ข้ามไปเนื้อหา

ฉบับร่าง:ฟุตบอลโลก 2026 รอบชิงชนะเลิศ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ฟุตบอลโลก 2026 รอบชิงชนะเลิศ
Aerial image of a large American football stadium with three tiers of stands and no roof; the stands are empty and several pieces of equipment are parked around its exterior.
ภาพมุมสูงของสนามกีฬาเมตไลฟ์ ในปี 2014 ซึ่งเป็นสถานที่จัดนัดชิงชนะเลิศ
รายการฟุตบอลโลก 2026
วันที่19 กรกฎาคม ค.ศ. 2026 (2026-07-19)
สนามสนามกีฬาเมตไลฟ์, อีสต์รัทเทอร์ฟอร์ด นิวเจอร์ซีย์
2022
2030

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบชิงชนะเลิศ จะเป็นนัดสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 23 ที่จัดโดยฟีฟ่า (FIFA) สำหรับทีมฟุตบอลชายระดับทีมชาติ การแข่งขันมีกำหนดจัดขึ้นที่สนามสนามกีฬาเมตไลฟ์ ในศูนย์กีฬาเมโดว์แลนด์ เมืองอีสต์รัทเธอร์ฟอร์ด รัฐนิวเจอร์ซีย์ ใกล้กับนครนิวยอร์ก ในวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 2026

ภูมิหลัง

[แก้]

ฟีฟ่าได้ประกาศวันที่สำหรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 2023[1] สถานที่จัดการแข่งขัน สนามกีฬาเมตไลฟ์ได้รับการประกาศโดยฟีฟ่าเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2024[2] เดิมทีการประกาศสถานที่จัดการแข่งขันคาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปี 2023 แต่ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากปัญหาในกระบวนการวางแผน การแข่งขันครั้งนี้เป็นหนึ่งในไฮไลต์สำคัญของฟุตบอลโลก 2026 ที่จัดขึ้นใน 3 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก[3]

สนามแข่งขัน

[แก้]

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2018 ในการประชุมฟีฟ่า (FIFA Congress) ครั้งที่ 68 การเสนอตัวร่วมกันของสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และแคนาดา ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 โดยการเสนอตัวครั้งนี้วางแผนใช้ 16 เมืองเจ้าภาพกระจายอยู่ในทั้งสามประเทศ โดยการแข่งขันตั้งแต่รอบก่อนรองชนะเลิศเป็นต้นไปจะจัดขึ้นในสหรัฐ[4][5]


ในขณะนั้นยังไม่ได้ยืนยันสนามแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ โดยสนามกีฬาเมตไลฟ์ใกล้กับนครนิวยอร์ก ซึ่งเคยจัดการแข่งขันกีฬาระดับใหญ่มาก่อน ถูกคาดหมายว่าจะเป็นตัวเต็งสำคัญ[6][7][8] อย่างไรก็ตาม สนามกีฬาโซไฟซึ่งเป็นสนามใหม่ในเมืองอิงเกิลวูด รัฐแคลิฟอร์เนีย ใกล้ลอสแอนเจลิส ก็เป็นคู่แข่งสำคัญ โดยในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2022 ฟีฟ่าได้ประกาศเลือกสนามกีฬาโซไฟเป็นหนึ่งใน 10 สนามแข่งขันที่ตั้งอยู่ในสหรัฐ แต่สนามโรสโบว์ลในเมืองพาซาเดนา รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเคยจัดรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกชายปี 1994 และหญิงปี 1999 ไม่ได้รับเลือกเนื่องจากความเก่าแก่ของสนาม[9]

สนามกีฬาโซไฟได้รับการออกแบบมาสำหรับการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล โดยมีความกว้างของสนามเพียง 69 หลา (63 เมตร)[10] ซึ่งแคบกว่ามาตรฐานที่ฟีฟ่ากำหนด นอกจากนี้ เจ้าของสนามยังไม่พอใจกับข้อตกลงแบ่งรายได้ที่ฟีฟ่าเสนอ และเคยขู่ว่าจะยกเลิกแผนการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก[11][12]

ในช่วงต้นปี 2023 สนามกีฬาเอทีแอนด์ทีในเขตดัลลัสได้กลายมาเป็นตัวเลือกที่มีโอกาสจัดรอบชิงชนะเลิศ เนื่องจากมีความจุมากถึง 90,000 ที่นั่ง และมีแผนปรับปรุงสนามให้กว้างขึ้นเพื่อให้ตรงตามมาตรฐานของฟีฟ่า[13][14] ในขณะที่สนามกีฬาเมตไลฟ์ก็ประกาศแผนการปรับปรุงสนามในเดือนมกราคม 2024 โดยจะถอดที่นั่งบริเวณมุมสนามออก 1,740 ที่นั่ง เพื่อเพิ่มความกว้างของสนามให้เหมาะสมสำหรับฟุตบอลโลก[15]

อย่างไรก็ตาม รายงานจากดิแอธเลติก ระบุว่าการเลือกสนามกีฬาเมตไลฟ์เป็นสนามรอบชิงชนะเลิศสร้างความ "ประหลาดใจ" ให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เนื่องจากสนามในดัลลัสเคยเป็นตัวเก็งที่ได้รับการคาดหมายว่าจะชนะการเสนอในเดือนมกราคม โดยข้อเสนอดังกล่าวยังรวมถึงการถ่ายทอดสดรอบชิงชนะเลิศไปยังอีกสองสถานที่ใกล้เคียงเพื่อเพิ่มรายได้จากการขายตั๋ว[16]

การแสดงบันเทิง

[แก้]

เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2024 ฟีฟ่าได้ประกาศว่า โกลบอลซิติเซนจะเป็นผู้ร่วมผลิตโชว์ในช่วงพักครึ่งรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกที่มีการจัดการแสดงในลักษณะนี้ คล้ายคลึงกับโชว์พักครึ่งของศึกซูเปอร์โบล ในลีกอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล[17]

การแข่งขัน

[แก้]

รายละเอียด

[แก้]
ผู้ชนะนัดที่ 101นัดที่ 104ผู้ชนะนัดที่ 102

กฎการแข่งขัน

  • 90 นาที
  • 30 นาทีของ เวลาพิเศษ ถ้าจำเป็น
  • การดวลลูกโทษ ถ้าคะแนนยังคงเสมอกัน
  • สามารถระบุชื่อตัวสำรองได้สูงสุด 12 คน
  • การเปลี่ยนตัวสูงสุด ห้า ครั้ง โดยอนุญาตให้เปลี่ยนตัวได้ครั้งที่ หก ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
  • มีโอกาสเปลี่ยนตัวสำรองได้สูงสุดสามครั้งโดยอนุญาตให้เปลี่ยนตัวครั้งที่สี่ได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
  • มีโอกาสเปลี่ยนตัวสำรองได้สูงสุด 1 คน, โดยให้คู่แข่งมีการเปลี่ยนตัวเพิ่มเติมแบบสแตนด์อโลน

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Date set for FIFA World Cup 26 final" (Press release). FIFA. March 16, 2023. สืบค้นเมื่อ January 18, 2024.
  2. Dominski, Michael (February 4, 2024). "World Cup 2026 schedule announcement live updates: Latest as FIFA selects host city for final". The Athletic. สืบค้นเมื่อ February 4, 2024.
  3. Panja, Tariq (September 15, 2023). "FIFA Delays Have Cities Worried About 2026 World Cup Plans". The New York Times. สืบค้นเมื่อ January 18, 2024.
  4. Panja, Tariq; Das, Andrew (June 13, 2018). "World Cup 2026: United States, Canada and Mexico Win Bid to Be Host". The New York Times. สืบค้นเมื่อ January 18, 2024.
  5. Belam, Martin (June 13, 2018). "Three hosts, 48 teams: how the 2026 World Cup will work". The Guardian. สืบค้นเมื่อ January 18, 2024.
  6. Goff, Steven (June 16, 2018). "2026 World Cup host cities: Ranking the contenders". The Washington Post. สืบค้นเมื่อ January 18, 2024.
  7. Conway, Richard (June 13, 2018). "World Cup 2026: How US, Canada & Mexico won right to host tournament". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ January 18, 2024.
  8. Sherman, Ted (September 23, 2021). "Will MetLife Stadium be home to the 2026 World Cup finals? N.Y. and N.J. hope to score a slot with FIFA". NJ.com. สืบค้นเมื่อ January 18, 2024.
  9. "World Cup 2026 host cities confirmed: What you need to know about the 16 venues". FIFA. June 16, 2022. สืบค้นเมื่อ January 18, 2024.
  10. Baxter, Kevin (August 3, 2022). "Leagues Cup friendlies showing L.A. is a soccer market". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ January 18, 2024.
  11. Crafton, Adam (September 21, 2023). "Kroenkes in dispute with FIFA over SoFi Stadium deal for 2026 World Cup". The Athletic. สืบค้นเมื่อ January 18, 2024.
  12. Bushnell, Henry (November 2, 2023). "LA-FIFA standoff at center of 2026 World Cup's first battle: Who's paying for it?". Yahoo! Sports. สืบค้นเมื่อ January 18, 2024.
  13. Nudelstejer, Abraham (March 15, 2023). "FIFA delegation visits AT&T Stadium to offer insight on World Cup-prompted renovations". Dallas Morning News. สืบค้นเมื่อ January 18, 2024.
  14. Wilen, Holden (January 18, 2024). "Some think DFW has already secured 2026 World Cup final". Dallas Business Journal. สืบค้นเมื่อ January 18, 2024.
  15. "MetLife Stadium to remove 1,740 seats in bid to host 2026 World Cup final". The Guardian. Associated Press. January 4, 2024. สืบค้นเมื่อ January 18, 2024.
  16. Anzidei, Melanie; Crafton, Adam (February 5, 2024). "Inside the World Cup 2026 final host city selection: Why New Jersey was picked over Dallas". The Athletic. สืบค้นเมื่อ February 7, 2024.
  17. "Global Citizen to Produce Halftime Show for FIFA World Cup Final, Starting in 2026". Variety. September 28, 2024. สืบค้นเมื่อ September 30, 2024.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]