ข้ามไปเนื้อหา

แดร์เรน เบนต์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แดร์เรน เบนต์
เบนต์ในสีเสื้อทอตนัมฮอตสเปอร์
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม แดร์เรน แอชลีย์ เบนต์[1]
เกิด (1984-02-06) 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1984 (40 ปี)[2]
เกิดที่ ทูทิง อังกฤษ
สูง 5 ฟุต 11 นิ้ว (1.80 เมตร)[2]
ตำแหน่ง กองหน้า
ชุดเยาวชน
000?–1998 ก็อดแมนเชสเตอร์โรเวอส์
1998–2001 อิปสวิชทาวน์
ชุดใหญ่*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2001–2005 อิปสวิชทาวน์ 122 (48)
2005–2007 ชาร์ลตันแอธเลติก 68 (31)
2007–2009 ทอตนัมฮอตสเปอร์ 60 (18)
2009–2011 ซันเดอร์แลนด์ 50 (31)
2011–2015 แอสตันวิลลา 61 (21)
2013–2014ฟูลัม (ยืมตัว) 24 (3)
2014ไบรตัน​ (ยืมตัว) 5 (2)
2015ดาร์บีเคาน์ตี (ยืมตัว) 15 (10)
2015–2018 ดาร์บีเคาน์ตี 58 (12)
2018เบอร์ตันอัลเบียน (ยืมตัว) 15 (2)
ทีมชาติ
อังกฤษ ยู 15
2000–2001 อังกฤษ ยู 16 6 (0)
2002 อังกฤษ ยู 19 3 (0)
2003–2005 อังกฤษ ยู 21 14 (9)
2006–2011 อังกฤษ 13 (4)
  • จำนวนนัดที่ลงเล่นให้ชุดใหญ่และจำนวนประตูนับเฉพาะลีกท้องถิ่นเท่านั้น และ เป็นข้อมูล ณ วันที่ 18:03, 27 November 2010 (UTC).

† ลงเล่น (ประตู)

‡ จำนวนนัดที่ลงเล่นและจำนวนประตูในนามทีมชาติ ข้อมูล ณ วันที่ 18:03, 27 November 2010 (UTC)

แดร์เรน แอชลีย์ เบนต์ (อังกฤษ: Darren Ashley Bent, เกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1984)​ เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษเชื้อสายจาเมกา ตำแหน่งกองหน้า​ โดยเล่นในระดับพรีเมียร์ลีก​ให้กับ 9 สโมสร และติดทีมชาติอังกฤษ​ระหว่างปี ค.ศ. 2006–2011 ในยุคของสเวน-เยอราน เอริกซอน, สตีฟ แม็คคลาเรน และฟาบีโอ กาเปลโล​ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกมากเกินกว่า 100 ประตู

เบนต์ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนกับสโมสรฟุตบอลก็อดแมนเชสเตอร์ โรเวอส์ ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลระดับสมัครเล่นในเคมบริดจ์เชอร์และถูกค้นพบโดยแมวมองของอิปสวิช ทาวน์​ ก่อนจะเข้ามาอยู่ในทีมเยาวชนของสโมสรในปี ค.ศ. 1998 หลังจากนั้นเขาได้รับโอกาสลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของอิปสวิช ทาวน์ เป็นครั้งแรกด้วยอายุเพียง 17 ปี ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2001–2002 แม้ในฤดูกาลดังกล่าวสโมสรจะตกชั้นแต่หลังจากนั้นเขาก็ได้กลายเป็นผู้เล่นตัวหลักของสโมสรในอีเอฟแอลแชมเปียนชิป​ โดยลงสนามในลีกให้กับอิปสวิช ทาวน์รวม 122 นัด และยิงในลีกได้ 48 ประตู

ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2005–06 ชาร์ลตัน แอธเลติก​ ได้ซื้อตัวเขามาร่วมทีมด้วยราคา 2.5 ล้านปอนด์ ทำให้เขาได้เล่นในลีกสูงสุดอีกครั้ง ก่อนจะสร้างผลงานเป็นผู้ยิงประตูสูงสุดของสโมสรถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกัน และก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ จากฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของเขาทำให้สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์​ซื้อตัวเขาไปร่วมทีมในปี ค.ศ. 2007 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติถึง 16.5 ล้านปอนด์ โดยในฤดูกาลแรกเขาไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากนักโดยตกเป็นตัวสำรองของดีมีตาร์ เบร์บาตอฟ​และร็อบบี คีน​ ต่อมาในฤดูกาล 2008–09 เมื่อเบร์บาตอฟและคีน ย้ายออกจากทีมไปทำให้เขาได้เล่นเป็นกองหน้าตัวจริงของทีมคู่กับโรมัน ปัฟลูย์เชนโค​ โดยเขายิงประตูในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2008–09 ได้ 12 ประตู แต่การย้ายกลับมาร่วมทีมอีกครั้งของร็อบบี คีน หลังย้ายออกไปแค่ 6 เดือน ทำให้แดร์เรน เบนต์ ต้องกลับมาแย่งตำแหน่งตัวจริงภายในทีมอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นผู้ยิงประตูสูงสุดของทีมในฤดูกาลนั้นก็ตาม

ฤดูกาล 2009–10 เบนต์ย้ายมาร่วมทีมซันเดอร์แลนด์ ภายใต้การคุมทีมของสตีฟ บรูซ​และแสดงผลงานอันยอดเยี่ยมด้วยการยิงประตูในพรีเมียร์ลีกถึง 24 ประตู โดยเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของทีมรวมถึงเป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับ 3 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลดังกล่าวรองจากดีดีเย ดร็อกบา​ และเวย์น รูนีย์ และจากผลงานการยิงประตูของเขาทำให้เฌราร์ อูลีเย​ ตัดสินใจซื้อตัวเขามาร่วมทีมแอสตัน วิลลา​ ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2011 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรที่ 18 ล้านปอนด์โดยอาจเพิ่มถึง 24 ล้านปอนด์ตามผลงานของเขา[3]​ โดยแม้เขาจะย้ายมายังแอสตัน วิลลา ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2010–11 แต่ก็สามารถยิงประตูให้ทีมได้ 9 ประตู และเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของทีมร่วมกับแอชลีย์ ยัง​ รวมทั้งเป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับที่ 4 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2010–11 ที่จำนวน 17 ประตู (8 ประตู ยิงให้ซันเดอร์แลนด์ช่วงครึ่งฤดูกาลแรก) ในฤดูกาลต่อมาแม้ว่าเขาจะยิงประตูที่ 100 ในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ และยังคงเป็นผู้เล่นที่ยิงประตูได้มากที่สุดของทีมในฤดูกาลนั้น แต่กลับต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหนักจากการเข้าสกัดบอลของอันโตลิน อัลการัซ กองหลังของวีแกน แอธเลติก จนเอ็นข้อเท้าฉีก​[4]​ หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บกลับมาได้ในฤดูกาล 2012–13 เขาต้องตกเป็นตัวเลือกลำดับที่ 4 ในตำแหน่งกองหน้าต่อจากคริสตีย็อง แบนเตเก, กาเบรียล อักบอนลาฮอร์และ​อันเดรอัส ไวมัน ทำให้เขาต้องย้ายไปเล่นให้กับทีมอื่นด้วยสัญญายืมตัวโดยเขาย้ายไปเล่นให้กับฟูลัม ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013–14 แต่ก็ไม่อาจเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ โดยยิงในลีกได้เพียงแค่ 3 ประตูตลอดฤดูกาล ต่อมาในฤดูกาล 2014–15 เขาย้ายไปเล่นด้วยสัญญายืมตัวอีกครั้งกับไบรตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน​และดาร์บี เคาน์ตีในอีเอฟแอลแชมเปียนชิป ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวออกจากสโมสรแอสตัน วิลลาในที่สุด[5]

หลังหมดสัญญากับแอสตัน วิลลา เบนต์ย้ายมาร่วมทีมดาร์บี เคาน์ตี แบบไม่มีค่าตัว ก่อนจะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บอีกครั้ง โดยในฤดูกาล 2017–18 เบนต์ได้รับบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อต้นขา จนไม่ได้ลงสนามให้กับทีมและหลังจากที่เข้ารับการรักษาเขาได้ย้ายไปเล่นแบบยืมตัวให้กับเบอร์ตัน อัลเบียน และหมดสัญญากับดาร์บีหลังจบฤดูกาล

แดร์เรน เบนต์ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลในปี ค.ศ. 2019[6]

การเล่นทีมชาติ

[แก้]

แดร์เรน เบนต์ ถูกเดวิด แพลตต์ เรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี​ ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 [7][8]หลังมีผลงานโดดเด่นกับสโมสรอิปสวิช ทาวน์ และได้ลงแข่งขันในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี รอบคัดเลือก โดยเขาสามารถยิงประตูได้ในการแข่งขันรอบคัดเลือกนัดเพลย์ออฟ​กับทีมชาติฝรั่งเศส รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี แต่อังกฤษต้องตกรอบเนื่องจากผลประตูรวม 2 นัดแพ้ไป 2–3[9][10]

ต่อมาจากผลงานการยิงประตูในพรีเมียร์ลีกกับชาร์ลตัน แอธเลติก ทำให้แดร์เรน เบนต์ถูกสเวน-เยอราน เอริกซอน​เรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษ​ชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในการแข่งขันนัดกระชับมิตรกับทีมชาติเดนมาร์ก​ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2005[11] แต่ไม่ได้ถูกส่งลงสนาม ก่อนจะได้ลงสนามให้ทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2006 โดยเป็นการพบกับทีมชาติอุรุกวัยที่สนามแอนฟีลด์ ​ในการแข่งขันนัดดังกล่าวเป็นการแข่งกระชับมิตรเพื่อเตรียมความพร้อมและคัดตัวผู้เล่นที่จะใช้ในฟุตบอลโลก 2006 โดยท้ายที่สุดแล้วเขาก็ถูกตัดออกจากทีมชุดแข่งฟุตบอลโลก[12]

หลังจากนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปแข่งในฟุตบอลโลกแต่ก็ยังถูกเรียกตัวติดทีมชาติในฐานะกองหน้าตัวสำรองอยู่เป็นระยะๆ เช่นการถูกเรียกมาแทนแอนดรูว์ จอห์นสัน กองหน้าทีมชาติที่บาดเจ็บกะทันหัน ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008​ รอบคัดเลือก[13] โดยทีมชาติอังกฤษตกรอบและไม่ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย รวมถึงการถูกเรียกตัวในนามทีมชาติแทนที่คาร์ลตัน โคล ที่บาดเจ็บในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010​ รอบคัดเลือก และมีรายชื่อเป็นหนึ่งใน 30 ผู้เล่นที่ผ่านการคัดตัวเพื่อไปแข่งขันในฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ที่ประเทศแอฟริกาใต้[14] ก่อนจะหลุดออกจากทีมในช่วงที่คัดเหลือ 23 คน

แดร์เรน เบนต์ ยิงประตูแรกในนามทีมชาติได้เมื่อวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 2010 ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบคัดเลือก นัดที่พบกับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์​ หลังลงมาเป็นตัวสำรองแทนที่เจอร์เมน เดโฟ[15] โดยฟาบีโอ กาเปลโลผู้จัดการทีมชาติอังกฤษในขณะนั้นได้กล่าวชื่นชมฟอร์มการเล่นของเขาในทีมชาติ ก่อนจะส่งเขาเป็นผู้เล่นตัวจริงในนัดต่อมาซึ่งเป็นการแข่งขันกระชับมิตรกับทีมชาติเดนมาร์ก​ และเบนต์สามารถยิงประตูได้จากลูกผ่านของทีโอ วอลคอตต์​ หลังจากนั้นเขาได้รับโอกาสให้เป็นกองหน้าตัวจริงของทีมชาติอีกครั้งในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบคัดเลือก นัดที่พบกับทีมชาติเวลส์ และยิงประตูให้อังกฤษเอาชนะไปได้ 2–0 โดยถือเป็นการยิงประตูให้ทีมชาติ 3 นัดติดต่อกัน[16]

หลังจากนั้นแม้ว่าในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบคัดเลือก เขาจะเป็นผู้เล่นตัวหลักและยิงประตูให้ทีมชาติได้อีกครั้งในการพบกับทีมชาติมอนเตเนโกร​ แต่เขากลับต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหนักที่เอ็นข้อเท้าและต้องเข้ารับการรักษา ทำให้รอย ฮอดจ์สัน​ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษในขณะนั้นต้องตัดชื่อเขาออกจากทีมชุดฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 เนื่องจากสภาพร่างกาย โดยหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บเขาก็ไม่สามารถเรียกฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมได้เหมือนเดิมจนตกเป็นตัวสำรองของสโมสรและไม่ได้รับการเรียกตัวในทีมชาติอีกเลย

สถิติ

[แก้]

สโมสร

[แก้]
สโมสร ฤดูกาล ลีก เอฟเอคัพ ลีกคัพ อื่นๆ รวม
ดิวิชัน ลงสนาม ประตู ลงสนาม ประตู ลงสนาม ประตู ลงสนาม ประตู ลงสนาม ประตู
อิปสวิช ทาวน์ 2001–02[17] พรีเมียร์ลีก 5 1 0 0 1 1 1[a] 0 7 2
2002–03[18] ดิวิชัน 1 35 12 2 3 3 2 3[a] 1 43 18
2003–04[19] ดิวิชัน 1 37 15 1 0 1 0 2[b] 1 41 16
2004–05[20] แชมเปียนชิป 45 20 1 0 2 0 2[c] 0 50 20
รวม 122 48 4 3 7 3 8 2 141 56
ชาร์ลตัน แอธเลติก 2005–06[21] พรีเมียร์ลีก 36 18 5 2 3 2 44 22
2006–07[22] พรีเมียร์ลีก 32 13 0 0 3 2 35 15
รวม 68 31 5 2 6 4 79 37
ทอตนัม ฮอตสเปอร์ 2007–08[23] พรีเมียร์ลีก 27 6 0 0 1 0 8[a] 2 36 8
2008–09[24] พรีเมียร์ลีก 33 12 1 0 3 1 6[a] 4 43 17
รวม 60 18 1 0 4 1 14 6 79 25
ซันเดอร์แลนด์ 2009–10[25] พรีเมียร์ลีก 38 24 2 1 0 0 40 25
2010–11[26] พรีเมียร์ลีก 20 8 1 1 2 2 23 11
รวม 58 32 3 2 2 2 63 36
แอสตัน วิลลา 2010–11[26] พรีเมียร์ลีก 16 9 16 9
2011–12[27] พรีเมียร์ลีก 22 9 2 1 1 0 25 10
2012–13[28] พรีเมียร์ลีก 16 3 2 2 5 1 23 6
2014–15[29] พรีเมียร์ลีก 7 0 1 0 8 0
รวม 61 21 4 3 7 1 72 25
ฟูลัม (ยืมตัว) 2013–14[30] พรีเมียร์ลีก 24 3 3 2 3 1 30 6
ไบรตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน (ยืมตัว) 2014–15[29] แชมเปียนชิป 5 2 5 2
ดาร์บี เคาน์ตี (ยืมตัว) 2014–15[29] แชมเปียนชิป 15 10 2 2 17 12
ดาร์บี เคาน์ตี 2015–16[31] แชมเปียนชิป 21 2 1 1 1 0 2[c] 0 25 3
2016–17[32] แชมเปียนชิป 37 10 2 2 3 1 42 13
2017–18[33] แชมเปียนชิป 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0
รวม 73 22 5 5 4 1 2 0 84 28
เบอร์ตัน อัลเบียน (ยืมตัว) 2017–18[33] แชมเปียนชิป 15 2 15 2
รวมทั้งหมด 486 179 25 17 33 13 24 8 568 217
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 Appearance(s) in UEFA Cup
  2. Appearances in First Division play-offs
  3. 3.0 3.1 Appearances in Championship play-offs

อ้างอิง

[แก้]
  1. Hugman, Barry J. (2005). The PFA Premier & Football League Players' Records 1946–2005. Queen Anne Press. p. 56. ISBN 1852916656.
  2. 2.0 2.1 "Darren Bent". Soccerbase. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-01-29. สืบค้นเมื่อ 10 July 2007.
  3. Taylor, Louise (17 January 2011). "Darren Bent heads for Aston Villa in record £24m deal". The Guardian. London. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 August 2016.
  4. "Wigan 0–0 Aston Villa". BBC Sport. 25 February 2012. สืบค้นเมื่อ 29 November 2016.
  5. "Aston Villa confirm departure of Darren Bent and offer Ron Vlaar new contract". The Guardian. London. 8 June 2015. สืบค้นเมื่อ 29 November 2016.
  6. "Darren Bent: Ex-England and Tottenham striker retires aged 35". BBC Sport. 25 July 2019. สืบค้นเมื่อ 26 July 2019.
  7. "England's matches: The under 21's: 2000–10". England Football Online. 29 September 2017. สืบค้นเมื่อ 24 July 2018.
  8. Rollin, Glenda; Rollin, Jack, บ.ก. (2003). Sky Sports Football Yearbook 2003–2004. London: Headline Publishing Group. p. 886. ISBN 978-0-7553-1228-3.
  9. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Rothmans0203
  10. Díaz Rubio, Julian (5 August 2002). "European U-19 Championship 2002". Rec.Sport.Soccer Statistics Foundation. สืบค้นเมื่อ 24 July 2018.
  11. "Bent replaces Johnson for England". BBC Sport. 14 August 2005. สืบค้นเมื่อ 18 May 2011.
  12. "Walcott & Lennon in England squad". BBC Sport. 8 May 2006. สืบค้นเมื่อ 18 May 2011.
  13. "Round-up: Johnson blow for England". The Daily Telegraph. London. 4 October 2006. สืบค้นเมื่อ 18 May 2011.
  14. "Fabio Capello makes surprise England World Cup choices". BBC Sport. 11 May 2010. สืบค้นเมื่อ 18 May 2011.
  15. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Switzerland 1-3 England
  16. Evans, Gregg (26 March 2011). "Aston Villa: Darren Bent set for first competitive England start". Birmingham Mail. สืบค้นเมื่อ 10 November 2015.
  17. "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2001/2002". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
  18. "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2002/2003". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
  19. "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2003/2004". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
  20. "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2004/2005". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
    "Ipswich 2–1 Wolves". BBC Sport. 30 August 2004. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
  21. "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2005/2006". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
  22. "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2006/2007". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
  23. "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2007/2008". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
  24. "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2008/2009". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
  25. "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2009/2010". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
  26. 26.0 26.1 "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2010/2011". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 29 November 2016.
  27. "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2011/2012". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 16 August 2012.
  28. "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2012/2013". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 27 December 2015.
  29. 29.0 29.1 29.2 "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2014/2015". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 8 June 2015.
  30. "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2013/2014". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 27 December 2015.
  31. "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2015/2016". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 30 May 2016.
  32. "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2016/2017". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 7 December 2017.
  33. 33.0 33.1 "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2017/2018". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 24 July 2018.