มาตรการคุ้มครองข้อมูลผู้ใช้บริการ

  1. นโยบายการคุ้มครองสิทธิและการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ

    เพื่อให้มีหลักเกณฑ์การคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้บริการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคมของผู้ใช้บริการให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการ

    บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด จึงได้จัดให้มีการแจ้งวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานที่ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่อาจจะถูกเปิดเผย และสิทธิของลูกค้าและการรับความยินยอมของลูกค้าตามมาตรการป้องกันและรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ทั้งด้านเทคนิคและการจัดการภายในองค์กรตามความเหมาะสมกับแต่ละบริการโทรคมนาคม รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นในการติดต่อสื่อสารถึงกันทางโทรคมนาคม ตามที่กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์ฉบับนี้

  2. คำจำกัดความ
    1. “บริษัท” หมายถึง บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด
    2. “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลผู้ใช้เลขหมายโทรคมนาคม ข้อเท็จจริง รายละเอียดเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการ หรืออาจจะระบุตัวผู้ใช้บริการนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ข้อมูลการใช้บริการ เลขหมายโทรคมนาคม รวมทั้งพฤติกรรมการใช้บริการโทรคมนาคมของผู้ใช้บริการ แต่ไม่รวมถึงข้อมูลทางเทคนิคที่ใช้เท่าที่จำเป็น เพื่อประโยชน์ในการบริหารโครงข่ายโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์ในการติดต่อสื่อสาร และเพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจในภาพรวมของบริษัท
    3. “การประมวลผล” หมายถึง การดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการใช้ การเปิดเผย หรือการแก้ไขซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดๆ และให้หมายความรวมถึงการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้ในการประกอบกิจการโทรคมนาคมนั้นๆ
    4. "การเก็บรวบรวม” หมายถึง การทำให้ได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล
    5. “ข้อมูลผู้ใช้เลขหมายโทรคมนาคม” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับหมายเลขโทรคมนาคม ชื่อ สกุล และที่อยู่ของผู้ใช้บริการ
    6. “ผู้ใช้บริการ” หมายถึง ผู้ใช้บริการโทรคมนาคม ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นคู่สัญญากับบริษัท หรือไม่
    7. “คณะกรรมการ” หมายถึง คณะกรรมการกิจการกระจายสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
    8. “สำนักงาน” หมายถึง สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
  3. การเก็บรวบรวม เก็บรักษา และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
    1. บริษัทจะเก็บรวบรวม เก็บรักษา และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เมื่อได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการโดยวิธีการใดวิธีการหนึ่งดังต่อไปนี้
      1. แบบคำขอใช้บริการ
      2. ทางเว็บไซด์ของบริษัท
      3. ทางข้อความสั้น (SMS)
      4. อื่นๆ
    2. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะกระทำเพื่อประโยชน์ในการดําเนินกิจการโทรคมนาคมเท่านั้น เช่น

      - เพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัทและได้ทำการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไว้เป็นความลับ

      - เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะโดยชอบด้วยกฎหมาย

      - เพื่อเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า

      - การจัดทำฐานข้อมูลและใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการ

      - การจัดทำฐานข้อมูลและใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อเสนอสิทธิประโยชน์ตามความสนใจของลูกค้า

      - การจัดทำฐานข้อมูลและใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย หรือกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท เป็นต้น

    3. บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ใช้บริการโดยตรงเท่าที่จําเป็นแก่การดําเนินกิจการโทรคมนาคมของบริษัท และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ชอบด้วยกฎหมาย
    4. บริษัทไม่เก็บรวบรวมข้อมูลลักษณะพิการทางร่างกาย เว้นแต่เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการให้บริการที่เหมาะสมตามลักษณะพิการทางร่างกาย
    5. บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลลักษณะทางพันธุกรรม ยกเว้น เป็นข้อมูลที่ปรากฏบนเอกสารที่สามารถเปิดเผยได้ตามกฎหมาย
    6. บริษัทไม่เก็บรวบรวมข้อมูลที่กระทบต่อความรู้สึก หรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือมีผลกระทบต่อสิทธิ เสรีภาพของผู้ใช้บริการอย่างชัดแจ้ง ตามที่คณะกรรมการกำหนด
    7. บริษัทจัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการในช่วงเวลา 3 เดือนสุดท้ายของการใช้บริการของผู้ใช้บริการ นับถัดจากวันที่ใช้บริการในปัจจุบัน
    8. ในกรณีที่การให้บริการโทรคมนาคมสิ้นสุดลง บริษัทจะจัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อ 3.7 ไว้เป็นเวลา 3 เดือน นับถัดจากวันสิ้นสุดสัญญาการให้บริการ
  4. การเปิดเผยข้อมูล

    การเปิดเผยข้อมูลดังต่อไปนี้ บริษัทสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการ

    1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และปฏิบัติครบถ้วนตามกระบวนการที่กฎหมายนั้นบัญญัติ
    2. การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จําเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อ ชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพอนามัยของผู้ใช้บริการ
    3. การส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้คณะกรรมการหรือสํานักงาน เมื่อได้รับการร้องขอจากคณะกรรมการและสำนักงาน เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานกำกับดูแลการประกอบกิจการโทรคมนาคมตามกฎหมาย
  5. สิทธิของผู้ใช้บริการ
    1. ผู้ใช้บริการสามารถตรวจดู ขอสำเนา หรือสำเนารับรองความถูกต้องเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของตน โดยร้องขอต่อบริษัทเป็นหนังสือ โดยเสียค่าธรรมเนียมตามที่บริษัทกำหนด แต่ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามอัตราที่คณะกรรมการกำหนด
    2. ผู้ใช้บริการสามารถแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของตนให้ถูกต้องสมบูรณ์ โดยแจ้งให้บริษัททราบเป็นหนังสือหรือผ่านทางเว็บไซด์ของบริษัท
    3. 5้ใช้บริการสามารถระงับการใช้ เปิดเผย หรือ เพิกถอนความยินยอมให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการในกิจกรรมต่างๆ ซึ่งไม่กระทบกับการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการในเวลาใดๆได้ โดยแจ้งให้บริษัททราบเป็นหนังสือ
  6. มาตรการในการรักษาข้อมูล
    1. บริษัทจัดให้มีการกำหนดระดับการเข้าถึงข้อมูล และปรับเปลี่ยนรหัสผู้ใช้ (Password) ของพนักงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าถึงและใช้ข้อมูลเพื่อการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
    2. บริษัทจัดให้มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นตามการพัฒนาทางเทคโนโลยี โดยมีมาตรการดังนี้
      1. การรักษาความปลอดภัยของสถานที่ หน่วยงานและบุคลากร โดยมีวิธีการคัดเลือก แยกหน้าที่ ฝึกอบรมและมอบหมายงานให้แก่พนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ที่เหมาะสม และพนักงานทุกคนผูกพันตามข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูลและข่าวสาร
      2. การรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ และระบบงานสารสนเทศ โดยมีการแยกการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ ควบคุมการเข้าใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ ตรวจจับผู้บุกรุกและติดตามสืบค้น และควบคุมการเปลี่ยนแปลงต่อระบบคอมพิวเตอร์
      3. การรักษาความปลอดภัยข้อมูลสารสนเทศ ด้วยการจัดชั้นความลับของข้อมูล วิธีการเก็บรักษาข้อมูลสำคัญ และวิธีการจัดการข้อมูลที่บันทึกบนกระดาษ
      4. การรักษาความปลอดภัยการสื่อสารและระบบเครือข่ายการสื่อสาร ด้วยการควบคุมการเข้าถึงระบบเครือข่ายการสื่อสาร มีการสำรองและการกู้คืนข้อมูล ควบคุมการรับ-ส่งข้อมูลในเครือข่าย ตรวจสอบความคลาดเคลื่อนของข้อมูล และการควบคุมการเข้าใช้งานระบบคอมพิวเตอร์จากระยะไกล
      5. แผนการป้องกันธุรกิจหยุดชะงัก
    3. บริษัทไม่กระทำการดักฟัง ตรวจ กักสัญญาณ หรือเปิดเผยสิ่งสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคมที่บุคคลติดต่อถึงกันไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดๆ เว้นแต่ได้รับอนุญาตตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
    4. บริษัทจัดทำระบบป้องกันไม่ให้มีการกระทำใดๆ เพื่อให้ความหมายของข้อมูลเปลี่ยนไป
    5. บริษัทจัดให้มีบริการแสดงเลขหมายเรียกเข้า ระบบป้องกันการแสดงหมายเลขโทรออก ระบบปฏิเสธเลขหมายที่ไม่พึงประสงค์ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด
    6. บริษัทให้ข้อมูลผู้ใช้เลขหมายโทรคมนาคมแก่บุคคลที่ได้รับอนุญาตให้จัดทํารายนามผู้ใช้บริการตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 ซึ่งได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการแล้ว
  7. การร้องเรียนของผู้ใช้บริการ

    ผู้ใช้บริการอาจร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีถูกละเมิดสิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในความเป็นส่วนตัว หรือเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคม ตามหลักเกณฑ์การรับเรื่องร้องเรียนที่บริษัทกำหนดไว้

วันที่มีผล: ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2559 เป็นต้นไป