อัลโฟนส์ มูคา
อัลโฟนส์ มูคา | |
---|---|
อัลโฟนส์ มูคา ประมาณปี ค.ศ. 1906 | |
เกิด | อัลโฟนส์ มารียา มูคา 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1860 อิวันชิตแซ มอเรเวีย จักรวรรดิออสเตรีย (ปัจจุบันอยู่ในเช็กเกีย) |
เสียชีวิต | 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1939 ปราก รัฐในอารักขาโบฮีเมียและมอเรเวีย | (78 ปี)
สัญชาติ | เช็ก |
การศึกษา | สถาบันวิจิตรศิลป์มิวนิก สถาบันฌูว์ลีย็อง สถาบันกาโลรอสซี |
มีชื่อเสียงจาก | จิตรกรรม, มัณฑนศิลป์, ภาพประกอบ (illustration) |
ผลงานเด่น | The Slav Epic (Slovanská epopej) |
ขบวนการ | นวศิลป์ |
Patron(s) | Count Karl Khuen of Mikulov |
อัลโฟนส์ มารียา มูคา (เช็ก: Alfons Maria Mucha) เป็นศิลปินแนวนวศิลป์ (Art Nouveau) ที่มีผลงานออกแบบอย่างหลากหลาย ทั้งภาพโปสเตอร์ ปฏิทิน ภาพประกอบหนังสือ งานพิมพ์ ภาพพิมพ์หิน งานโลหะ งานหนัง การออกแบบเครื่องประดับ และการออกแบบของตกแต่งบ้าน อีกทั้งยังมีผลงานวาดภาพเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อีกด้วย นับว่าเป็นศิลปินมากความสามารถ และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นคนหนึ่ง
ประวัติและชีวิตส่วนตัว
[แก้]ต้นกำเนิด
[แก้]อัลโฟนส์ มูคา เกิดเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1860 ในเมืองอิวันชิตเซ (Ivančice) ภูมิภาคมอเรเวีย ปัจจุบันอยู่ในสาธารณรัฐเช็ก เขามีความสามารถในการร้องเพลง ส่วนศิลปะนั้น เริ่มต้น จัดเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของเขา แต่ต่อมา เขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนท้องถิ่น ความสนใจทางด้านศิลปะจึงเริ่มมีมากขึ้น[1]
จุดเริ่มต้นของการเป็นศิลปิน
[แก้]เมื่อเขามีอายุ 17 ปี ก็ได้ออกจากบ้านเพื่อมาทำงานเป็นจิตรกรตกแต่งฉากเวทีที่ริงเทอาเทอร์ (Ringtheater) ในเวียนนา แต่โรงละครเกิดไฟไหม้ทำให้เขาต้องตกงาน และต่อมาได้ถูกเชิญให้ไปตกแต่งปราสาทของเคานต์คาร์ล (Count Karl Khuen-Belasi) แห่งเอมมาโฮฟ (Emmahof) ในออสเตรีย ซึ่งถือเป็นผู้มีพระคุณต่อการสนับสนุนทางการเงินแก่เขาในการเข้าเรียนศิลปะในสถาบันสอนการศึกษาที่มิวนิก[2][3]
ในปี ค.ศ. 1887 เขาก็ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงปารีสเพื่อศึกษาต่อที่สถาบันฌูว์ลีย็อง (Académie Julian) และสถาบันกาโลรอสซี (Académie Colarossi) ซึ่งช่วงนี้เขาได้เข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มนาบี ซึ่งเป็นศิลปินในลัทธิประทับใจยุคหลัง (post-impressionism) ที่มีเทคนิคหลากหลาย พวกเขาทำงานศิลป์ลงในหลายวัสดุนอกจากผ้าใบ ยังมีเซรามิก โปสการ์ด เสื้อผ้า นอกจากนั้นยังได้รับอิทธิพลจากคตินิยมศิลปะญี่ปุ่น ซึ่งกลายเป็นมางานศิลปะแบบนวศิลป์[4] ต่อมาในปี ค.ศ. 1889 มูคาต้องออกจากสถาบันกาโลรอสซีเมื่อเคานต์คาร์ลเสียชีวิต[5] และหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นนักเขียนการ์ตูน เขียนภาพลงนิตยสาร และภาพประกอบโฆษณา นับเป็นช่วงเวลาที่เขามีผลงานผลิตออกมาจำนวนมาก ซึ่งลักษณะงานก็ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบที่เคยร่ำเรียนมาจากสถาบันศิลปะ แต่ก็ทำให้เขาได้สะสมประสบการณ์จากทำงานและได้ศึกษาเรียนรู้ศิลปะควบคู่กันไป และคงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้เขาประสบความสำเร็จด้านงานออกแบบตกแต่งต่อไป[6][7]
จุดพลิกผันให้กลายเป็นศิลปินผู้โด่งดัง
[แก้]ในปี ค.ศ. 1894 เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตมูคา เมื่อเขาวาดภาพ Gismonda ผลงานโปสเตอร์ชิ้นแรกที่เขาวาดให้แก่ซารา แบร์นาร์ต (Sarah Bernhardt) ซึ่งเขาได้งานชิ้นนี้อย่างบังเอิญ เนื่องจากภายในร้าน Lemercier ที่ซารา แบร์นาร์ต นางเอกละครผู้โด่งดังมาใช้บริการมีแต่ผลงานของมูคาที่จัดแสดงอยู่คนเดียวเท่านั้น เขาจึงได้งานจากซารา แบร์นาร์ต และผลงานโปสเตอร์สำหรับละครเรื่องนั้นส่งผลให้เขาโด่งดังอย่างมากในช่วงปี 90 ยากที่จะหาใครมาเทียบได้[8] มูคาทำสัญญากับซารา แบร์นาร์ตเป็นเวลา 6 ปี ตลอดช่วงเวลานี้ เขาออกแบบโปสเตอร์ที่งดงามให้เธอ 9 ชิ้น รวมทั้งช่วยงานเธอ ทั้งออกแบบเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับและเวทีในละครต่าง ๆ ที่เธอมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย สาธารณชนเองก็ชอบงานของเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน มูคาก็ผูกมัดกับตัวเองด้วยสัญญาที่ทำไว้กับโรงพิมพ์ Champenois ที่ซึ่งเขามีรายได้ประจำจากการออกแบบโปสเตอร์ การทำงานร่วมกับโรงพิมพ์ครั้งนี้ นำทางให้เขาได้แสดงความสามารถด้านงานภาพพิมพ์หิน (lithography) ก็ยิ่งส่งให้ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง[9]
ราวปี ค.ศ. 1900 ถือเป็นช่วงเวลาที่มูคาประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดแทบในทุกด้าน ทั้งในด้านการเป็นศิลปินผู้โด่งดัง และยังเป็นอาจารย์สอนศิลปะการออกแบบด้วย[10] เขาจัดทำหนังสือ Documents Decoratives และ Figures Decoratives ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับนวศิลป์อย่างสมบูรณ์ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจที่เขามีต่อการศึกษาศิลปะในโรงเรียน และพยายามที่จะเผยแพร่ความรู้ด้านการออกแบบให้กว้างขวาง แม้หนังสือทั้งสองเล่มจะสนับสนุนให้มูคาที่ชื่อเสียงที่โด่งดังมากขึ้น แต่เมื่อหนังสือถูกจำหน่ายกลับถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการค้า เนื่องจากสำนักพิมพ์ที่เขาทำสัญญาด้วยทำการตลาดโดยแถมหนังสือ Documents Decoratives เมื่อซื้อหนังสือ Figures Decoratives ซึ่งเหมือนเป็นการไม่ให้คุณค่าของหนังสือเท่าที่ควร ประกอบกับเมื่อออกจำหน่ายกลับทำให้เขายุ่งยากลำบากยิ่งขึ้น เพราะลูกค้าไม่ได้สั่งซื้องานตามแบบในหนังสือ แต่มักจะขอเปลี่ยนแบบเพื่อให้ได้งานที่พิเศษไม่เหมือนใคร ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่มูคาตัดสินใจออกจากปารีสไปเผชิญโลกใหม่ที่อเมริกาก็เป็นได้[11]
ย้ายจากกรุงปารีสสู่สหรัฐอเมริกา
[แก้]เมื่อมูคาย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อหวังที่จะพบโลกใหม่ ซึ่งคงสอดคล้องกับประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาในช่วงนั้นที่เป็นดินแดนแห่งโลกใหม่เป็นยุคแห่งความก้าวหน้าของสหรัฐอเมริกา (Progressive Era) ที่ซึ่งเขาทำงานด้านการออกแบบออกมาควบคู่ไปกับการสอนวาดภาพและองค์ประกอบที่สถาบันศิลปะชิคาโกด้วย[12] และเขายังได้พบรักและแต่งงานกับหญิงสาวชาวเช็กที่ชื่อ Marie Chytilova ในปี ค.ศ. 1906 ซึ่งภายหลังพวกเขามีลูกสาวและลูกชายด้วยกัน นอกจากนี้ มูคายังได้พบกับชาลส์ ริชาร์ด เครน นักอุตสาหกรรมชาวอเมริกันผู้ร่ำรวยและสนับสนุนให้เขาวาดภาพประวัติศาสตร์สาธารณรัฐเช็กโดยไม่เกี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายและราคา[13]
กลับบ้านเกิด
[แก้]ในปี ค.ศ. 1910 มูคาและครอบครัวเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด ที่ซึ่งเขาทำผลงานชิ้นสุดท้าย ที่น่าจะได้รับแรงบันดาลใจและมีพื้นฐานมาจากผลงานด้านประวัติศาสตร์ก่อน ๆ ของเขาเอง เช่น ปี ค.ศ. 1880 งานภาพปูนเปียก (fresco) ที่เอมมาโฮฟในมอเรเวีย, ภาพฝาผนังที่งานนิทรรศการนานาชาติ กรุงปารีส ในปี ค.ศ. 1900, งานตกแต่งภายในโรงละครเยอรมันในนิวยอร์กในปี ค.ศ. 1908 และงานภาพฝาผนังให้กับศาลาว่าการกรุงปราก โดยผลงานชิ้นสุดท้ายนี้ชื่อว่า "The Slav Epic" ภาพแห่งประวัติศาสตร์แห่งมหากาพย์ชนชาติสลาฟ ซึ่งเป็นผลงานที่ครอบงำการทำงานของมูคาในช่วงสุดท้ายของชีวิต
ช่วงปลายปี ค.ศ. 1930 ลัทธิฟาสซิสต์เริ่มมีอำนาจมากขึ้นและมองว่าผลงาน "The Slav Epic" ของมูคามีแนวคิดชาตินิยม สลาฟ หากมองในแง่ร้ายก็เป็นการขัดต่ออำนาจของลัทธิ และเมื่อกองทัพนาซีย้ายเข้าไปอยู่ในสโลวาเกีย มูคาเป็นคนแรกที่กองทัพจับตัวไปสอบปากคำ แต่เมื่อพบว่ามูคาป่วยด้วยโรคปอดบวมจึงได้รับการปล่อยตัวในที่สุด ทำให้เชื่อกันว่า เขาอาจจะได้รับการกระทำกระเทือนจากเหตุการณ์นี้ จนทำให้เขาเสียชีวิตเนื่องจากปอดติดเชื้อในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1939 ไม่นาน ก่อนที่จะเกิดการรุกรานของสโลวาเกียโดยกองทัพเยอรมัน
เป็นที่น่าสังเกตว่า ตลอดชีวิตการทำงานศิลปะของมูคา แทบจะไม่มีเวลาไหนเลยที่เขาได้หยุดสร้างงาน ซึ่งผลงานของเขาก็จะมีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยผลงานนั้นก็มีความแตกต่างกันหลาย ๆ ด้าน ทั้งศิลปะการออกแบบที่เป็นนวศิลป์อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งนำเสนออย่างหลากหลายรูปแบบ ทั้งภาพโปสเตอร์สำหรับซารา แบร์นาร์ตปฏิทิน ภาพประกอบหนังสือ นอกจากนี้ เขายังมีงานด้านประวัติศาสตร์ซึ่งปรากฏผลงานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 เรื่อยมา ควบคู่ไปกับงานศิลปะการออกแบบและตกแต่ง[14]
แนวความคิดในการสร้างผลงาน
[แก้]อัลโฟนส์ มูคาเป็นศิลปินที่มีความสามารถสูงและประสบความเสร็จเป็นอย่างมาก เขาทำงานหลากหลายประเภท หลายสาขาวิชา ทั้งในเชิงพาณิชย์และวิจิตรศิลป์ ภาพวาดรูปผู้หญิง ดอกไม้ และธรรมชาติของเขาเป็นที่รู้จักกันดี รวมไปถึงความมีสุนทรีศาสตร์และปรัชญาในตัวสูง ผลิตผลงานออกมามากมายทั้งโปสเตอร์ ป้ายโฆษณา หนังสือออกแบบ อาทิการออกแบบเครื่องประดับ พรม วอลเพเปอร์ และฉากเวที ซึ่งผลงานต่าง ๆ เหล่านี้ได้รับการเรียกในระยะแรกว่า แบบอย่างมูคา (Mucha Style) แต่ต่อมาได้กลายเป็นที่รู้จักกันในชื่อของนวศิลป์
ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19
[แก้]งานของมูคาส่วนใหญ่จะมีเอกลักษณ์ที่สวยงาม แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของหญิงสาว กับความพริ้วไหวเบาบางของเสื้อผ้าแบบลัทธิคลาสสิกใหม่ (neoclassicism) และถูกมักจะแวดล้อมไปด้วยดอกไม้นานาชนิด บางครั้งอาจมีรัศมี (haloes) ปรากฏที่ด้านหลังศีรษะด้วย และความแตกต่างจากนักทำโปสเตอร์ที่ร่วมสมัยกับมูคา คือ การใช้สีอ่อน ซีดจาง (Pastel Colors) ในการทำงาน[15] นอกจากนี้ งานของเขายังแฝงไปด้วยจิตวิญญาณ โชคชะตา และความลึกลับ เนื่องจากเขาเคยกล่าวว่า โชคชะตาของเขานั้นดีที่มีผู้อุปถัมภ์งานอยู่เสมอ[16] ดังนั้น งานในระยะนี้ของเขาจึงนับว่าเป็นการผสมผสานรูปแบบความงานของศิลปะตะวันตกเข้ากับจิตวิญาณของศิลปะตะวันออกได้อย่างลงตัว[17]
คริสต์ศตวรรษที่ 20
[แก้]มูคายังคงทำงานออกแบบตกแต่งอยู่เช่นเดิม ทั้งงานด้านการตกแต่งตามแนวนวศิลป์ ซึ่งเขาได้ชี้แจงไว้ว่า ศิลปะไม่มีอะไรมากไปกว่าเป็นเครื่องมือสื่อสารทางจิตวิญญาณ จากความผิดหวังที่ได้รับผลกระจบจากพาณิชย์ศิลป์ เขาจึงหันมาให้ความสนใจกับงานศิลป์ที่ดูสูงส่งบริสุทธิ์และงานศิลปะเช็กจากบ้านเกิดของเขา และเขาเมื่อได้พบกับชาลส์ ริชาร์ด เครน ที่สนับสนุนให้เขาวาดภาพประวัติศาสตร์เช็ก นับจากนั้นเขาก็เริ่มสนในงานประวัติศาสตร์มากขึ้นจากเดิม และคงสอดคล้องกับแนวความคิดของเขาที่ว่า เมื่ออายุมากขึ้น ก็อยากแสวงหาสิ่งใหม่ ๆ ให้กับชีวิตหรือคิดหวนสู่อดีตที่อันรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์ ทำให้มูคาตัดสินใจย้ายจากกรุงปารีสมาที่สหรัฐอเมริกา และท้ายที่สุดก็เดินทางกลับบ้านเกิดสืบเนื่องให้ผลงานช่วงปลายของชีวิตมูคานั้นมีลักษณะที่เป็นภาพประวัติศาสตร์ ที่สะท้อนแนวความคิดชาตินิยม เช่น ผลงาน "The Slav Epic" ที่เป็นภาพขนาดใหญ่ที่วาดเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์แห่งมหากาพย์ชนชาติสลาฟที่มีแนวคิดชาตินิยมอย่างชัดเจนนั่นเอง
ผลงานที่สำคัญ
[แก้]งานโปสเตอร์
[แก้]Gismonda
[แก้]ภาพ Gismonda วาดให้แก่ซารา แบร์นาร์ต ในปี ค.ศ. 1894 ภาพนี้เป็นผลงานโปสเตอร์ชิ้นแรกของมูคาและเป็นผลงานที่เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตเขาให้กลายเป็นศิลปินผู้โด่งดังในกรุงปารีสเพียงชั่วข้ามคืน ถือเป็นยุคทองแห่งภาพโปสเตอร์ที่ส่งอิทธิพลให้กับศิลปะแนวนวศิลป์ต่อไป[18]
ภาพนี้ได้แสดงออกถึงการสร้างสรรค์เอกลักษณ์เฉพาะตัวของมูคาเอง ซึ่งได้ผสมผสานสีและลายเส้นเข้าด้วยกันอย่างลงตัวแตกต่างจากภาพโปสเตอร์ทั่ว ๆ ไปอย่างชัดเจน ภาพนี้มูคาน่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากสภาพแวดล้อมโดยรวมของเขาเอง ที่ออกแบบจากประสบการณ์เพื่อพัฒนาผลงานให้มีความชัดเจน โดยแสดงบุคลิกส่วนตัวของ Sarah Bernhardt ในมุมมองของเขา แล้วนำเธอเข้ากับภาพฉากละครที่อ่อนไหว ซึ่งมูคานำมาพรรณนาเป็นภาพระหว่างทางที่เธอเดินไปโบสถ์ ในบรรยากาศยุคศิลปะไบแซนไทน์ สื่อความหมายว่านางเอกละคร Sarah Bernhardt บนเวทีนั้นเป็นผู้เคร่งศาสนาไม่ได้เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา และเธอยังเป็นสัญลักษณ์ของความฝันที่ไม่มีทางเข้าถึงได้ ภาพโปสเตอร์ของเขาได้ช่วยเสริมสร้างงานละครของนางเอกละครผู้โด่งดังอย่างลงตัว เป็นสื่อสัมผัสถึงอารมณ์ของละครคลาสสิกของฝรั่งเศส ผสมผสานกับความเป็นตะวันออกและความลึกลับไม่ธรรมดาของละคร[19]
The Seasons (series) (1896)
[แก้]Winter | Summer | Spring | Autumn |
---|---|---|---|
The Seasons (series) (1896) คือผลงานตกแต่งผนังชุดแรกที่กลายเป็นหนึ่งในชุดผลงานที่มีชื่อเสียงของเขา เป็นงานที่ได้รับมอบหมายจากโรงพิมพ์ Champenois ให้ผลิตงานออกมาอย่างน้อยสองชุดโดยให้อยู่ในธีมเดียวกันในปี ค.ศ. 1897 และ 1900[20]
แนวคิดที่ปรากฏออกมาจาก The Seasons ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เพราะสามารถเห็นได้จากงานชิ้นสำคัญเก่า ๆ ของเขาในสื่อสิ่งพิมพ์อื่น อย่างไรก็ตามภาพชุดนี้เป็นเหมือนนำความงามของสตรีแบบกรีกโรมันที่ดูคลาสสิกเข้ามาผสมผสานกับความเป็นชนบท ซึ่งสิ่งที่แสดงในภาพทั้งสี่ช่องนี้ มูคาได้นำอารมณ์และความรู้สึกของแต่ละฤดูกาลไม่ว่าจะเป็นความบริสุทธิ์ในฤดูในไม้ผลิ (Spring) ฤดูร้อนที่อบอ้าว (Summer) ฤดูใบไม้ร่วงที่เต็มไปด้วยผลไม้ (Autumn) และฤดูหนาวที่หนาวจัด (Winter) ลงไปในภาพพร้อมกับสื่อถึงวัฏจักรของธรรมชาติที่เวียนไปเรื่อย ๆ ได้อย่างกลมกลืน และด้วยองค์ประกอบที่มีความเรียบง่ายแบนราบชวนให้นึกถึงเทคนิคแกะไม้ (Woodcut) ของญี่ปุ่น อันเป็นการเผยให้เห็นถึงการนำงานศิลปะญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้[21]
งานด้านการออกแบบตกแต่ง
[แก้]Stained-glass Window designed |
---|
Head of a Girl
[แก้]เครื่องประดับ Head of a Girl เป็นรูปปั้นหญิงสาวครึ่งตัว มูคาทำขึ้นเพื่อจัดแสดงในงานนิทรรศการนานาชาติ กรุงปารีสในปี ค.ศ. 1900 เป็นรูปปั้นที่รับแรงบันดาลใจประติมากรรมในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) แต่เลือกวัสดุเงินและเทคนิคการปิดทองที่ทันสมัยเพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับรูปปั้น[22] ถึงแม้ไม่ทราบแน่นอนว่ามูคาต้องการบรรยายถึงซารา แบร์นาร์ต หรือ Cleo de Merode แต่รูปแบบนั้นสะท้อนการออกแบบอย่างชาญฉลาด ด้วยการทำผมยาว เปิดหน้าด้วยผมที่ม้วน ร่างกายเปล่าเปลือย เสมือนรูปร่างเป็นรูปกรวย ให้ความหมายที่ลึกลับ ยากที่จะหยั่งถึง เป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นเอกด้านการประดับตกแต่งงานปั้นของมูคา[23]
Stained-glass Window designed
[แก้]ขณะที่งานเฉลิมฉลองครบรอบพันปีของวาตสลัฟที่ 1 ดุ๊กแห่งโบฮีเมีย (St. Wenceslas) ได้มีการให้ฟื้นฟูงานกอทิกของมหาวิหารเซนต์วิตัส (St. Vitas Cathedral) แห่งปรากจนเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1929 โดยหน้าต่างประดับกระจกสีนี้ได้ถูกติดตั้งในปี ค.ศ. 1931 ซึ่งหน้าต่างจะมีภาพเซนต์วาสลัฟในวัยเด็กกับคุณยายของเขาอยู่ใจกลางภาพแวดล้อมไปด้วยฉากเหตการณ์ของนักบุญซีริล (Saints Cyril) และเมโทดิอุส (Methodius) ที่เผยแพร่ศาสนาคริสต์อยู่ท่ามกลางชาวสลาฟ ซึ่งนี้จะอยู่ด้านล่างของเยซูคริสต์เสมอ และเป็นสัญลักษณ์ของธนาคารชาวสลาฟที่ให้การสนับสนุนเงินทุนในการสร้างหน้าต่างประดับกระจกสีนี้[24]
ผลงานหนังสือ
[แก้]ปกหนังสือ Documents Decoratives | ปกหนังสือ Figures-Decoratives |
---|---|
หนังสือ Documents Decoratives
[แก้]หนังสือที่มูคาจัดทำตั้งแต่ปี ค.ศ. 1900 ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1902 มีเนื้อหาเกี่ยวกับนวศิลป์ หนังสือจัดทำคล้ายกับเป็นสารานุกรมของงานประดับตกแต่งของมูคา เป็นการรวบรวมผลงานออกแบบตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งขั้นออกมาเป็นผลงาน สะท้อนให้เห็นว่า ผลงานของเขาเริ่มต้นด้วยการศึกษาธรรมชาติ ภาพต้นไม้ ดอกไม้ และผลไม้ แล้วจึงพัฒนาภาพธรรมชาติมาเป็นรูปทรงในการออกแบบ และใช้ภาพเดียวกันวางไว้ทั่ว ๆ งานทั้งงานพิมพ์ งานโลหะ และงานหนัง[25]
หนังสือเล่มนี้เหมาะแก่การใช้ในการประกอบการเรียนศิลปะสำหรับผู้เริ่มศึกษา เพราะทำให้นักเรียนรู้เป็นขั้นตอน จากการเข้าใจธรรมชาติไปสู่การสร้างผลงานที่เสร็จสมบูรณ์[26]
หนังสือ Figures Decoratives
[แก้]หนังสือที่มูคาจัดทำขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับหนังสือ Documents Decoratives แต่ Figures Decoratives จะเป็นการรวบรวมผลงานภาพสรีระของมนุษย์ ภายในระยะเวลาการทำงาน 4 ปี เขาได้รวบรวมกริยาท่าทางไว้มากมาย ซึ่งตีพิมพ์ควบคู่ไปด้วยรูปทรงทางเรขาคณิตอันเป็นโครงของท่าทางเหล่านั้น ภาพส่วนใหญ่จะเป็นภาพเด็ก ๆ และหญิงสาวในอิริยาบถต่าง ๆ บางภาพเป็นภาพเปลือย บางภาพมีผ้าพันร่างกายเป็นบางส่วน และบางภาพก็แต่งตัวเต็มยศ ลักษณะการวาดภาพเหล่านี้เป็นการวาดด้วยดินสอใช้ลายเส้นง่าย ๆ นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า งานของมูคามีเสน่ห์ เย้ายวนและลึกลับ คาดว่าเป็นอิทธิพลจากเหล่านางแบบเชื้อสายสลาฟ[27]
การทำหนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนพื้นฐานที่ดีในการส่งเสริมให้มูคาประสบความสำเร็จทั้งในการเป็นนักวาดภาพประกอบและการเป็นครู เป็นหนังสือสำหรับนักออกแบบที่ต้องการแรงบันดาลใจเพื่อไปพัฒนางานของตน เพราะลายเส้นของมูคาหนังสือเป็นงานที่เหมาะแก่การศึกษาตามความเป็นจริงมากกว่าสัดส่วนในอุดมคติของร่างกาย[28]
ภาพวาด
[แก้]The Slav Epic
[แก้]"The Slav Epic" (ผลงานชิ้นเอกชิ้นหนึ่งของมูคา เป็นภาพแห่งประวัติศาสตร์ชนชาติสลาฟยุโรปตะวันออก) มีทั้งหมด 20 ภาพ วาดช่วงปี ค.ศ. 1910-1928 ก่อนที่เขาจะลงมือวาดผลงานชุดนี้ เขาก็ได้ออกศึกษาประวัติศาสตร์ด้วยการไปเยือนสถานที่ต่าง ๆ ทั้งรัสเซีย โปแลนด์ และคาบสมุทรบอลข่านเพื่อให้แน่ใจในความถูกต้อง และทยอยส่งภาพที่เสร็จไปจัดแสดงทั้งในกรุงปราก นิวยอร์ก และชิคาโก ซึ่งได้รับการตอบรับและเสียงชื่นชมจากผู้คนเป็นอย่างมาก
ด้วยผลงานชิ้นนี้เอง ที่ก่อปัญหาให้กับเขาในช่วงสุดท้ายของชีวิต เนื่องจากเป็นงานด้านประวัติศาสตร์ที่สะท้อนแนวความคิดชาตินิยมอย่างชัดเจน ซึ่งขัดต่ออำนาจทางการเมืองของลัทธิฟาสซิสต์ (มีอำนาจช่วงปี ค.ศ. 1929-1945) และเมื่อกองทัพนาซีย้ายเข้าไปอยู่ในสโลวาเกีย มูคาเป็นคนแรกที่กองทัพจับตัวไปสอบปากคำ แต่ก็ได้รับการปล่อยตัวเนื่องจากเขาป่วย ทำให้เชื่อกันว่า เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบกระเทือนต่อเขามากและทำให้เขาเสียชีวิตลงในที่สุด[29]
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1939-1945) ผลงาน "The Slav Epic" ถูกนำมาเก็บซ่อนไว้เพื่อป้องกันการทำลายจากนาซี และด้วยบริบทสังคมในตอนนั้นที่นาซีมีอำนาจมาก ทำให้มูคาถูกมองว่าเป็นแค่ศิลปินชั้นรอง ไม่ได้ยกย่องใด ๆ เพราะงานของเขาเหินห่างจากแนวความคิดแบบสังคมนิยมที่เป็นแนวปฏิบัติของผู้ปกครองกรุงปรากในช่วงนี้ หลังสงครามสิ้นสุด นาซีหมดอำนาจ ผลงานชุดนี้ถึงถูกนำมาจัดแสดงในภายหลัง
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2012 ที่ผ่านมา ผลงาน "The Slav Epic" ทั้งหมด 20 ชิ้นก็ได้นำมาจัดแสดงอีกครั้งบริเวณชั้นล่างของพระราชวัง Veletržní ในกรุงปราก นิทรรศการที่จัดโดยหอศิลป์แห่งชาติ
ระเบียงภาพ
[แก้]ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19
[แก้]-
Gismonda 1894
-
Luchon 1895
-
The Judgement of Paris 1895
คริสต์ศตวรรษที่ 20
[แก้]-
Heidsieck & Co. 1901
-
Cycles Perfecta
-
Maude Adams dans le rôle de Jeanne d'Arc 1909
ตัวอย่างจากผลงาน The Slav Epic
[แก้]-
From The Slav Epic by Alfons Mucha
-
From The Slav Epic by Alfons Mucha
-
From The Slav Epic by Alfons Mucha
เชิงอรรถ
[แก้]- ↑ http://www.thaitopwedding.com/Wedding/ เก็บถาวร 2013-10-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน อาร์ต-นูโว-อัลโฟนส์-มูคา.html
- ↑ แมมมอธ. มูชา ศิลปินอาร์ตนูโว. กรุงเทพฯ : เมเจอร์อาร์ต, 2544.
- ↑ http://www.alphonse-mucha.com/
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-06. สืบค้นเมื่อ 2013-10-02.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-05-08. สืบค้นเมื่อ 2013-10-02.
- ↑ แมมมอธ. มูชา ศิลปินอาร์ตนูโว. กรุงเทพฯ : เมเจอร์อาร์ต, 2544.
- ↑ http://www.alphonse-mucha.com/
- ↑ แมมมอธ. มูชา ศิลปินอาร์ตนูโว. กรุงเทพฯ : เมเจอร์อาร์ต, 2544.
- ↑ http://www.alphonse-mucha.com/
- ↑ http://www.alphonse-mucha.com/
- ↑ แมมมอธ. มูชา ศิลปินอาร์ตนูโว. กรุงเทพฯ : เมเจอร์อาร์ต, 2544.
- ↑ แมมมอธ. มูชา ศิลปินอาร์ตนูโว. กรุงเทพฯ : เมเจอร์อาร์ต, 2544.
- ↑ http://www.meaus.com/alphonse-mucha.htm
- ↑ แมมมอธ. มูชา ศิลปินอาร์ตนูโว. กรุงเทพฯ : เมเจอร์อาร์ต, 2544.
- ↑ http://www.rogallery.com/Mucha_Alphonse/mucha-biography.htm
- ↑ Jiri Mucha. Alphonse Maria Mucha : his life and art. London : Academy Editions, 1989.
- ↑ แมมมอธ. มูชา ศิลปินอาร์ตนูโว. กรุงเทพฯ : เมเจอร์อาร์ต, 2544.
- ↑ Alphonse Maria Mucha. Original Mucha postcards : 24 ready-to-mail full-color cards. New York : Dover, c1987.
- ↑ Alphonse Maria Mucha. Original Mucha postcards : 24 ready-to-mail full-color cards. New York : Dover, c1987.
- ↑ http://www.muchafoundation.org/gallery/browse-works/object/80
- ↑ http://www.muchafoundation.org/gallery/browse-works/object/80
- ↑ http://www.muchafoundation.org/gallery/browse-works/object/130
- ↑ Renate Ulmer. Alfons Mucha. Koln : Benedikt Taschen, c1994. หน้า 69.
- ↑ http://www.muchafoundation.org/gallery/browse-works/object/199
- ↑ แมมมอธ. มูชา ศิลปินอาร์ตนูโว. กรุงเทพฯ : เมเจอร์อาร์ต, 2544. หน้า 6.
- ↑ แมมมอธ. มูชา ศิลปินอาร์ตนูโว. กรุงเทพฯ : เมเจอร์อาร์ต, 2544. หน้า 8.
- ↑ แมมมอธ. มูชา ศิลปินอาร์ตนูโว. กรุงเทพฯ : เมเจอร์อาร์ต, 2544. หน้า 7.
- ↑ แมมมอธ. มูชา ศิลปินอาร์ตนูโว. กรุงเทพฯ : เมเจอร์อาร์ต, 2544. หน้า 8.
- ↑ http://www.muchafoundation.org/gallery/mucha-at-a-glance-46.
อ้างอิง
[แก้]- แมมมอธ. มูชา ศิลปินอาร์ตนูโว. กรุงเทพฯ : เมเจอร์อาร์ต, 2544.
- Jiri Mucha. Alphonse Maria Mucha : his life and art. London : Academy Editions, 1989.
- Alphonse Maria Mucha. Original Mucha postcards : 24 ready-to-mail full-color cards. New York : Dover, c1987.
- Alphonse Mucha. Mucha's figures decoratives : 40 plates. New York : Dover, c1981.
- Renate Ulmer. Alfons Mucha. Koln : Benedikt Taschen, c1994.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซน์ของอัลโฟนส์ มูคา โดย Mucha Foundation
- เว็บไซน์ของอัลโฟนส์ มูคา Alfons Mucha(ฺBy Art Directory)
- ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลงาน THE SLAV EPIC เก็บถาวร 2006-01-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ตัวอย่างผลงานที่สำคัญของอัลโฟนส์ มูคา
- ลวดลาย เส้นสาย สไตล์ อาร์ต นูโว ของอัลโฟนส์ มูคา เก็บถาวร 2013-03-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Alphonse Mucha, Czech (1860-1939)
- Alphonse Mucha
- Alphonse Mucha เก็บถาวร 2016-03-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Alfons Mucha เก็บถาวร 2013-10-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน