รถถังครูเซเดอร์
รถถัง, ครุยเซอร์, เอ็มเค6 | |
---|---|
ครูเซเดอร์ 3 ที่ถูกจัดแสดง | |
ชนิด | รถถังครุยเซอร์ |
แหล่งกำเนิด | สหราชอาณาจักร |
บทบาท | |
ประจำการ | 1941–1945 |
สงคราม | สงครามโลกครั้งที่สอง |
ประวัติการผลิต | |
ผู้ออกแบบ | Nuffield |
ช่วงการออกแบบ | 1939/1940 |
บริษัทผู้ผลิต | Nuffield Mechanizations and Aero Ltd |
ช่วงการผลิต | 1940–1943 |
จำนวนที่ผลิต | 5,300 |
ข้อมูลจำเพาะ | |
มวล | 18.8 ถึง 19.7 long ton (19.1 ถึง 20.0 t) |
ความยาว | 20 ft 8.5 in[1] (5.97 m)[a] |
ความกว้าง | 9 ft 1 in (2.77 m)[b] |
ความสูง | 7 ft 4 in (2.24 m) |
ลูกเรือ | Mk III: 3 (Commander, gunner, driver) Mk I, II: 4 or 5 (+ Loader, hull gunner) |
เกราะ | Mk I: 40 mm Mk II: 49, III: 51[c] |
อาวุธหลัก | Mk I, II: QF 2 pdr (40 mm) 110 rounds Mk III: QF 6 pdr (57 mm) 65 rounds |
อาวุธรอง | 1 or 2 × Besa machine gun 4,950 rounds[1] |
เครื่องยนต์ | Nuffield Liberty Mark II, III, or IV 27-litre V-12 petrol engine 340 bhp (254 kW) at 1,500 rpm |
กำลัง/น้ำหนัก | 17 hp (12.7 kW) / tonne |
เครื่องถ่ายกำลัง | Nuffield constant mesh 4-speed-and-reverse |
กันสะเทือน | Christie helical spring |
ความสูงจากพื้นรถ | 1 ft 4 in (0.41 m) |
ความจุเชื้อเพลิง | 110 Imperial gallons in 3 fuel tanks (+30 auxiliary) |
พิสัยปฏิบัติการ | 200 mi (322 km) on roads 146 mi (235 km) cross country[2] |
ความเร็ว | 26 mph (42 km/h) (road) 15 mph (24 km/h) (off-road) |
ระบบบังคับเลี้ยว | Wilson epicyclic steering |
รถถัง, ครุยเซอร์, เอ็มเค6 หรือ เอ15 ครูเซเดอร์ เป็นหนึ่งในรถถังครุยเซอร์(ลาดตระเวน)หลักของบริติชในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง จำนวนกว่า 5,000 คันได้ถูกผลิตขึ้นมาและพวกเขาเหล่านี้มีส่วนสำคัญต่อการได้รับชัยชนะของบริติซในช่วงการทัพแอฟริกาเหนือ รถถังครูเซเดอร์นั้นไม่ได้ถูกพบเห็นในการปฏิบัติการรบอื่นๆนอกเหนือจากแอฟริกา แต่ตัวรถถังนั้นได้ถูกนำมาดัดแปลงแก้ไขเพื่อสร้างให้เป็นการต่อต้านอากาศยาน การยิงสนับสนุน สังเกตการณ์ รถดันดิน และกู้เก็บยานพาหนะต่างๆ
รถถังรุ่นแรกอย่าง 'ครูเซเดอร์ 1' ได้เข้าประจำการในปี ค.ศ. 1941 และแม้ว่าจะคล่องตัว, มันเป็นยานพาหนะที่มีเกราะที่ค่อนข้างเบาและติดอาวุธได้น้อย ด้วยการปรับปรุงให้เกราะมีความหนาถึง 49 มม. ซึ่งได้แปรเปลี่ยนเป็น 'ครูเซเดอร์ 2' อาวุธหลักของ ครูเซเดอร์ มาร์ค 1 และ 2 คือปืนหลัก Ordnance QF 2 pounder (40มม.) แต่ครูเซเดอร์ 3 ได้ถูกติดตั้งด้วยปืนหลัก Ordnance QF 6 pounder (57มม.) ด้วยรถถังรุ่นนี้เป็นมากกว่าการแข่งขันสำหรับรถถังของเยอรมันอย่าง พันเซอร์ 3 และ พันเซอร์ 4 ที่ได้เผชิญหน้ากันในสนามรบ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกองพันยานเกราะที่หนึ่ง ครูเซเดอร์ได้รับการพิสูจน์ในความสำคัญครั้งนี้ในช่วงยุทธการที่เอล อาลาเมนครั้งที่สอง ที่ทูบลัก และในตูนีเซีย
ด้วยการที่ได้ถูกสงวนเอาไว้ในประจำการ เนื่องจากความล่าช้าพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงในช่วงปลายปี ค.ศ. 1942 การขาดแคลนในการอัพเกรดอาวุธ รวมทั้งปัญหาความน่าเชื่อถือที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศในทะเลทรายที่รุนแรงและการปรากฏตัวของรถถังหนัก ทีเกอร์-1 ในท่ามกลางกองทัพน้อยแอฟริกาของเยอรมัน ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า รถถังครูเซเดอร์ได้ถูกแทนที่ด้วยรถถังเอ็ม3 แกรนต์ และรถถังขนาดกลาง เชอร์แมน ที่สหรัฐอเมริกาได้จัดหามาให้
ประเทศที่ใช้
[แก้]- อาร์เจนตินา – converted gun tractors
- ออสเตรเลีย
- one squadron of the 9th Division Cavalry Regiment; North Africa (1941–43)
- at least one Crusader was trialled in Australia (1941) by the 1st Armoured Division
- แคนาดา
- อียิปต์ - 2 Battalions - around 60 Tanks of the Egyptian Army Cavalry and Armoured Corps used it till the early 1960s. Along with 1 Battalion of Crusader AA as Anti-Aircraft Artillery from 1944 till the late 1960s. Saw action in the Suez War in Anti-aircraft role.
- ฝรั่งเศสเสรี
- ไรช์เยอรมัน – Captured vehicles used in the 15th Panzer Division. Designated Kreuzer Panzerkampfwagen Mk VI 746 (e).[3]
- อิตาลี – captured vehicles used in the 133rd Littorio Armoured Division.
- เนเธอร์แลนด์
- โปแลนด์ – Used by the 1st Armoured Division
- แอฟริกาใต้
- สหราชอาณาจักร
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Boyd (2008).
- ↑ Bingham[ต้องการเลขหน้า]
- ↑ Carruthers, Bob (2011). Panzers at War 1939–1942. Wootton Wawen: Coda Books. ISBN 978-1906783884.[ต้องการเลขหน้า]
อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref>
สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/>
ที่สอดคล้องกัน