. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-09-16. สืบค้นเมื่อ 2008-12-25.
- ↑ Hasty, Katie (2009-05-09). "Ne-Yo Scores Second No. 1 In Debut-Heavy Week". Billboard. Nielsen Business Media, Inc. สืบค้นเมื่อ 2008-12-26.
- ↑ Simon Vozick-Levinson, Music Review Because of You (2007) เก็บถาวร 2012-05-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Entertainment Weekly
- ↑ Cathcart, Rebecca (2007-12-11). "Ne-Yo, The Goo Goo Dolls and, Oh, Yes, Barack". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2008-12-26.
- ↑ "Ne-Yo interview by Pete Lewis, 'Blues & Soul' June 2008". Bluesandsoul.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-01-14. สืบค้นเมื่อ August 5, 2011.
- ↑ Hasty, Katie (2008-09-24). "Metallica Edges Ne-Yo, Nelly To Remain No. 1". Billboard. Nielsen Business Media, Inc. สืบค้นเมื่อ 2008-12-25.
- ↑ Ganz, Caryn (2008-09-18). "Year of the Gentleman : Ne-Yo : Review". Rolling Stone. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-05-05. สืบค้นเมื่อ 2008-09-24.
- ↑ Elysa Gardner, R&B star Ne-Yo flaunts his gentlemanly style usatoday.com
- ↑ Adler, Shawn (2008-12-04). "Ne-Yo Was Blown Away By His Six Grammy Nods: 'One Nomination Would Have Been Enough For Me'". MTV. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-12-17. สืบค้นเมื่อ 2008-12-25.
- ↑ "Ne-Yo interview by Pete Lewis, 'Blues & Soul' August 2010". Bluesandsoul.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-12-24. สืบค้นเมื่อ August 5, 2011.
- ↑ "Ne-Yo: I had to perform in Japan". Musicrooms.net. March 26, 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-27. สืบค้นเมื่อ August 5, 2011.
- ↑ Williams, Brennan (January 25, 2012). "Ne-Yo Leaves Def Jam For Motown Records". Huffingtonpost.com. สืบค้นเมื่อ March 30, 2012.
- ↑ Markman, Rob (January 25, 2012). "Ne-Yo Leaves Def Jam To Become Motown Exec - Music, Celebrity, Artist News". MTV. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-04-20. สืบค้นเมื่อ March 30, 2012.
- ↑ "Grammy Award-Winning Superstar Ne-Yo Moves to Motown; Ne-Yo Appointed Senior Vice President of A&R, Motown Records". Motown Records. PR Newswire. January 25, 2012. สืบค้นเมื่อ July 19, 2012.
- ↑ "Ne-Yo To Release 'R.E.D.' Album in September - The Juice". Billboard.com. สืบค้นเมื่อ August 26, 2012.
- ↑ Stephen Clark - Design. "Ne-Yo: Starry Starry Knight". bluesandsoul.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-02-03. สืบค้นเมื่อ 2016-01-07.
- ↑ Muhammad, Latifah. "Ne-Yo 'The Cracks in Mr. Perfect' Album: 'Don't Make 'Em Like You No More' Is First Single". The Boom Box. สืบค้นเมื่อ March 11, 2012.
- ↑ "Twitter / siamusic: Wrote a song with @NeYoCompound". Twitter.com. สืบค้นเมื่อ August 26, 2012.
- ↑ "Entertainment News, Celebrity Interviews and Pop Culture - ABC News". Abcnews.go.com. สืบค้นเมื่อ November 7, 2012.
- ↑ "Ne-Yo Announced R.E.D. Release Date". HotNewHipHop. September 15, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-01-11. สืบค้นเมื่อ November 7, 2012.
- ↑ "Songwriters Hall of Fame". songwritershalloffame.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-07-01. สืบค้นเมื่อ 2016-01-07.
- ↑ "dimitrivegasandlikemike". SoundCloud. สืบค้นเมื่อ September 28, 2015.
- ↑ Nia Bennett (9 May 2017). "Ne-Yo Releases New Single, "Earn Your Love" Off Forthcoming Album". Parle Magazine. สืบค้นเมื่อ 14 May 2017.
- ↑ "Ne-Yo Releases New Tupac-Inspired Song 'Earn Ur Love' - LISTEN". Capital Xtra. 9 May 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-08-02. สืบค้นเมื่อ 14 May 2017.
- ↑ "Ne-Yo Returns With First Single in Two Years 'Another Love Song'". Billboard. 30 May 2017. สืบค้นเมื่อ 31 May 2017.
- ↑ Sisario, Ben (2007-05-06). "Wizards in the Studio, Anonymous on the Street". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2008-12-25.
- ↑ McDonald, Sam (2007-05-30). "The many roles of Ne-Yo". Daily Press. AccessMyLibrary. สืบค้นเมื่อ 2008-12-24.
- ↑ Laudadio, Marisa; Herndon, Jessica (2008-05-07). "Listen to Lindsay Lohan's New Song 'Bossy'". People. สืบค้นเมื่อ 2008-12-24.
- ↑ "Ne-Yo: 'I'm Not Trying To Top 'Thriller'". Starpulse. 2007-06-07. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-17. สืบค้นเมื่อ 2008-12-24.
- ↑ 46.0 46.1 Frezza, Robert (2007-05-29). "Ne-Yo To Open Carrington House Studio". Soulshine. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-17. สืบค้นเมื่อ 2007-09-30.
- ↑ "Interview: Ne-Yo". MTV. 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-04-22. สืบค้นเมื่อ 2008-12-26.
- ↑ Simmons, Leslie (2008-10-17). "Ne-Yo Pulling Triple Duty On 'Beach'". Billboard. Nielsen Business Media, Inc. สืบค้นเมื่อ 2008-10-18.
- ↑ Gardner, Elysa (2008-10-31). "R&B star Ne-Yo flaunts his gentlemanly style". USA Today. สืบค้นเมื่อ 2009-03-06.
- ↑ TMZ staff (2008-02-22). "Cops: Ne-Yo Was Driving CRAZY!". TMZ. สืบค้นเมื่อ 2008-12-24.
- ↑ Carroll, Larry (January 3, 2007). "Ne-Yo, Chris Brown Open Up About Stepping Up For Stomp The Yard" เก็บถาวร 2011-11-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. MTV. Retrieved August 26, 2011.
- ↑ James Dinh. "Ne-Yo To Guest-Star As Hit Man On 'CSI: NY'". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-17. สืบค้นเมื่อ October 16, 2012.
- ↑ Abrams, Natalie (November 30, 2010). "Ne-Yo to Guest-Star on CSI: NY". TV Guide. Retrieved December 1, 2010.
- ↑ Seidman, Robert (May 17, 2011). "Ne-Yo Guest Stars in an Hour-Long Special of Nickelodeon's The Fresh Beat Band on June 24" เก็บถาวร 2012-01-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. TV by the Numbers. Retrieved October 28, 2011.
- ↑ "Battle: Los Angeles Review". (March 10, 2011). IGN. Retrieved April 6, 2011.
- ↑ "Red Tails Finishes Casting and Begins Production". (April 6, 2009). StarWars.com. Retrieved August 25, 2011. เก็บถาวร มิถุนายน 29, 2011 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Ne-Yo
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
- Ne-Yo ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส