ข้ามไปเนื้อหา

ดิเอโก มาราโดนา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ดิเอโก มาราโดนา
มาราโดนาในปี ค.ศ. 1986
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม ดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา
วันเกิด 30 ตุลาคม ค.ศ. 1960(1960-10-30)
สถานที่เกิด ลานุส บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
วันเสียชีวิต 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020(2020-11-25) (60 ปี)
สถานที่เสียชีวิต ติเกร บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
ส่วนสูง 1.65 m (5 ft 5 in)
ตำแหน่ง กองกลางตัวรุก / กองหน้าตัวต่ำ
สโมสรเยาวชน
1969–1976 อาร์เฆนติโนสยูนิออร์ส
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
1976–1981 อาร์เฆนติโนสยูนิออร์ส 166 (116)
1981–1982 โบกายูนิออร์ส 40 (28)
1982–1984 บาร์เซโลนา 36 (22)
1984–1991 นาโปลี 188 (81)
1992–1993 เซบิยา 26 (5)
1993 นิวเอลส์โอลด์บอยส์ 5 (0)
1995–1997 โบกายูนิออร์ส 30 (7)
รวม 491 (259)
ทีมชาติ
1977–1994 อาร์เจนตินา 91 (34)
จัดการทีม
1994 มันดียูเดกอร์เรียนเตส
1995 ราซิงกลุบ
2008–2010 อาร์เจนตินา
2011–2012 อัลวัศล์
2017–2018 ฟุญัยเราะฮ์
2018–2019 โดราโดสเดซินาโลอา
2019–2020 ยิมนาเซียเดลาปลาตา
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น

ดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา (สเปน: Diego Armando Maradona, ออกเสียง [ˈdjeɣo maɾaˈðona]) (30 ตุลาคม ค.ศ. 1960 – 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา และอดีตเป็นผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนตินา เขาถือเป็น 2 นักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เมื่อเทียบกับเปเล่ เขาได้รับการลงคะแนนทางอินเทอร์เน็ตครั้งแรก กับรางวัลผู้เล่นฟีฟ่าแห่งศตวรรษ โดยได้รับร่วมกับเปเล่[1][2][3]

ประวัติ

[แก้]

มาราโดนาเกิดในปี ค.ศ. 1960 ที่เมืองลานุส ประเทศอาร์เจนตินา ตอนอายุ 8 ปี เขาเริ่มเล่นฟุตบอลให้กับสโมสรท้องถิ่น Estrella Roja ก่อนจะถูกเรียกให้มาติดสโมสรเยาวชนของ Argentinos Juniors ซึ่งมาราโดนาเริ่มเล่นในระดับอาชีพด้วยวัย 15 ปี[4] และกลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของลีกฟุตบอลปริเมราดิบิซิออน ต่อมาเขาย้ายไปร่วมสโมสรโบกายูนิออร์ส ในปี ค.ศ. 1982 มาราโดนาย้ายไปอยู่สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาในสเปนด้วยค่าตัว 7.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในขณะนั้น[5] แต่ด้วยอาการบาดเจ็บและปัญหาหลายอย่างทำให้มาราโดนาย้ายไปอยู่สโมสรนาโปลีในอิตาลี ที่ซึ่งเขาได้รับตำแหน่งกัปตันทีมและพาสโมสรสร้างสถิติใหม่หลายอย่าง[6] หลังจากนั้นมาราโดนาย้ายไปอยู่สโมสรฟุตบอลเซบิยา นีเวลส์โอลด์บอยส์ และกลับมาอยู่สโมสรโบกายูนิออร์สก่อนจะเลิกเล่นในปี ค.ศ. 1997 ในด้านทีมชาติ มาราโดนาติดทีมชาติในปี ค.ศ. 1977 และนำทีมอาร์เจนตินาชนะฟุตบอลโลก 1986 ที่ประเทศเม็กซิโก[7] ซึ่งในฟุตบอลโลกครั้งนี้มาราโดนาได้ทำ "ประตูหัตถ์พระเจ้า" ที่เป็นที่ถกเถียงระหว่างแข่งกับทีมชาติอังกฤษ[8] มาราโดนาเล่นทีมชาติเป็นครั้งสุดท้ายในฟุตบอลโลก 1994

หลังเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ มาราโดนาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการสโมสรฟุตบอลหลายสโมสร โดยสโมสรสุดท้ายคือยิมนาเซียเดลาปลาตา มาราโดนาเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นที่บ้านในเมืองติเกร ประเทศอาร์เจนตินาในปี ค.ศ. 2020[9]

นักฟุตบอลอาชีพ

[แก้]

ในบทบาทนักฟุตบอลอาชีพ มาราโดนาเล่นให้กับสโมสรอาร์เฆนติโนสยูนิออร์ส, โบกายูนิออร์ส, บาร์เซโลนา, นิวเอลล์โอลด์บอยส์ และ นาโปลี ยังสร้างสถิติในเรื่องค่าสัญญาในระดับนานาชาติ เขาเล่นให้กับทีมอาร์เจนตินา 91 นัด ทำประตู 34 ประตู เขาเล่นในฟุตบอลโลก 4 ครั้ง โดยในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1986 เขานำทีมอาร์เจนตินาชนะทีมเยอรมันตะวันตกในรอบสุดท้าย และยังได้รับรางวัลลูกบอลทองคำในฐานะผู้เล่นยอดเยี่ยม ในการแข่งครั้งนี้ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เขาทำคะแนน 2 ประตู จากผล 2–1 เหนือทีมอังกฤษ โดยในประตูแรกเป็นที่รู้จักในชื่อ "ประตูหัตถ์พระเจ้า" ในขณะที่ประตูที่ 2 เป็นการครองลูกระยะ 60 เมตร เลี้ยงหลบผู้เล่นอังกฤษ 6 คน จนได้รับขนานนามว่า "ประตูแห่งศตวรรษ"

จากหลายเหตุผล ทำให้มาราโดนาเป็น 1 ในนักกีฬาที่มีข้อขัดแย้งและเป็นที่ต้องการของนักข่าวมากที่สุดคนหนึ่ง เขาถูกพักการเล่นฟุตบอลเป็นเวลา 15 เดือนในปี ค.ศ. 1991 หลังจากตรวจพบว่าเขาเสพโคเคนในประเทศอิตาลี และถูกส่งกลับบ้านในฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกาหลังจากตรวจพบใช้สารเอฟิดรีน

หลังจากที่เขาเกษียณจากการเป็นนักเตะฟุตบอลในวันครบรอบอายุ 37 ปี ในปี ค.ศ. 1997[4] เขาทนทุกข์อาการป่วยมากขึ้นและน้ำหนักเพิ่ม และยังติดโคเคนอย่างต่อเนื่อง ในปี ค.ศ. 2005 หลังจากผ่าตัดท้องช่วยทำให้เขาควบคุมเรื่องน้ำหนักได้ หลังจากชนะจากการติดโคเคนได้เขาเป็นพิธีกรรายการชื่อดังในอาร์เจนตินา[10]

ผู้จัดการทีมฟุตบอลอาชีพ

[แก้]
มาราโดนาสมัยเป็นผู้จัดการทีมสโมสรอัลวัศล์ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในปี ค.ศ. 2012

มาราโดนาเคยรับงานคุมทีมอูร์รากัน (Hurracan) ในดิวิชัน 1 อาร์เจนตินา แต่ทำทีมจนตกชั้นตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ทำงาน เมื่อปี ค.ศ. 2009 มาราโดนาเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนตินา แต่กลับทำทีมหมิ่นเหม่ต่อการตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2010 เคราะห์ยังดีที่อาร์เจนตินาเอาชนะอุรุกวัยไปได้ 1–0 ในนัดสุดท้ายของรอบคัดเลือก จึงผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2010 ได้สำเร็จ เป็นเหตุให้มาราโดนาต่อว่านักข่าวที่เคยวิพากษ์วิจารณ์เขามาตลอด ทำให้สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ลงโทษแบนเขาสองเดือนด้วยกัน[11] เดือนมิถุนายน 2010 มาราโดนานำทีมชาติอาร์เจนตินาสู้ศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนจะแพ้ให้กับทีมชาติเยอรมนี 0–4[12]

เกียรติประวัติ

[แก้]

สโมสร

[แก้]

โบกายูนิออร์ส[13]

บาร์เซโลนา[13]

นาโปลี[13]

ทีมชาติ

[แก้]

อาร์เจนตินา รุ่นเยาวชน[13]

อาร์เจนตินา[13][14]

อ้างอิง

[แก้]
  1. BBC - "cyber-blitz by Maradona fans in Internet Poll"
  2. CNNSI - "Split decision: Pelé, Maradona each win FIFA century awards after feud" เก็บถาวร 2014-06-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Last retrieved May 30, 2006
  3. However, it should be mentioned that Pelé and numerous FIFA officials criticised the poll for a number of methodological shortcomings, most notably, for the 'recency effect'. In a separate survey conducted by the IFFHS, Maradona placed 5th best player of the century, behind fellow countryman Alfredo Di Stefano.
  4. 4.0 4.1 A SUMMARY OF MARADONA's LIFE เก็บถาวร 2013-12-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, vivadiego.com. Retrieved 18 August 2006.
  5. "Life and crimes of Diego Armando Maradona". The Telegraph. Retrieved 15 October 2015
  6. "Maradona brings success to Napoli". ESPN. Retrieved 16 May 2014
  7. "World Cup 1986". ESPN. Retrieved 24 April 2014
  8. McCarthy, David (18 November 2008). Terry Butcher: Maradona robbed England of World Cup glory เก็บถาวร 27 พฤษภาคม 2010 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Daily Record.
  9. Polden, Jake (November 25, 2020). "Diego Maradona dead: Argentine football legend, 60, dies after cardiac arrest". Daily Mirror. สืบค้นเมื่อ November 25, 2020.
  10. Five days with Diego Jason Bernard, news.bbc.co.uk, 30 April 2006. Retrieved 6 August 2006.
  11. "เดอะเตี้ย"โดนดี,ฟีฟ่าแบน2เดือนฐานปากร้ายด่านักข่าว[ลิงก์เสีย]
  12. World Cup 2010: The best of Argentina manager Diego Maradona
  13. 13.0 13.1 13.2 13.3 13.4 De Calò, Alessandro (2011). Il calcio di Maradona ai raggi X (ภาษาอิตาลี). La Gazzetta dello Sport. p. 6.
  14. Josef Bobrowsky (9 July 2009). "Artemio Franchi Trophy 1993". RSSSF. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 October 2020. สืบค้นเมื่อ 16 September 2018.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]