ดิสคอกส์
 | |
ประเภทไซต์ | ดนตรี |
|---|---|
| มีจำหน่ายใน | อังกฤษ, เยอรมัน, สเปน, โปรตุเกส (บราซิล), ฝรั่งเศส, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี, รัสเซีย |
| สำนักงานใหญ่ | บีเวอร์ตัน , ออริกอน , สหรัฐอเมริกา[1] [2] |
| เจ้าของ | บริษัท ซิงค์ มีเดีย แอลแอลซี[3] |
| สร้างโดย | เควิน เลวานดอฟสกี้ |
| อุตสาหกรรม | อินเทอร์เน็ต |
| การบริการ | ฐานข้อมูลการช็อปปิ้งออนไลน์ |
| รายได้ | ค่าธรรมเนียมโฆษณา, การตลาด |
| ที่อยู่ | www.discogs.com |
| ทางการค้า | บางส่วน |
| การลงทะเบียน | ไม่จำเป็น |
| เปิดตัวแล้ว | พฤศจิกายน 2543 ( 2000-11 ) |
| สถานะปัจจุบัน | ออนไลน์ |
Discogs ( / ˌdɪsˈkɒɡz / ;ย่อมาจากคำว่าdiscographies ) คือฐานข้อมูลข้อมูลเกี่ยวกับการบันทึกเสียงรวมถึง การเผยแพร่ เพื่อการค้า การเผยแพร่เพื่อ ส่งเสริมการขายและ การเผยแพร่ แบบเถื่อนหรือแบบนอกสังกัด เนื้อหาของฐานข้อมูลนั้นสร้างขึ้นโดยผู้ใช้ และอธิบายไว้ในThe New York Timesว่า " คล้าย Wikipedia " [4]แม้ว่าในตอนแรกไซต์นี้ถูกสร้างขึ้นด้วยเป้าหมายที่จะเป็นฐานข้อมูลออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ [ 5]แต่ปัจจุบันมีการเผยแพร่ในทุกประเภทและทุกรูปแบบ[4 ]
ประวัติศาสตร์
Discogs ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 โดย Kevin Lewandowski ซึ่งทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ที่Intel [ 6] [4]เดิมทีมันเริ่มต้นจากคอมพิวเตอร์ในตู้เสื้อผ้าของ Lewandowski และจำกัดอยู่แค่เพลงอิเล็กทรอนิกส์ ในปี 2015 Discogs มีพนักงาน 37 คน ผู้ใช้ 3 ล้านคน และปริมาณการเข้าชม 20 ล้านครั้งต่อเดือน[4]
ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2548 ตลาด Discogs ได้เปิดตัวขึ้น[7]
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550 ได้มีการนำระบบ สมัครสมาชิกรูป แบบใหม่ สำหรับผู้ขายมาใช้ในเว็บไซต์ ซึ่งเรียกว่าMarket Price Historyระบบนี้ทำให้ผู้ใช้ระดับพรีเมียมสามารถเข้าถึงรายการราคาในอดีตที่ขายไปเมื่อ 12 เดือนที่แล้วโดยผู้ขายก่อนหน้าที่เคยขายรุ่นเดียวกันเป๊ะๆ (แม้ว่าข้อมูล 60 วันจะไม่มีค่าใช้จ่ายก็ตาม) ในขณะเดียวกัน ค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิกขั้นสูงซึ่งอยู่ที่ 12 เหรียญสหรัฐต่อปีก็ถูกยกเลิก เนื่องจากเห็นว่าควรให้สมาชิกทุกคนเข้าถึงฟีเจอร์พิเศษได้ เนื่องจากตอนนี้ มี ช่องทางรายได้จากผู้ขายและผู้ซื้อที่แตกต่างกันออกไปแล้ว ต่อมาในปีนั้น ฟีเจอร์การเข้าถึงแบบชำระเงินทั้งหมดก็ถูกยกเลิก และการใช้เว็บไซต์อย่างเต็มรูปแบบก็กลายเป็นฟรี ทำให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถดูประวัติราคาตลาดของแต่ละรายการได้ครบ 12 เดือน[5]
ตลาดซื้อขาย
ตลาด Discogs มีรูปแบบคล้ายกับAmazonและeBayโดยผู้ขายจะนำเสนอสินค้าเพื่อขายและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากสินค้าที่ขายไป[8]
ดูเพิ่มเติม
อ้างอิง
- ^ "นโยบายความเป็นส่วนตัว" Discogs สืบค้นเมื่อ13 ธันวาคม 2023 [...] Zink Media, LLC (d/b/a Discogs), 4145 SW Watson Avenue, Suite 350 ,
Beaverton, Oregon, USA 97005
- ^ Greenwald, David (29 ธันวาคม 2015). "Inside Discogs, Beaverton's $100 million record store". The Oregonian . เก็บถาวรจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 มิถุนายน 2023 . สืบค้นเมื่อ30 มิถุนายน 2023 .
- ^ "เงื่อนไขการบริการ" Discogs สืบค้นเมื่อ 13 ธันวาคม 2023
โดเมน discogs.com (รวมถึงโดเมนย่อย) และ nearmint.io แอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง และบริการที่เกี่ยวข้องของเรา รวมถึง Application Program Interfaces ("API") (เรียกรวมกันว่า "บริการ") เป็นเจ้าของและดำเนินการโดย Zink Media, LLC (d/b/a Discogs) [...]
- ^ abcd Sisario, Ben (29 ธันวาคม 2015). "Discogs Turns Record Collectors' Obsessions Into Big Business" . The New York Times . ISSN 0362-4331 . สืบค้นเมื่อ29 มิถุนายน 2023 .
- ^ โดย Saunders, Luke (8 กันยายน 2021). "Discogs : มันคืออะไร มาจากไหน และจะใช้มันอย่างไร" Happy Mag . สืบค้นเมื่อ8 ตุลาคม 2019
- ^ Carnes, Richard (26 มีนาคม 2010). " Discogs: การปฏิวัติไวนิล". Resident Advisor . สืบค้นเมื่อ13 ธันวาคม 2023.
ใช้เวลาประมาณหกเดือนในการทำงานกลางคืนและวันหยุดสุดสัปดาห์บน Discogs และฉันเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2000
- ^ Garber, David (26 กุมภาพันธ์ 2015). "How Discogs Dragged Record Collecting Into the 21st Century". Vice สืบค้นเมื่อ13 มีนาคม 2022 .
- ^ Savage, Mark (2 พฤษภาคม 2018). "นักสะสมแผ่นเสียงไวนิลใช้จ่ายเงินหลายล้านเหรียญกับ Discogs ในปีที่แล้ว" BBC News . เก็บถาวรจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 พฤษภาคม 2018 . สืบค้นเมื่อ30 มิถุนายน 2023 .
ลิงค์ภายนอก
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ