ซีแลนด์
ราชรัฐซีแลนด์ | |
---|---|
ซีแลนด์จากข้างบนใน ค.ศ. 1999 | |
โครงสร้างการเมือง | ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ[2] |
เจ้าชาย | |
• 1967–2012 | แพดดี รอย เบตส์ |
• 2012–ปัจจุบัน | ไมเคิล เบตส์[2][3] |
ก่อตั้ง | |
• ประกาศ | 2 กันยายน 1967[3] |
พื้นที่อ้างสิทธิ | |
• รวม | 0.004 ตารางกิโลเมตร (0.0015 ตารางไมล์) (ประมาณ 1 เอเคอร์) |
ประชากร | |
• ประมาณ | 3 คน (2022)[4] |
สกุลเงินที่อ้าง | ดอลลาร์ซีแลนด์ |
เว็บไซต์ sealandgov |
ราชรัฐซีแลนด์ (อังกฤษ: Principality of Sealand) เป็นประเทศจำลองที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศโดยสมบูรณ์[5] ซึ่งอ้างสิทธิเอชเอ็ม ฟอร์ตรัฟส์ (มีอีกชื่อว่า รัฟส์ทาวเวอร์) แท่นนอกชายฝั่งในทะเลเหนือที่อยู่ห่างจากชายฝั่งเมืองซัฟฟอล์ก 12 กิโลเมตร (6 1⁄2 ไมล์ทะเล) เป็นดินแดนของตนเอง รัฟส์ทาวเวอร์เป็นป้อมทะเล Maunsell ที่ชาวบริติชสร้างขึ้นในน่านน้ำสากลช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นับตั้งแต่ ค.ศ. 1967 รัฟส์ทาวเวอร์ที่ปลดประจำการถูกครอบครองและอ้างสิทธิเป็นรัฐอธิปไตยโดยครอบครัวและสมาคมแพดดี รอย เบตส์ เบตส์ยึดครองรัฟส์ทาวเวอร์จากผู้กระจายเสียงทางวิทยุเถื่อนใน ค.ศ. 1967 โดยมีความประสงค์ที่จะตั้งสถานีของตนเองที่นั่น ทหารรับจ้างเข้ารุกรานซีแลนด์ใน ค.ศ. 1978 แต่สามารถต้านทานการโจมตีได้ เมื่อสหราชอาณาจักรขยายน่านน้ำอาณาเขตไปเป็น 12 ไมล์ทะเลใน ค.ศ. 1987 ทำให้แท่นนั้นอยู่ในดินแดนของบริติช
ประวัติศาสตร์
[แก้]ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อ ค.ศ. 1943 สหราชอาณาจักรได้สร้าง เอชเอ็ม ฟอร์ตรัฟส์ (บางครั้งเรียกเป็น รัฟส์ทาวเวอร์) เป็นหนึ่งในป้อมปราการ Maunsell[6] โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อป้องกันเส้นทางเดินเรือที่สำคัญในบริเวณปากแม่น้ำใกล้เคียงจากเครื่องบินวางทุ่นระเบิดของเยอรมนี ประกอบด้วยฐานทุ่นลอยน้ำที่มีโครงสร้างด้านบนเป็นหอคอยกลวง 2 หลังเชื่อมกันด้วยดาดฟ้าที่สามารถเพิ่มโครงสร้างอื่น ๆ ได้ จากนั้นจึงลากตัวป้อมไปยังตำแหน่งเหนือสันดอนทราย Rough Sands โดยทำให้ฐานท่วมเพื่อให้มันจมลงไป ตัวฐานอยู่ห่างจากชายฝั่งซัฟฟอล์กประมาณ 7 ไมล์ทะเล (13 กิโลเมตร) ซึ่งอยู่นอกเขตอ้างสิทธิของสหราชอาณาจักรในเวลานั้น 3 ไมล์ทะเล (6 กิโลเมตร) ทำให้อยู่ในน่านน้ำสากล[6] มีทหารราชนาวีเข้าประจำการ 150–300 นายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารประจำการนายสุดท้ายออกจากบริเวณนี้ใน ค.ศ. 1956[6] ส่วนป้อมปราการ Maunsell ถูกปลดประจำการในคริสต์ทศวรรษ 1950[7]
ครอบครองและจัดตั้ง
[แก้]ป้อมปราการแห่งนี้ถูกยึดครองโดยพันตรีแพดดี รอย เบตส์ อดีตนายทหารสื่อสารแห่งกองทัพบกสหราชอาณาจักร เพื่อใช้ตั้งเป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงเถื่อน ต่อมาได้ประกาศตัวเป็นอิสระจากสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1967[8]
ใน ค.ศ. 1978 ขณะที่เบตส์ไม่ได้อยู่ในซีแลนด์ อเล็กซานเดอร์ อาเคนบาค (Alexander Achenbach) ผู้กล่าวอ้างว่าเป็นนายกรัฐมนตรีซีแลนด์พร้อมด้วยประชากรสัญชาติเยอรมันและดัชต์จำนวนหนึ่งได้ก่อการยึดอำนาจด้วยกำลัง จับไมเคิล บุตรชายของเบตส์ไว้ แล้วหลายวันต่อมาจึงนำไปปล่อยไว้ที่เนเธอร์แลนด์ เบตส์จึงรวบรวมกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์บุกยึดป้อมของตนคืนมาด้วยปฏิบัติการเฮลิคอปเตอร์ จับผู้ก่อการยึดอำนาจไว้เป็นเชลยศึก ผู้ก่อการส่วนใหญ่ถูกส่งกลับประเทศตนเมื่อสงครามจบสิ้น แต่อเล็กซานเดอร์ อาเคนบาค ทนายความชาวเยอรมันผู้ถือหนังสือเดินทางซีแลนด์ถูกตั้งข้อหากบฏต่อซีแลนด์และถูกคุมขังไว้จนกว่าจะได้จ่ายค่าเสียหายที่เรียกร้อง
รัฐบาลเยอรมันและเนเธอร์แลนด์เรียกร้องให้สหราชอาณาจักรให้ความช่วยเหลือในการส่งคืนเชลยสงครามเหล่านี้กลับสู่ประเทศของตน แต่สหราชอาณาจักรปฏิเสธโดยอ้างอิงคำพิพากษาของศาลที่ได้ชี้ขาดสถานะของซีแลนด์ไปแล้ว เบตส์เลิกล้มข้อเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าวหลังจากการต่อรองเป็นเวลาหลายสัปดาห์ แต่ก็กล่าวอ้างว่าการเจรจาทางการทูตที่เกิดขึ้นเป็นการยอมรับสถานภาพประเทศเอกราชของซีแลนด์โดยเยอรมนีไปโดยปริยาย เมื่ออเล็กซานเดอร์ อาเคนบาค ถูกส่งกลับประเทศแล้วกลับตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นและสถาปนาตนเองเป็นประธานองคมนตรี และสืบทอดตำแหน่งดังกล่าวให้โยฮันเนส ซีเกอร์ (Johannes Seiger) ใน ค.ศ. 1989 ตราบจนปัจจุบัน ซีเกอร์ยังยืนยันอ้างสิทธิ์การปกครองของตนเองเหนือซีแลนด์
ไฟไหม้ใน ค.ศ. 2006
[แก้]ณ ตอนบ่ายวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2006 พื้นที่ชั้นบนสุดของรัฟส์ทาวเวอร์เกิดเพลิงไหม้เนื่องจากไฟฟ้าขัดข้อง เฮลิคปเตอร์กู้ภัยของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักรส่งบุคคลเดียวจากหอไปยังโรงพยาบาลอิปสวิช เรือกู้ภัยแฮริชยังคงอยู่ที่รัฟส์ทาวเวอร์จนกระทั่งหน่วยดับเพลิงดับไฟ[9] ความเสียหายทั้งหมดได้รับการซ่อมแซมในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2006[10]
ผู้ก่อตั้งเสียชีวิต
[แก้]รอย เบตส์เสียชีวิตด้วยอายุ 91 ปีในวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 2012 เขาประสบกับโรคอัลไซเมอร์เป็นเวลาหลายปี โดยไมเคิล ลูกชายของเขา เขาดำรงตำแหน่งของพ่อที่ซีแลนด์ต่อ[1][11] แม้ว่าเขายังคงอาศัยอยู่ที่ซัฟฟอล์กต่อ[12] ทั้งเขาและบรรดาลูกชายเปิดกิจการประมงครอบครัวชื่อ Fruits of the Sea[13] โจแอน เบตส์ ภรรยาของรอย เสียชีวิตที่บ้านพักคนชราเอสเซกซ์ด้วยอายุ 86 ปีในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2016[14]
การให้สถานะยอมรับ
[แก้]Simon Sellars จาก The Australian และ Red Bull กล่าวถึงซีแลนด์เป็นประเทศที่เล็กที่สุดในโลก[15][16] แต่ซีแลนด์ไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐอธิปไตยใด ๆ อย่างเป็นทางการ ถึงกระนั้น รัฐบาลซีแลนด์อ้างว่า ประเทศเยอรมนีให้การยอมรับ โดยพฤตินัย เนื่องจากทางเยอรมนีเคยส่งทูตมายังซีแลนด์[17]
ลักษณะภูมิประเทศ
[แก้]ซีแลนด์ประกอบไปด้วยฐานซึ่งฝังอยู่ใต้ทะเล เสาทรงกลมขนาดใหญ่สองต้น และดาดฟ้า ในส่วนเสากลมแบ่งเป็น 7 ชั้น (A-G) ชั้น A คือดาดฟ้าและเป็นที่วางเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ชั้น B อยู่เหนือทะเล ส่วน C-G อยู่ใต้ระดับน้ำทะเล ในสมัยสงคราม ชั้น B-E เคยถูกใช้เป็นที่เก็บเสบียงอาหารและที่พัก ชั้น F เป็นคลังอาวุธ และชั้น G เป็นที่เก็บของอื่นๆ
เศรษฐกิจและการปกครอง
[แก้]เนื่องด้วยสถานภาพพิเศษที่ผู้ปกครองอ้างว่าตนเองเป็นประเทศเอกราชไปโดยปริยาย จึงนำพื้นที่ให้ HavenCo Limited ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรับฝากเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ตเช่า โดยสถานของบริษัทในซีแลนด์ช่วยอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและภาษี นอกจากนี้ยังมีการให้ตำแหน่ง Lord, Lady, Baron และ Baroness กับผู้ที่บริจาคเงินสนับสนุนซีแลนด์
สถานภาพทางกฎหมาย
[แก้]ใน ค.ศ. 1987 สหราชอาณาจักรขยายน่านน้ำอาณาเขตจาก 3 ถึง 12 ไมล์ทะเล (6 ถึง 22 กิโลเมตร) ทำให้ซีแลนด์อยู่ในน่านน้ำอาณาเขตของบริติช[18] จอห์น กิบสัน นักวิชาการกฎหมาย ให้ความเห็นว่า ซีแลนด์มีโอกาสน้อยหรือไม่มีเลยที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศ เนื่องจากตัวประเทศเป็นโครงสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้น[18]
ฝ่ายบริหาร
[แก้]ซีแลนด์ได้รับการบริหารจัดการโดยตระกูลเบตส์ เสมือนเป็นหน่วยงานของรัฐที่ได้รับการยอมรับและพวกเขาถือเป็นเชื้อพระวงศ์ที่มีการสืบทอดอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงสถานะทางกฎหมาย รอย เบตส์เรียกตนเองเป็น "เจ้าชายรอย" และภรรยาว่า "เจ้าหญิงโจแอน" ครอบครัวเบตส์เรียกบรรดาลูกชายเป็น "ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนกษัตริย์" ใน ค.ศ. 1999 จนกระทั่งรอยเสียชีวิตใน ค.ศ. 2012[19] ด้วยบทบาทนี้ ทำให้เขาทำหน้าที่เป็น "ประมุขแห่งรัฐ" รักษาการ และ "หัวหน้ารัฐบาล" ของซีแลนด์[20]
ซีแลนด์ถือครองสถิติ "พื้นที่เล็กที่สุดที่อ้างสิทธิเป็นชาติ" ของบันทึกสถิติโลกกินเนสส์[21]
ดูเพิ่ม
[แก้]- สาธารณรัฐโรสไอส์แลนด์ ประเทศที่มีลักษณะคล้ายกัน
- ราชอาณาจักรเกย์และเลสเบียนแห่งหมู่เกาะคอรัลซี
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Braun, Adee (30 August 2013). "From the Sea, Freedom". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 November 2021. สืบค้นเมื่อ 1 November 2021.
Roy Bates died in 2012, and was succeeded by Prince Michael
- ↑ 2.0 2.1 "Information on the Principality of Sealand including Bates Family, GDP, Constitution" (PDF). Artists' Association MUU. Amorph Summit of Micronations. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 15 October 2014. สืบค้นเมื่อ 13 November 2007.
- ↑ 3.0 3.1 MacEacheran, Mike. "Sealand: A peculiar 'nation' off England's coast". www.bbc.com (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 September 2020. สืบค้นเมื่อ 23 September 2020.
- ↑ Eveleth, Rose. "'I rule my own ocean micronation'". www.bbc.com (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 November 2020. สืบค้นเมื่อ 2021-05-13.
- ↑ MacEacheran, Mike. "Sealand: A peculiar 'nation' off England's coast". www.bbc.com (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 January 2022. สืบค้นเมื่อ 2021-12-30.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 Zumerchik, John (2008). Seas and Waterways of the World: An Encyclopedia of History, Uses, and Issues. ABC-CLIO Ltd. p. 563. ISBN 978-1-85109-711-1. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 June 2021. สืบค้นเมื่อ 12 January 2021.
- ↑ "The Maunsell Sea Forts". HeritageDaily – Archaeology News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2020-05-20. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 November 2020. สืบค้นเมื่อ 2021-05-13.
- ↑ "History of Sealand". Government of Sealand. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-17. สืบค้นเมื่อ 2007-11-11.
- ↑ "Blaze at offshore military fort". BBC. 23 มิถุนายน 2006. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 พฤษภาคม 2012. สืบค้นเมื่อ 15 มิถุนายน 2012.
- ↑ "Church and East renovation completion". Church and East. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 March 2014.
- ↑ Alexander, Michael (2 August 2013). "Prince Roy of Sealand Memorial Coin Launched". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 November 2021. สืบค้นเมื่อ 1 November 2021.
Prince Roy was succeeded by his only son, the Prince Regent – now Sovereign Prince Michael
- ↑ Ryan, John; Dunford, George; Sellars, Simon (2006). Micronations. Lonely Planet. pp. 9–12. ISBN 1-74104-730-7.
- ↑ Milmo, Cahal (March 18, 2016). "Sealand's Prince Michael on the future of an off-shore 'outpost of liberty'". Independent. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 December 2017. สืบค้นเมื่อ 30 December 2017.
- ↑ Milmo, Cahal (14 March 2016). "'Princess Joan of Sealand' has died aged 86". The Independent. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 April 2021. สืบค้นเมื่อ 2 August 2020.
- ↑ "Skateboarding the World's Smallest Country: Red Bull All Access". YouTube. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 ธันวาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2013.
- ↑ "JOURNEYS – THE SPIRIT OF DISCOVERY: Simon Sellars braves wind and waves to visit the unlikely North Sea nation of Sealand". The Australian. 10 พฤศจิกายน 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 ธันวาคม 2008. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2007.
- ↑ Ryan, John; Dunford, George; Sellars, Simon (2006). Micronations. Lonely Planet. p. 11. ISBN 1-74104-730-7.
- ↑ 18.0 18.1 Ward, Mark (5 June 2000). "Offshore and offline?". BBC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 February 2009. สืบค้นเมื่อ 9 April 2009.
- ↑ "Information on Sealand's royal family". Sealand News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 November 2007. สืบค้นเมื่อ 13 November 2007.
- ↑ Ryan, John; Dunford, George; Sellars, Simon (2006). Micronations. Lonely Planet. p. 8. ISBN 1-74104-730-7.
- ↑ Guinness World Records 2008. Guinness World Records. 2007. p. 131. ISBN 978-1-904994-18-3.
อ่านเพิ่ม
[แก้]- Cogliati-Bantz, Vincent. "My Platform, My State: The Principality of Sealand in International Law" เก็บถาวร 14 กรกฎาคม 2014 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (2012) 18 (3) Journal of International Maritime Law 227–250
- Connelly, Charlie. Attention All Shipping: A Journey Round the Shipping Forecast, Abacus, 2005. ISBN 0-349-11603-2.
- Conroy, Matthew. "Note: Sealand – The Next New Haven?" Suffolk Transnational Law Review, vol. 27, no. 1, pp. 127–152. Winter 2003. ISSN 1072-8546. Issue table of contents page เก็บถาวร 3 มิถุนายน 2020 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน.
- Fogle, Ben. Offshore: In Search of an Island of My Own, Penguin Books, 2007. ISBN 978-0-14-102434-9.
- Garfinkel, Simson. "Welcome to Sealand. Now Bugger Off เก็บถาวร 15 สิงหาคม 2010 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน". Wired. July 2000. Vol. 8.07.
- Gilmour, Kim. "Sealand: Wish You Were Here? เก็บถาวร 28 ตุลาคม 2005 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน" Internet Magazine. August 2002.
- Goldsmith, Jack, & Wu, Tim. Who Controls the Internet?: Illusions of a Borderless World, 2006, ISBN 0-19-515266-2.
- Grimmelmann, James. "Sealand, HavenCo, and the Rule of Law" เก็บถาวร 4 มิถุนายน 2020 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, March 2012, University of Illinois Law Review, Volume 2012, Number 2
- "License Plates of Sealand (Great Britain)". License plates of the world. Web. 28 December 2009.
- McCullagh, Declan (5 August 2003). "Has 'haven' for questionable sites sunk?". CNET News.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 April 2016. สืบค้นเมื่อ 5 April 2016.
- Menefee, Samuel Pyeatt. "Republics of the Reefs: Nation-Building on the Continental Shelf and in the World's Oceans". California Western International Law Journal, vol. 25, no. 1. Fall 1994.
- Miller, Marjorie, & Boudreaux, Richard. "A Nation for Friend and Faux". Los Angeles Times. 7 June 2000. p. A-1.
- Slapper, Gary. "How a law-less 'data haven' is using law to protect itself". The Times. 8 August 2000. p. 3.
- Strauss, Erwin S. How to Start Your Own Country, 2nd ed. Port Townsend, WA: Breakout Productions, 1984. ISBN 1-893626-15-6.
- Taylor-Lehman, Dylan. Sealand: The True Story of the World's Most Stubborn Micronation and Its Eccentric Royal Family, Diversion Books, 2020. ISBN 978-1-63-576726-1.