แวนนีวาร์ บุช
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
บทความนี้เป็นการแปลคร่าว ๆ จากภาษาอื่น ซึ่งอาจเป็นการแปลโดยใช้คอมพิวเตอร์ หรือไม่ใช่ผู้ชำนาญทางภาษา |
แวนนีวาร์ บุช (อังกฤษ: Vannevar Bush, ออกเสียง: /væˈniːvɑːr/; 11 มีนาคม ค.ศ. 1890 – 28 มิถุนายน ค.ศ. 1974) เป็นวิศวกร นักประดิษฐ์ ชาวอเมริกัน ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เขาเป็นผู้นำในการปฏิบัติการของสำนักงานการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐ (OSRD), ซึ่งเป็นหน่วยงานที่พัฒนาและวิจัยอุปกรณ์ทางการทหาร รวมถึงการพัฒนาที่สำคัญของเรดาร์ และเป็นผู้ริเริ่มและบริหารจัดการ โครงการแมนแฮตตัน เขายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อนำไปใช้ในความปลอดภัยของชาติ และความคล่องตัวทางเศรษฐกิจ และเป็นถึงในบุคคลสำคัญต่อการนำไปสู่การก่อตั้ง มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา[2]
บุชเข้าศึกษาสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าที่ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ในปี ค.ศ. 1919 และก่อตั้งบริษัทที่กลายมาเป็น บริษัทเรเธียน ในปีค.ศ. 1922 บุชกลายเป็นรองประธานของ MIT และคณบดีของ โรงเรียนวิศวกรรมเอ็มไอที ในปี ค.ศ. 1932 และเป็นประธานของ สถาบันคาร์เนกีแห่งวอชิงตัน ในปี ค.ศ. 1938
ในอาชีพการงานของเขา บุชได้จดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ของเขาเอง เขาเป็นที่รู้จักโดยเฉพาะจากงานด้านวิศวกรรมเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์แอนะล็อก และสำหรับ มีเมกซ์ [2] เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1927 บุชได้สร้างเครื่อง วิเคราะห์อนุพันธ์ ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์แอนะล็อกที่มีส่วนประกอบดิจิทัลที่สามารถแก้สมการเชิงอนุพันธ์ ได้มากถึง 18 ตัวแปรอิสระ ผลงานที่แตกแขนงมาจาก MIT โดย บุชและคนอื่นๆ เป็นจุดเริ่มต้นของทฤษฎีการออกแบบวงจรดิจิทัล มีเมกซ์ที่เขาเริ่มพัฒนาในช่วงคริสตทศวรรษที่ 1930 (ได้รับแรบันดาลใจอย่างมากจาก "Statistical Machine" ของ เอมานูเอล โกลด์เบิร์ก ในปี ค.ศ. 1928) เป็นโปรแกรมดู ไมโครฟิล์ม ที่ปรับได้ตามสมมุติฐานโดยมีโครงสร้างคล้ายกับ ไฮเปอร์เท็กซ์ บทเรียงความของมีเมกซ์และบุชปี 1945 เรื่อง แอสวิเมย์ติง มีอิทธิพลต่อนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์รุ่นต่อรุ่น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากวิสัยทัศน์ของเขาเกี่ยวกับอนาคต [3]
บุชได้รับการแต่งตั้งให้เป็น คณะกรรมการที่ปรึกษาทางการบินแห่งชาติสหรัฐ (NACA) ในปี ค.ศ. 1938 และต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นประธาน ในฐานะประธาน คณะกรรมการวิจัยเพื่อความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ (NDRC) จากนั้นเป็นผู้อำนวยการ OSRD บุชได้ประสานงานกิจกรรมของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของอเมริการาว 6,000 คน ในการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ในการทำสงคราม บุชเป็นผู้กำหนดนโยบายและปัญญาชนที่มีชื่อเสียงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อเขาดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ประจำประธานาธิบดีคนแรก ในฐานะหัวหน้า NDRC และ OSRD เขาได้ริเริ่มโครงการแมนแฮตตัน และทำให้มั่นใจว่าโครงการดังกล่าวได้รับความสำคัญสูงสุดจากรัฐบาล ในทางด้านวิทยาศาสตร์ ดิเอนเลสฟรันเทียร์ รายงานของเขาต่อประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1945 บุชเรียกร้องให้มีการขยายการสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์จากรัฐบาล และเขาผลักดันให้มีการจัดตั้ง มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
การเสียชีวิต
[แก้]หลังจากป่วยด้วยโรคหลอดเลือดในสมอง บุชเสียชีวิตใน เมืองเบลมอนต์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ขณะอายุได้ 84 ปี จากโรคปอดบวม เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1974 ภรรยาของบุชเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1969 [4] เขาถูกฝังอยู่ที่สุสานเซาธ์เดนนิสใน เซาท์เดนนิส รัฐแมสซาชูเซตส์ [5] หลังจากพิธีศพแบบปิด ที่อนุสรณ์สาธารณะซึ่งจัดโดย MIT ต่อมา [6] เจอโรม ไวสเนอร์ ประกาศว่า "ไม่มีชาวอเมริกันคนใดมีอิทธิพลต่อการเติบโตของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากไปกว่า แวนนีวาร์ บุช" [4]
รางวัลและเกียรติประวัติ
[แก้]- บุชได้รับ เหรียญรางวัลเอดิสัน จาก เอไออีอี ในปี ค.ศ. 1943 "สำหรับการสนับสนุนความก้าวหน้าของวิศวกรรมไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการพัฒนาการประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์ใหม่กับปัญหาทางวิศวกรรม และสำหรับบริการที่โดดเด่นของเขาต่อประเทศชาติในการชี้นำโครงการวิจัยสงคราม " [7]
- ในปี ค.ศ. 1945 บุชได้รับ รางวัลเหรียญสวัสดิการสาธารณะ จาก สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ [8]
- ในปี ค.ศ. 1949 เขาได้รับ เหรียญไออาร์ไอ จาก สถาบันวิจัยอุตสาหกรรม เพื่อยกย่องการมีส่วนร่วมของเขาในฐานะผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนา [4]
- ประธานาธิบดี แฮร์รี ทรูแมนได้มอบรางวัล บุชเดอะเมดัลออฟเมริต ด้วยพวงใบโอ๊กสีบรอนซ์ในปี ค.ศ. 1948
- ประธานาธิบดี ลินดอน จอห์นสัน มอบรางวัล เหรียญวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ในปี ค.ศ. 1963 [9]
- ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน มอบรางวัล อะตอมิกไพโอเนียร์สอะวอร์ด จาก คณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณู ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1970 ให้แก่เขา เช่นเดียวกับ เจมส์ บี. โคนันต์ และนายพล เลสลี อาร์. โกรฟส์ [10]
- บุชได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ผู้บัญชาการอัศวินของภาคีแห่งจักรวรรดิอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1948 และเป็นเจ้าหน้าที่ กองทหารเกียรติยศ ของฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1955 [4]
ในปี ค.ศ. 1980 มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้ก่อตั้ง รางวัลแวนนิวาร์บุชอะวอร์ด เพื่อเป็นเกียรติแก่ผลงานของเขาในการรับใช้สาธารณะ [11] เอกสารเพิ่มเติมจัดทำโดย MIT Institute Archives and Special Collections, Carnegie Institution และ National Archives and Records Administration [12] [13] [14]
- ↑ "Vannevar Bush". Computer Science Tree. สืบค้นเมื่อ November 8, 2015.
- ↑ 2.0 2.1 Meyer, Michal (2018). "The Rise and Fall of Vannevar Bush". Distillations. Science History Institute. 4 (2): 6–7. สืบค้นเมื่อ August 20, 2018.
- ↑ Houston, Ronald D.; Harmon, Glynn (2007). "Vannevar Bush and memex". Annual Review of Information Science and Technology. 41 (1): 55–92. doi:10.1002/aris.2007.1440410109.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 Wiesner 1979.
- ↑ "Dennis 1974 Annual Town Reports" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2014-07-14. สืบค้นเมื่อ June 14, 2012.
- ↑ Zachary 1997.
- ↑ "Vannevar Bush". IEEE Global History Network. IEEE. สืบค้นเมื่อ July 25, 2011.
- ↑ "Public Welfare Award". National Academy of Sciences. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 4, 2011. สืบค้นเมื่อ February 14, 2011.
- ↑ "The President's National Medal of Science". National Science Foundation. สืบค้นเมื่อ April 22, 2012.
- ↑ Nixon, Richard (February 27, 1970). "Remarks on Presenting the Atomic Pioneers Award". The American Presidency Project. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 1, 2013. สืบค้นเมื่อ April 22, 2012.
- ↑ "Vannevar Bush Award". National Science Foundation. สืบค้นเมื่อ April 22, 2012.
- ↑ "Vannevar Bush Papers, 1921–1975". MIT Institute Archives & Special Collections. MC 78. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-15. สืบค้นเมื่อ May 26, 2012.
- ↑ "Vannevar Bush Papers 1901–1974". Library of Congress. สืบค้นเมื่อ May 21, 2012.
- ↑ "Carnegie Institution of Washington Administration Records, 1890–2001". Carnegie Institution of Washington. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-06-19. สืบค้นเมื่อ May 21, 2012.