YouTube Works Award ในประเทศไทยประจำปี 2565 จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและยกย่องชิ้นงานโฆษณาที่โดดเด่นและสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจ โดยผลงานที่ชนะรางวัลในปีนี้ ล้วนเป็นแคมเปญที่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการวางแผนใช้สื่อ การบอกเล่าเรื่องราว การใช้ข้อมูลและเครื่องมือของ YouTube รวมไปถึงการร่วมมือกับเหล่าครีเอเตอร์ ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างผลลัพธ์ได้ทั้งทางการตลาดและธุรกิจ
ผู้ชนะรางวัล Grand Prix:
ผู้ชนะรางวัล Action Driver:
ผู้ชนะรางวัล Best Full Funnel Campaign:
Dear Homosapiens
แบรนด์: GrabPay Wallet
เอเจนซี่สื่อ: M&C Saatchi Performance
เอเจนซี่ครีเอทีฟ: Wolf BKK
แคมเปญ Dear Homosapiens จาก GrabPay Wallet ได้ทลายความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับการใช้งานผลิตภัณฑ์ e-wallet ผ่านการเล่าเรื่องอย่างสนุกสนาน ผนวกกับการวางแผนสื่อ ที่ใช้ความสามารถของ YouTube ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด และตอบโจทย์ทางการตลาดแบบ full funnel ตั้งแต่การสร้างการรับรู้ของผลิตภัณฑ์ การเพิ่มการพิจารณา ไปจนถึงการสมัครใช้งาน
ผลงานชิ้นนี้หยิบยกอินไซต์ของผู้บริโภคที่ยังคงชินกับการใช้จ่ายผ่านวิธีการแบบเดิมๆ และมองว่าการใช้ e-wallet นั้น “ยุ่งยาก”และ “ซับซ้อน” มาตีแผ่ผ่านบทสนทนาที่ตลก และน่าติดตามระหว่างชายหนุ่มที่แสนจะขี้เกียจและกอริลลาตัวหนึ่ง เพื่อแสดงให้ผู้ชมเห็นว่า GrabPay Wallet นั้นใช้งานง่ายกว่าที่คิด แม้แต่กอริลลายังสามารถใช้ได้
GrabPay Wallet ใช้ Google Audiences เพื่อค้นหาผู้ชมที่ใช่ โดยในช่วง 2 สัปดาห์แรกจะเน้นการเข้าถึงผู้ชมจำนวนมาก ด้วยความถี่ที่มากแต่เหมาะสม ให้โฆษณาติดหูติดใจผู้ชมก่อน และเสริมด้วย YouTube Ad Sequencing ในช่วงต่อมา เพื่อตอกย้ำ และสร้างการจดจำในตัวโฆษณาและแบรนด์สินค้าให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในช่วงท้ายของโฆษณา ยังได้มีการนำเสนอสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ผู้ใช้งานจะได้รับจาก GrabPay Wallet ทำให้ผู้ชมอยากลองใช้มากขึ้น และเน้นด้วย Call-to-action ที่เด่นชัด เพื่อกระตุ้นให้เกิดตัดสินใจ ผลที่ได้คือ “ความง่ายต่อการใช้งาน” ในมุมมองของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 3% การรับรู้ต่อแบรนด์เพิ่มขึ้น 4.7% และจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 10%
ผู้ชนะรางวัล Best Storytelling: The Movies That Made (from) Us
แบรนด์: FIVE STAR (CPF Restaurant and Foods Chain Co.,Ltd.)
เอเจนซี่สื่อ: Starcom Thailand
เอเจนซี่ครีเอทีฟ: BBDO Bangkok
ห้าดาว แบรนด์ไก่ย่างคู่คนไทยที่เปิดมานานกว่า 37 ปี ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างความสัมพันธ์ และ Brand Love กับลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เช่น Gen Y และ Gen Z มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็รักษาฐานลูกค้าเดิมที่เป็นคนรุ่นเก่าไว้ ห้าดาว จึงเลือก YouTube เพื่อเข้าถึงและสื่อสารกับผู้ชมทุกวัยทั่วประเทศ โดยนำเสนอหนังโฆษณาผ่านการนำไอเดียจากคนหลากเจเนอเรชั่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของโจรที่สู้กันด้วยไม้ไก่จ๊อ เจ้าหญิงที่มีพลังวิเศษ หรือจอมยุทธที่มีกำลังภายใน มาต่อเรื่องเชื่อมกัน โดยสอดแทรกอินไซต์ของคนต่างเจเนอเรชั่นที่มีความคิดต่างกัน
โฆษณาชิ้นนี้ดำเนินเรื่องด้วยความแปลกใหม่ ร้อยเรียงความคิดเห็นของผู้คนออกมาเป็นเรื่องราวที่น่าติดตาม ทำให้ผู้ชมสนุกกับการดูวิดีโอและสามารถจับความสนใจของผู้ชมได้ตลอดแม้มีความยาวถึง 8 นาที ทลายความเชื่อที่ว่าหนังโฆษณาที่ยาวมักหลุดจากความสนใจได้ง่าย ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจที่แบรนด์ “ห้าดาว” มีต่อเสียงของผู้บริโภค นอกจากนี้โฆษณาชิ้นนี้ยังผสานสินค้าเข้ากับเนื้อหาในทุกฉากได้อย่างลงตัว ทำให้เรื่องราวดูไม่ตั้งใจขายแม้จะมีสินค้าอยู่ตลอดทั้งเรื่อง เป็นการสร้างโฆษณาที่ก้าวข้ามทุกกฏและออกจากกรอบเดิมๆ ของการเล่าเรื่อง ทำให้ผลงานชิ้นนี้ประสบความสำเร็จ และตอบโจทย์ทั้งทางการตลาดและธุรกิจ โดยสามารถเพิ่มยอดขายได้มากถึง 68% ทำยอดวิวได้กว่า 4.4 ล้านวิว พร้อมทั้งกวาดแชร์และยอด Engagement มาได้อย่างถล่มทลาย
ผู้ชนะรางวัล Best Collaboration: Mai Tong Ton
แบรนด์: Krungsri First Choice
เอเจนซี่สื่อ: Rabbit's tale
เอเจนซี่ครีเอทีฟ: Rabbit's tale
ในแคมเปญ ไม่ต้องทน แบรนด์ Krungsri First Choice ได้ร่วมมือกับ สองดูโอ้หนุ่มครีเอเตอร์และแร็ปเปอร์ขวัญใจวัยรุ่นอย่าง SPRITE x GUYGEEGEE เพื่อสร้างมิวสิควิดีโอเพลงแร็ปที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ U CASH ผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์ โดยเผยแพร่ผ่าน YouTube ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ใช้เวลาส่วนมากเพื่อฟังเพลง อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่ครีเอเตอร์มีฐานผู้ติดตามที่แข็งแกร่ง ผลงานโฆษณานี้ได้นำจุดเด่นของผลิตภัณฑ์มาปรับแต่งล้อเลียนเพลงเวอร์ชั่นออริจินอลที่ฮิตติดหู อย่างเพลง “ทน” จนเกิดเป็นเพลง “ไม่ต้องทน” ที่มาพร้อมกับประโยคเด็ดอย่าง “อยู่กับพี่อะมี First Choice นะ น้องไม่ต้องมาทน”
ผลงานชิ้นนี้ยังมีความพิเศษเฉพาะตัวซึ่งก็คือ การแสดงโลโก้และข้อความของกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ลงบน “พื้นที่โฆษณา” ที่ถูกทำไว้เป็นลูกเล่นในมิวสิควิดีโอเวอร์ชั่นออริจินอล ทำให้ผลงานโฆษณาชิ้นนี้ดูราวกับเป็นภาคต่อ ซึ่งเป็นหนึ่งในเทรนด์ยอดนิยมบน YouTube ส่งผลให้โฆษณานี้ได้ผลตอบรับที่ดีอย่างมาก โดยสามารถทำยอดวิวทะลุ 1 ล้าน ได้ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากที่มิวสิควิดีโอถูกเปิดตัว กวาดยอดวิวไปทั้งหมดมากกว่า 4.3 ล้านวิว หลังจากแคมเปญจบลง อีกทั้งยังมียูทูปเบอร์จากทั่วโลกออกมาทำคลิป Reaction ของเพลงนี้กันอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ในแง่ของผลลัพธ์ทางธุรกิจ กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์สามารถเพิ่มยอดการสมัครสินเชื่อ U CASH ได้ถึง 5% และ สร้างยอดกดเงินสดผ่าน U CASH ได้กว่า 9.7 พันล้านบาท
ผู้ชนะรางวัล Intelligent Insight: Guilty-Free Festival
แบรนด์: Central Department Store
เอเจนซี่สื่อ: ADA Digital (Thailand)
เอเจนซี่ครีเอทีฟ: Wolf BKK
แคมเปญ Guilty-Free Festival จาก Central Department Store ได้หยิบยกอินไซต์ของผู้บริโภคที่มักจะ “รู้สึกผิด” จากการซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลลดราคาต่างๆ เพราะฉุกคิดได้ว่าของเดิมมีเยอะแล้ว มารังสรรค์เป็นผลงานโฆษณา เล่าเรื่องผ่านการเล่นเกมเศรษฐีของสองตัวละครหลักที่สะท้อนให้เห็นถึงความในใจของผู้บริโภคที่ต้องข่มใจตอนที่จะซื้อสินค้าที่ “มีแล้ว” เพราะรู้สึกผิด และเสนอทางออกโดยนำสินค้าต่างเหล่านั้นมาเปลี่ยน “ชื่อใหม่” ที่แปลกแต่ไฉไลกว่าเดิม เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ชมเจเนอเรชั่น X และ Y
ทางแบรนด์ได้นำข้อมูลของผู้บริโภคมาวิเคราะห์ และแบ่งกลุ่มผู้ชมออกเป็น 20 กลุ่ม ตามความสนใจและแนวโน้มที่จะซื้อสินค้า พร้อมทั้งคิดหาองค์ประกอบโฆษณาที่เหมาะสมกับผู้ชมแต่ละกลุ่ม จากนั้นใช้ความสามารถของ YouTube อย่าง YouTube Director Mix (เป็นส่วนหนึ่งของ Ads Creative Studio) ในการปรับองค์ประกอบและสร้างชิ้นงานโฆษณาออกมาถึง 20 รูปแบบครอบคลุมสินค้าหลากหลายหมวดหมู่ โดยใช้ advanced audience targeting กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง เป็นตัวช่วยส่งโฆษณาเหล่านี้ให้กับผู้ชมที่มีโปรไฟล์ ความสนใจและความตั้งใจที่แตกต่างกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการลงโฆษณา และสื่อสารกับผู้ชมที่ใช่ ในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ส่งผลให้ Ad Recall Lift (จำนวนของผู้ที่เห็นโฆษณาและคาดว่าจะจดจำแบรนด์ในโฆษณาได้) เพิ่มขึ้น 6.47% และได้รับ Conversion เพิ่มขึ้นถึง 50% นับเป็นผลงานอีกชิ้นหนึ่งที่ประสบความสำเร็จทางการตลาดและธุรกิจ
ผู้ชนะรางวัล Small and Mighty: Ready to Embark on A Journey alongside Your Business
แบรนด์: Box Journey
เอเจนซี่สื่อ: In-house
เอเจนซี่ครีเอทีฟ: Mini Me
BOX JOURNEY แบรนด์เล็กที่คิดใหญ่ ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างการรับรู้ของแบรนด์ และเข้าไปนั่งในใจของลูกค้า SME ผ่านผลงานโฆษณา BOX JOURNEY พร้อมเดินทางเคียงข้างธุรกิจคุณ บน YouTube และใช้ “การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง” ได้แก่ affinity, in-market, similar audience, remarketing และ customer match เป็นตัวช่วยในการเข้าถึงผู้ชมที่เป็นเจ้าของธุรกิจ SME ทั่วประเทศ ด้วยงบประมาณที่จำกัด
โดยผลงานโฆษณาชิ้นนี้ ได้นำเสนอเรื่องราวของเจ้าของธุรกิจ SME รายหนึ่งที่กำลังเริ่มต้นเปิดร้านขายครัวซองต์ออนไลน์ ซึ่งหนทางนั้นก็ไม่ได้ง่ายดายนัก แต่ไม่ว่าจะพบกับอุปสรรค์ใด ก็จะมี BOX JOURNEY ร่วมเคียงข้างเสมือน “เพื่อนคู่คิด” ที่คอยบริการและสนับสนุนให้ธุรกิจนี้ฝ่าฟันทุกอุปสรรค์มาได้ สะท้อนให้เห็นถึง “ความเข้าอกเข้าใจ” ที่แบรนด์มีต่อลูกค้าซึ่งส่วนมากเป็นธุรกิจ SME และตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ ผ่านการเล่าเรื่องที่สนุกและเบาสมองโดยมีกล่องพูดได้เป็นผู้ดำเนินเรื่องส่งผลให้ได้รับยอดวิวไปมากถึง 1.6 ล้านวิว และเพิ่มยอดขายได้ถึง 100%
ผู้ชนะรางวัลพิเศษ: Force for Good
แบรนด์: dtac
เอเจนซี่สื่อ: UM Thailand
เอเจนซี่ครีเอทีฟ: Wunderman Thompson Thailand
นอกจาก 7 ประเภทรางวัลที่ได้รับการตัดสินโดยคณะกรรมการของเราแล้ว เรายังประกาศผู้ชนะรางวัลพิเศษ "Force for Good" ที่มอบให้โดย Google เป็นครั้งแรกในปีนี้ เพื่อส่งเสริมผลงานโฆษณาที่สร้างคุณูปการเชิงบวกต่อสังคม และภูมิทัศน์สื่อ โดยสะท้อนถึงความหลากหลาย ความเสมอภาค และการไม่แบ่งแยก
แคมเปญ ผู้พลิกการขาดหายให้เป็นพลังใหม่ จาก dtac ได้นำเสนอเรื่องราวชีวิตจริงของผู้พิการหลากหลายประเภทที่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของความบกพร่องทางด้านร่างกายของตน และค้นพบศักยภาพใหม่ พร้อมทั้งเป็นกระบอกเสียงร่วมสนับสนุนทุกศักยภาพของผู้พิการ โดยร่วมมือกับผู้พิการจากหลากหลายสาขาอาชีพสร้างสรรค์ผลงานโฆษณาที่นอกจากจะสร้างแรงบันดาลใจ ยังสื่อสารด้วยเนื้อหาและจังหวะที่ผู้พิการทุกประเภทสามารถรับชมได้อย่างเข้าใจ ด้วยระบบบรรยายภาพด้วยเสียง เพื่อผู้พิการทางสายตา และมีคำบรรยาย พร้อมภาษามือ เพื่อผู้พิการทางการได้ยิน ซึ่งแสดงถึง “การคำนึงถึง” และ “ความเข้าใจ”ที่ทาง dtac มีต่อผู้พิการอย่างแท้จริง
แคมเปญนี้กำหนดกลุ่มเป้าหมายบน YouTube เพื่อสร้างการรับรู้ และการบอกต่อเกี่ยวกับแคมเปญในกลุ่มผู้ชมเป้าหมายอย่าง ผู้พิการ ผู้ดูแลผู้พิการ รวมถึงผู้ชมกลุ่มอื่นๆ ที่คาดว่าจะสนใจ เป็นผลให้ได้ ad recall lift มากถึง 51.93% และทำยอด Click-through rate ได้มากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 2.2 เท่า
แคมเปญอื่นๆที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย
รายชื่อ 17 ชิ้นงานที่ได้รับคัดเลือก เพื่อเข้าสู่รอบการตัดสินโดยคณะกรรมการ YouTube Works Awards