ไบโอช็อก อินฟินิต
ไบโอช็อก อินฟินิต | |
---|---|
ผู้พัฒนา | Irrational Games[a] |
ผู้จัดจำหน่าย | 2K Games |
กำกับ | Ken Levine |
อำนวยการผลิต | Adrian Murphy |
โปรแกรมเมอร์ | Christopher Kline |
ศิลปิน | Scott Sinclair |
เขียนบท | Ken Levine |
แต่งเพลง | Garry Schyman |
ชุด | BioShock |
เอนจิน | อันเรียลเอนจิน 3 |
เครื่องเล่น | |
วางจำหน่าย | 26 มีนาคม 2013
|
แนว | วิดีโอเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง |
รูปแบบ | วิดีโอเกมผู้เล่นเดี่ยว |
ไบโอช็อก อินฟินิต (อังกฤษ: BioShock Infinite) เป็นวิดีโอเกมแนวเดินยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งที่พัฒนาโดย Irrational Games และจัดจำหน่ายโดย 2K Games ทั่วโลกในระบบ Microsoft Windows, PlayStation 3 และ Xbox 360 เมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 และได้รับการพัฒนาข้ามระบบลง OS X โดย Aspyr เมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556 Bioshock Infinite เป็นเกมที่ 3 ในชุด ไบโอช็อค ซีรีส์ แม้จะไม่ใช่ภาคต่อโดยตรงของเกมก่อนๆ ก็ตาม แต่ก็มีแนวทางการเล่นและธีมของเรื่องที่คล้ายคลึงกัน แนวคิดหลักของเกมนี้พัฒนาโดย Ken Levine หัวหน้าฝ่ายครีเอทีฟของ Irrational ซึ่งรับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ช่วงเข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ 20 รวมถึงเหตุการณ์ปัจจุบันอย่างการประท้วงทางเศรษฐกิจในปัจจุบันด้วย
เกมดำเนินเรื่องในช่วงปี ค.ศ. 1912 ซึ่งแนวคิดชาตินิยมอเมริกันแบบสุดโต่งกำลังเฟื่องฟู ตัวเอกชื่อ Booker DeWitt เป็นอดีตนักสืบของสำนักงานนักสืบ Pinkerton ถูกส่งไปยังเมืองลอยฟ้า Columbia เพื่อตามหาหญิงสาวชื่อ Elizabeth ที่ถูกกักขังไว้ แม้จะช่วยเหลือออกมาได้สำเร็จแต่ทั้งสองก็เข้าไปมีส่วนพัวพันในการรบระหว่างกลุ่มชาตินิยมผู้ก่อตั้ง Columbia ที่มีเป้าหมายปกป้องเมืองลอยฟ้าให้กับชาวอเมริกันโดยกำเนิด กับกลุ่มกบฏ Vox Populi ("เสียงของประชาชน") ของชนชั้นแรงงาน ในช่วงนี้ Booker ก็ได้รู้ถึงความสามารถพิเศษของ Elizabeth ที่สามารถแหวกช่องว่างกาล-อวกาศ ได้ และได้พบว่าเธอเป็นศูนย์กลางของความลับของเมืองนี้
ผู้เล่นรับบทเป็นตัวละคร Booker ตลอดเกม และร่วมผจญภัยไปกับ Elizabeth ซึ่งควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ ผู้เล่นสามารถผสมผสานการใช้อาวุธ อุปกรณ์ และพลังพิเศษที่ได้จาก vigor ("พลังงาน") ในการต่อสู้กับศัตรู ในลักษณะเดียวกันกับเกมก่อนๆ ในชุด BioShock นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถใช้พลังพิเศษของ Elizabeth ช่วยในการต่อสู้ได้อีกด้วย ฉากในเกมนี้คือเมืองลอยฟ้า Columbia มีลักษณะเป็นพื้นที่เปิด ซึ่งต่างจากเมืองใต้น้ำใน Rupture จากภาคก่อนๆ ที่เป็นพื้นที่ปิด จึงมีความท้าทายในรูปแบบการเล่นที่แตกต่างออกไป รวมถึงส่วนประกอบสำคัญของฉากอย่างระบบราง Sky-Line ที่ให้ผู้เล่นห้อยโหนระหว่างพื้นที่ได้ เกมนี้มีเนื้อหาเสริมให้ดาวน์โหลดเป็นภารกิจที่มีเนื้อเรื่องชุด Burial at Sea ("ฝังไว้ในทะเล") ที่เชื่อมโยงเนื้อรองของ Infinite เข้ากับเกม BioShock สองภาคแรก
หลังเกม BioShock Infinite เปิดตัวที่งาน E3 2011 ก็ได้รับรางวัลในฐานะเกมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวกว่า 85 รางวัล ในจำนวนนี้รวมถึงรางวัลผลงานแสดงยอดเยี่ยมจาก Game Critics Awards และเมื่อวางจำหน่ายแล้วก็ได้รับคำวิจารณ์เชิงชื่นชมอย่างกว้างขวางโดยผู้วิจารณ์ส่วนใหญ่ชื่นชมเนื้อเรื่อง ฉาก และภาพที่สวยงาม แม้จะมีข้อถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นเกี่ยวกับความเชื่อทางการเมืองและศาสนา และภาพที่รุนแรงก็ตาม ใน 2 เดือนแรกหลังวางจำหน่าย BioShock Infinite ขายได้แล้วกว่า 3.7 ล้านชุด และจนถึงปัจจุบันก็ขายไปแล้วกว่า 4 ล้านชุด และยังได้รับรางวัลและถูกเสนอชื่อเข้ารับรางวัลประจำปีจากสถาบันต่างๆ ในจำนวนนี้รวมถึงรางวัลงานศิลป์ยอดเยี่ยมและเนื้อเรื่องยอดเยี่ยมจาก Inside Gaming awards และรางวัลเกมยิงยอดเยี่ยมจาก Spike VGX award และยังถูกกล่าวถึงบ่อยๆ ว่าเป็นเกมที่ดีที่สุดเกมหนึ่งในปี พ.ศ. 2556
เรื่องย่อ
[แก้]ฉาก
[แก้]ฉากหลังของ BioShock Infinite คือช่วงปี ค.ศ. 1912 ในเมือง Columbia ซึ่งเป็นเมืองสมมติ ลอยอยู่บนฟ้าได้ด้วย "การลอยแบบควอนตัม"[4] ประกอบกับบอลลูนและเครื่องบิน ตั้งชื่อตามอีกชื่อหนึ่งของสหรัฐอเมริกา[5] เมืองนี้แรกเริ่มถูกสร้างโดยทางการสหรัฐฯ เพื่อจัดงานเวิลด์แฟร์ลอยฟ้า[6] แรกก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1893 ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก[7][8] และถูกส่งให้เดินทางไปยังทวีปต่างๆ เพื่อเผยแพร่ความยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกา[6][9] อย่างไรก็ดีเมื่อเวลาผ่านไปก็มีการเปิดเผยว่าจริงๆ แล้ว Columbia เป็นเรือรบประสิทธิภาพสูง และมีส่วนสำคัญในอุบัติเหตุระหว่างประเทศโดยเปิดฉากยิงใส่ประชาชนชาวจีนในช่วงเหตุการณ์กบฏนักมวย เมื่อค.ศ. 1901[10][11] จากนั้นจึงถูกปฏิเสธจากทางการสหรัฐฯ ทำให้ Columbia ถอนตัวออกจากสหรัฐฯ และซ่อนตัวหายไปในหมู่เมฆ จนไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ใด[11][12]
Columbia ปกครองโดยรัฐเทวาธิปไตยที่คล้ายคลึงแต่ไม่ใช่ศาสนาคริสต์ นับถือบูชาเหล่าบิดาผู้ก่อตั้งสหรัฐอเมริกา[13] ดูภายนอกเหมือนเป็นเมืองในอุดมคติแต่มีความเลวร้ายซ่อนอยู่เบื้องหลัง[14] มีการเหยียดเผ่าพันธุ์และทั่วไปในสังคม และเชื่อว่าคนผิวขาวนั้นสูงส่งกว่า ควรได้รับสิทธิพิเศษต่างจากคนอื่น[15][16] ชาติพันธุ์อื่นที่อาศัยใน Columbia จะถูกกดขี่ อาจถูกนำไปเป็นทาสหรือคนรับใช้[17] มีการสนับสนุนการเหยียดผิวอย่างมาก[16]จนถึงกับว่าผู้ที่สมรสข้ามชาติพันธุ์จะถูกประชาทัณฑ์ต่อหน้าสาธารณะ[18][19] การกดขี่เช่นนี้ทำให้ชาติพันธุ์อื่นๆ มีจำนวนน้อย และต้องทำงานแรงงานโดยไม่มีโอกาสที่จะดึงตัวเองขึ้นมาได้[20]
ในช่วงเวลาของเหตุการณ์ในเกมนั้น ความตึงเครียดทางการเหยียดเชื้อชาติสูงถึงจุดที่กำลังจะเกิดสงครามกลางเมืองระหว่างกลุ่มผู้ก่อตั้งที่มีอำนาจปกครอง กับกลุ่มผู้ต่อต้าน "Vox Populi" ซึ่งมีแนวคิดเป็นขั้วตรงข้ามอยู่รอมร่อ[21] กลุ่มผู้ก่อตั้งคือผู้มีอำนาจทางการเมือง มีแนวคิดชาติพันธุ์นิยมสุดโต่ง มีอำนาจปกครอง Columbia พวกนี้พยายามรักษา Columbia ให้เป็นเมืองของชาวอเมริกันคนขาวแต่เพียงกลุ่มเดียว โดยไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติมีสิทธิ์ต่างๆ[22] ส่วนเหล่า Vox Populi (ภาษาละติน "เสียงของประชาชน") คือกลุ่มของผู้ที่ต่อต้านแนวคิดชาติพันธุ์นิยมแบบสุดโต่งของ Columbia หลายๆ กลุ่ม มารวมกันเป็นกลุ่มเดียว พวกเขาต่อสู้เพื่อยึดอำนาจปกครองและคืนสิทธิ์ที่เสมอภาคให้กับชาว Columbia โดยไม่แบ่งแยกชาติพันธุ์และศาสนา อย่างไรก็ดีเมื่อต้องต่อสู้ต่อเนื่องยาวนานหลายปี ก็ทำให้กลุ่ม Vox Populi ต่อสู้ด้วยความเกลียดชังเป็นที่ตั้ง จนใช้วิธีการที่รุนแรงและโหดร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ[22]
นอกจากความขัดแย้งภายในแล้ว Columbia ยังถูกคุกคามด้วย "รอยแยก" (Tears) ในกาล-อวกาศอีกด้วย[23][24] รอยแยกเหล่านี้เป็นผลพวงมาจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของ Columbia ซึ่งเป็นช่องทางเปิดไปยังโลกคู่ขนาน และอาจสามารถเดินทางข้ามไปมาระหว่างโลกคู่ขนานนี้ได้[25] คนส่วนใหญ่ใน Columbia ถือว่ารอยแยกเหล่านี้เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่ไม่น่าสนใจ[26]แต่บางคนก็ใช้ประโยชน์จากรอยแยกเหล่านี้ที่ทำให้สามารถเข้าถึงความรู้ที่นำไปสร้างอาวุธและเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ บางคนยังรับเอาบทเพลงและดนตรีที่ได้ยินผ่านรอยแยกมาคัดลอกเผยแพร่อีกด้วย[27] ทำให้ภาพของเมือง Columbia ใน ค.ศ. 1912 มีความไม่เข้ากันทางประวัติศาสตร์ศิลปะปรากฏอยู่ให้เห็น[28]
เช่นเดียวกับในเกม BioShock และ BioShock 2 ผู้เล่นสามารถค้นหาเทปบันทึกเสียง (Voxophone) และเทปบันทึกภาพ (Kinetoscope) ชมได้ในระหว่างการเล่นเกม ซึ่งเนื้อหาในเทปเหล่านี้จะช่วยอธิบายเรื่องราวเบื้องหลังของ Columbia ที่มีรายละเอียดมากกว่าการเล่นเกมปกติ[29] ทั้งนี้แม้เกมนี้จะดำเนินเรื่องก่อนเหตุการณ์ใน BioShock สองภาคแรก (BioShock เกิดในปี ค.ศ. 1960 และ BioShock 2 เกิดในปี ค.ศ. 1968) แต่ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเรื่องราวใน Infinite เกิดในเส้นเวลาเดียวกันกับเกมทั้งสองภาคนี้หรือไม่[30]
ตัวละคร
[แก้]ผู้เล่นรับบทเป็น Booker DeWitt (Troy Baker) อดีตสมาชิกของสำนักงานนักสืบ Pinkerton มีบาดแผลทางใจจากความรู้สึกผิดต่อสิ่งที่ทำลงไปในการรบที่ Wounded Knee[31] เมื่อมีหนี้สินจำนวนมากเขาจึงถูกจ้างวานให้เดินทางไปยัง Columbia เพื่อช่วยเหลือ Elizabeth (Courtnee Draper) หญิงสาวที่ถูกจองจำไว้ตั้งแต่เด็ก[6] ซึ่งมีความสามารถพิเศษเปิดรอยแยกได้[23] เธอถูกจองจำไว้ภายใต้ความควบคุมของ Songbird หุ่นยนต์ยักษ์รูปนกที่เป็นทั้งเพื่อนและผู้คุมของเธอ และเมื่อ Elizabeth พยายามหนีก็รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง[23]
"พระบิดา" Zachary Hale Comstock (Kiff VandenHeuvel) ตัวร้ายหลักของเรื่อง เป็นผู้ก่อตั้ง Columbia และผู้นำเหล่าผู้ก่อตั้งที่มีอำนาจควบคุมเมืองนี้[32] ชาวเมือง Columbia เรียกเขาว่า The Prophet ("ศาสดาพยากรณ์") และนับถือเหมือนพระเจ้า[33] Comstock คงอำนาจไว้ได้ผ่านลัทธิบูชาบุคคลที่ดัดแปลงมาจากคริสต์ศาสนาและเหล่าบิดาของสหรัฐอเมริกา[13] เหล่าผู้ก่อตั้งถูกต่อต้านโดยกลุ่ม Vox Populi นำโดย Daisy Fitzroy (Kimberly Brooks) ซึ่งแรกเริ่มแล้วถูก "สร้าง" ขึ้นมาโดย Comstock เพื่อเป็นแพะให้กับความขัดแย้งทางสังคมที่เกิดขึ้น และนำไปสู่ความเป็นรัฐตำรวจของ Columbia[34] โดย Fitzroy ยอมขึ้นเป็นผู้นำกลุ่ม เนื่องจากมีความเกลียดชังต่อการกระทำของเหล่าผู้ก่อตั้ง[35]
Robert Lutece (Over Vaquer) และ Rosalind Lutece (Jennifer Hale) เป็นบุคคลลึกลับที่นำ Booker มายัง Columbia และปรากฏตัวขึ้นอีกหลายครั้งระหว่างการผจญภัยของเขา แม้ภายนอกจะดูเหมือนเป็นฝาแฝดแต่จริงๆ แล้ว ทั้งสองคือคนคนเดียวกันจากคนละโลกคู่ขนาน ที่สุดท้ายแล้วพบหนทางที่จะเดินทางผ่านมิติได้ โดย Rosalind เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีวิเศษที่ทำให้ Columbia ลอยอยู่บนฟ้าได้[36][37]
เนื้อเรื่อง
[แก้]ค.ศ. 1912 Booker DeWitt ถูก Robert และ Rosalind Lutece พาตัวไปยังประภาคารบนเกาะ นอกชายฝั่งรัฐเมน เมื่อถูกบอกว่า "เอาเด็กผู้หญิงมา แล้วหนี้ของคุณจะถูกล้าง" Booker จึงเข้าไปในกระสวยจรวด ซึ่งพาเขาไปยัง Columbia[38]
ใน Columbia นั้น Booker ถูกทางการตามล่า เนื่องจากเขามีรอยสัก "AD" ที่หลังมือขวา ซึ่งตรงกับลักษณะของ "False Shepherd" ("ผู้ชี้ทางหลอก") ซึ่งจะมาล่อลวง Elizabeth และทำลายเมือง Columbia[19][39] หลังจากช่วย Elizabeth ออกมาจากหอคอยได้อย่างหวุดหวิดจากหุ่นยนต์ยักษ์ "Songbird" ที่คอยคุมตัวเธออยู่ ทั้งสองขึ้นเรือเหาะโดย Booker แกล้งบอก Elizabeth ว่าจะพาไปปารีสตามที่เธอต้องการ แต่เมื่อเธอรู้ทันว่าสถานที่ที่ทั้งสองกำลังจะเดินทางไปจริงๆ แล้วคือนิวยอร์ก เธอจึงทำร้าย Booker จนสลบไป เมื่อตื่นขึ้นมาเขาก็พบว่าเรือเหาะถูกยึดโดย Daisy Fitzroy และกลุ่มกบฏ Vox Populi ซึ่งเสนอเงื่อนไขว่าจะคืนเรือเหาะให้ถ้า Booker ไปเอาอาวุธมาแลก
หลังจากหาตัว Elizabeth เจอแล้ว Booker ก็เดินทางต่อไปพร้อมกับเธอ เมื่อ Elizabeth ได้ใช้พลังเปิดรอยแยกบ่อยครั้งเข้าก็เริ่มพบว่าการเปลี่ยนมิติมีผลกระทบตามมามากมายทั้งต่อ Booker และต่อ Columbia ซึ่งทำให้เธอไม่สบายใจอย่างมาก รอยแยกหนึ่งนำไปสู่โลกที่ Booker กลายเป็นสมาชิก Vox Populi ผู้สละชีพเพื่ออุดมการณ์ นำไปสู่สงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย เมื่อ Fitzroy ในโลกนี้ พบว่า Booker ที่ควรจะตายไปแล้วยังมีชีวิตอยู่ จึงเชื่อว่าการที่ Booker ยังมีชีวิตจะทำให้การเสียสละของ Booker ที่ตายไปแล้วสูญเปล่า จึงให้ทหารของเธอหันมาไล่ล่า Booker จนในที่สุด Elizabeth ก็ได้ฆ่า Fitzroy เพื่อป้องกันไม่ให้เธอฆ่าเด็กน้อยที่เป็นลูกชายของผู้ก่อตั้ง
ขณะที่ทั้งสองกำลังใช้เรือเหาะเดินทางไปต่อ Songbird ก็เข้าโจมตีทำให้เรือเหาะตกลงมายัง Columbia อีกครั้ง เมื่อเดินทางต่อไปทั้งสองก็ได้รับรู้ถึงเรื่องสมคบคิดเบื้องหลังการก่อตั้งเมืองนี้ เช่นเรื่องที่ Zachary Hale Comstock ให้ "ฝาแฝด" Lutece สร้าง Siphon ("ท่อเชื่อม") ขึ้นเพื่อยับยั้งพลังของ Elizabeth เอาไว้ เรื่องที่แม้ Comstock จะเลี้ยงเธอเพื่อให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของเขา แต่เธอก็ไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของ Comstock และเรื่องที่ Comstock วางแผนฆ่าภรรยาของตัวเองและพวก Lutece เพื่อปิดบังความจริงจากคนภายนอก จากนั้นเมื่อ Elizabeth ถูก Songbird จับตัวไป Booker ก็ไล่ตามไปจนถูกดึงไปสู่อนาคตได้พบกับ Elizabeth วัยชรา เธออธิบายว่าในตอนนั้นที่ Booker ไม่สามารถรั้งตัวเธอไว้จาก Songbird ได้ เธอก็ถูกทรมานและล้างสมองต่อเนื่องหลายสิบปี จนในที่สุดก็ต้องรับช่วงต่อจาก Comstock และทำสงครามกับโลกทั้งโลก เธอบอกอีกว่า Songbird จะคอยปกป้องเธอไม่ให้ถูกพาตัวไป จึงอ้อนวอนให้ Booker หยุด Songbird ให้ได้ด้วยเสียงเพลง และพาตัวเขากลับมายังปัจจุบัน[40]
Booker ตามหา Elizabeth ในปัจจุบันจนพบ ทั้งสองไล่ล่าไปจนเจอ Comstock ที่เรือเหาะของเขา ที่นั่น Comstock ขู่ให้ Booker อธิบายอดีตที่แท้จริงของ Elizabeth ให้เธอฟัง Booker โกรธจัดจึงสังหาร Comstock ด้วยการจับกดน้ำ และปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องราวใดๆ ในอดีตของ Elizabeth รวมทั้งนิ้วก้อยที่หายไปของเธอด้วย แต่ Elizabeth บอกว่าจริงๆ แล้ว Booker รู้ เพียงแต่ลืมไป ทั้งสองใช้เสียงเพลงควบคุม Songbird เข้าต่อสู้กับการโจมตีของ Vox Populi และให้ Songbird ทำลายหอคอย Siphon เมื่อเสียการควบคุม Songbird พยายามโจมตี Booker อีกครั้ง แต่ Elizabeth ที่ได้พลังทั้งหมดคืนมาแล้วก็เปิดรอยแยกพาทั้งสองไปยังเมืองใต้น้ำ Rapture[note 1] ในขณะที่ Songbird ถูกแรงดันน้ำกดจนถูกทำลายไป[41]
Elizabeth พา Booker ขึ้นมาบนผิวน้ำ และได้พบกับประภาคารมากมาย เธออธิบายว่าประภาคารที่เห็นนี้มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน แต่ละอันแทนโลกในมิติคู่ขนานอื่นๆ ที่ในนั้นมีทั้ง Elizabeth และ Booker ในรูปแบบอื่นๆ จากทางเลือกอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน[42] เธอแสดงภาพให้ Booker เห็นว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1893 Comstock ส่ง Robert Lutece มาหา Booker เรียกร้องให้ "เอาเด็กผู้หญิงมา แล้วหนี้ของคุณจะถูกล้าง" ซึ่งหมายถึงเขาต้องการตัวลูกสาวของ Booker คือ Anna DeWitt แม้ Booker จะลังเลแต่ก็ตอบตกลงมอบลูกสาวให้ Lutece ไป ทว่าก็เปลี่ยนใจในไม่ช้าและรีบไล่ตามไปจนพบ Comstock กำลังพาตัวลูกสาวของเขาข้ามรอยแยกไปยังอีกโลกหนึ่ง หลังจากยื้อยุดกันอยู่ทั้ง Comstock และลูกสาวของเขาก็หลุดผ่านเข้าไปยังอีกโลกหนึ่งได้แต่รอยแยกที่ปิดลงก็ทำให้นิ้วก้อยของ Elizabeth ถูกตัดค้างอยู่ที่โลกของเขา Booker เสียใจมากจึงสักชื่อย่อ AD ลงบนหลังมือขวา ตรงกันกับตราประทับของ False Shepherd ส่วนทาง Comstock ก็เลี้ยง Anna เหมือนเป็นลูกของตัวเองภายใต้ชื่อใหม่ว่า Elizabeth และเนื่องจากเธอมีชิ้นส่วนของร่างกายตกค้างอยู่ในสองโลก จึงมีพลังสร้างรอยแยกและเดินทาข้ามรอยแยกได้โดยอิสระ[43] Robert Lutece ไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำของ Comstock จึงชักชวน Rosalind ให้มาช่วยกันพา Booker จากโลกนี้ เดินทางไปยังโลกที่มี Columbia เพื่อช่วยเหลือ Elizabeth[37][43]
Elizabeth ยังอธิบายต่ออีกว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็จะยังคงมี Comstock อยู่ในโลกคู่ขนานอื่นๆ เสมอ เห็นได้จากการที่พวก Lutece ได้พา Booker หลายต่อหลายคน จากหลายต่อหลายโลกคู่ขนาน มาทำภารกิจช่วยเหลือ Elizabeth เพื่อหาทางจบวงจรให้ได้[40] วิธีที่จะหยุด Comstock ได้จริงๆ คือการทำลายเขาตั้งแต่ตอนเกิด Elizabeth จึงพา Booker ย้อนเวลาไปตอนที่เขาจะเข้าพิธีศีลจุ่มที่เขาต้องการจะเข้าร่วมเพื่อล้างความรู้สึกผิดบาปที่ทำเอาไว้ที่การสังหารหมู่ที่ Wounded Knee เธออธิบายต่อว่าแม้ Booker คนนี้ จะเปลี่ยนใจไม่เข้าทำพิธีศีลจุ่ม แต่ Booker ในโลกคู่ขนานอื่นเลือกที่ทำพิธีจนเสร็จสิ้น และได้ "เกิดใหม่" ในชื่อใหม่ Zachary Comstock[40] โดย Comstock คนนี้ เมื่อได้ใช้ประโยชน์จากเครื่องข้ามมิติของ Lutece จนเกิดผลข้างเคียงกลายเป็นหมันไม่สามารถมีลูกได้ ก็ได้ลักพาตัว Anna มา เพื่อให้มีทายาทสืบสกุลปกครอง Columbia เมื่อทราบดังนี้แล้ว Booker จึงยอมให้ Elizabeth จากมิติต่างๆ ช่วยกันจับเขากดน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดมีตัวเขาที่ผ่านการทำพิธีศีลจุ่ม ไม่ให้เกิดมีตัวตนของ Comstock ขึ้น จากนั้น Elizabeth ก็ค่อยๆ หายไปทีละคน เหลือเห็นเพียงคนสุดท้าย จอเกมดับเป็นสีดำก่อนที่ผู้เล่นจะได้เห็นว่า Elizabeth คนนี้ หายไปด้วยหรือไม่[43]
ฉากหลังรายชื่อผู้จัดทำคือมี Booker คนหนึ่ง[note 2]ตื่นขึ้นในห้องของเขาเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 1893 เขาเรียกหา Anna และไปเปิดประตูห้องเดินเข้าไปหาเปลเด็ก จอเกมเลือนเป็นสีดำก่อนที่ผู้เล่นจะทันเห็นว่าในเปลมีเด็กทารกอยู่หรือไม่[43]
การเล่น
[แก้]เช่นเดียวกันกับ BioShock และ BioShock 2 เกม BioShock Infinite เป็นเกมแนวเดินยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งที่มีส่วนประกอบของเกมสวมบทบาทสอดแทรก ทั้งนี้เมื่อเทียบกับฉากที่เป็นพื้นที่ปิดอย่างเมืองใต้น้ำ Rapture ในเกม 2 ภาคแรก แล้ว เมือง Columbia ในเกมภาคนี้ มีฉากหลังที่เปิดกว้างกว่ามาก เป็นโอกาสให้ผู้เล่นได้ต่อสู้ในการต่อสู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปมาตลอดเวลา ผู้เล่นรับบทเป็นตัวละคร Booker และต้องต่อสู้กับศัตรูใน Columbia โดยใช้อาวุธและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อทำภารกิจให้ลุล่วงไปเป็นข้อๆ ผู้เล่นสามารถถืออาวุธได้มากที่สุด 2 อัน และสามารถเก็บอาวุธและลูกกระสุนได้จากร่างของศัตรูที่ถูกกำจัดแล้วหรือตามสถานที่ต่างๆ ในเมือง นอกจากพลังชีวิต (Health) แล้ว ผู้เล่นยังมีเกราะอีกชั้นหนึ่งด้วย เกราะนี้เป็นแถบพลังที่มีขีดจำกัด คอยปกป้องพลังชีวิตหลักเอาไว้อีกขั้นหนึ่ง เมื่อถูกทำลายแล้วสามารถฟื้นกลับขึ้นเต็มได้เอง ในขณะที่พลังชีวิตนั้นฟื้นเองไม่ได้ ผู้เล่นจะต้องเก็บไอเท็มเติมพลังชีวิตจากฉาก เช่น ชุดอุปกรณ์การแพทย์ หรืออาหาร หากผู้เล่นพลาดจนตายจะฟื้นขึ้นมาใหม่ในพื้นที่ปลอดภัย เสียเงินเล็กน้อย ได้พลังชีวิตคืนมาบางส่วน ได้ลูกกระสุนเพิ่ม ในขณะที่ศัตรูในบริเวณใกล้เคียงก็จะมีพลังชีวิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน ทั้งนี้แม้จะเสียเงินไปจนหมดผู้เล่นก็ยังสามารถฟื้นขึ้นมาใหม่ได้
การพัฒนา
[แก้]Irrational พัฒนาเกมนี้อย่างเป็นความลับเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง นับตั้งแต่ทำเกม BioShock ภาคแรกเสร็จ จนถึงวันที่ประกาศการสร้างเกมนี้อย่างเป็นทางการ
ดนตรีประกอบ
[แก้]ดนตรีแต่งใหม่สำหรับประกอบเกมนี้แต่งโดย Garry Schyman ซึ่งเคยแต่งดนตรีประกอบให้กับเกม BioShock สองภาคแรกมาก่อนแล้ว[44]
บันทึก
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]- ↑ Additional work by 2K Australia[1] and Human Head Studios.[2] The OS X port was developed by Aspyr.[3]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Pitcher, Jenna (February 12, 2013). "2K Australia's role in BioShock Infinite's development". Polygon. Vox Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 14, 2014. สืบค้นเมื่อ September 17, 2014.
- ↑ R. Conklin, Aaron (กรกฎาคม 24, 2014). "Inside the minds of Human Head Studios". Isthmus. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ เมษายน 14, 2017. สืบค้นเมื่อ กรกฎาคม 24, 2014.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อAspyr
- ↑ Irrational Games (2013-03-26). BioShock Infinite. 2K Games. Level/area: Downtown Emporia.
Rosalind Lutece (via Voxophone) - "I had trapped the atom in the mid-air. Colleagues called my Lutece Field quantum levitation, but in fact, it was nothing of the sort. Magicians levitate - my atom simply failed to fall. If an atom could be suspended indefinitely, well-- why not an apple? If an apple, why not a city?"
- ↑ Narcisse, Evan (2013-03-06). "Even in BioShock Infinite's Alternate History, America Was a Woman. But Not a Nice One". Kotaku. สืบค้นเมื่อ 2013-11-01.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อInfinite official
- ↑ "BioShock Infinite - 2K Games". 2K Games. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-11-11. สืบค้นเมื่อ 2013-11-11.
- ↑ Livingston, Christopher (2013-03-25). "Reality Check: BioShock Infinite". PC Gamer. สืบค้นเมื่อ 2013-11-11.
- ↑ Koski, Olivia (2010-08-12). "First Look: BioShock Infinite Satirizes American Imperialism, in the Sky". Wired. สืบค้นเมื่อ 2010-08-12.
- ↑ Boxer, Steve (2010-08-20). "Bioshock Infinite: hands-on at Gamescom". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 2010-08-20.
- ↑ 11.0 11.1 Irrational Games (2013-01-28). "Columbia: A Modern Day Icarus?". YouTube. สืบค้นเมื่อ 2013-11-11.
- ↑ Cowen, Nick (2011-06-09). "E3 2011: BioShock Infinite preview". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 2011-06-09.
- ↑ 13.0 13.1 Sydell, Laura (2013-04-01). "'Bioshock Infinite': A First-Person Shooter, A Tragic Play". NPR. สืบค้นเมื่อ 2013-04-01.
- ↑ Prescott, Shaun (2013-03-04). "Interview: BioShock Infinite designer on utopias and dystopias". ComputerAndVideoGames.com. สืบค้นเมื่อ 2013-11-05.
- ↑ Shibley, Billy (2011-05-23). "E3 2011: Irrational's Tim Gerritsen on BioShock Infinite". Machinima.com. สืบค้นเมื่อ 2013-12-26.
- ↑ 16.0 16.1 Irrational Games (2013-03-26). BioShock Infinite. 2K Games. Level/area: Finkton Proper / Good Time Club.
Zachary Hale Comstock (via Voxophone) - "To tax the black more than the white, is that not cruel? To forbid the mixing of the races, is that not cruel? To give the vote to the white man, and deny it to the yellow, the black, the red-- is that not cruel? Hm. But is it not cruel to banish your children from a perfect garden? Or drown your flock under an ocean of water? Cruelty can be instructive, and what is Columbia, if not the schoolhouse of the Lord?"
- ↑ Irrational Games (2013-03-26). BioShock Infinite. 2K Games. Level/area: Soldier's Field.
Daisy Fitzroy (via Voxophone) - "Days at Comstock House was simple. Hard work, sure, but simple. Wringin' the linens, scrubbing the floors... Lady Comstuck, she even had a kind word, now and then. Almost enough to make me think I had a place in their world. God made foolish girls so HE could have something to play with."
- ↑ Morales, Aaron (2013-02-14). "'BioShock Infinite': Creator Ken Levine on violence in games and the world of 'BioShock'". Entertainment Weekly. สืบค้นเมื่อ 2013-02-18.
- ↑ 19.0 19.1 Mutelef, Jeffrey (2012-12-07). "BioShock Infinite preview: back on track?". Eurogamer. สืบค้นเมื่อ 2012-12-07.
- ↑ Irrational Games (2013-03-26). BioShock Infinite. 2K Games. Level/area: Raffle Square.
Jeremiah Fink (via Voxophone) - "I told you, Comstock – you sell ‘em paradise, and the customers expect cherubs for every chore! No menials in God’s kingdom! Well, I’ve a man in Georgia who’ll lease us as many Negro convicts as you can board! Why, you can say they’re simple souls, in penance for rising above their station. Whatever eases your conscience, I suppose."
- ↑ Irrational Games (2013-03-26). BioShock Infinite. 2K Games. Level/area: Finkton Docks.
Daisy Fitzroy - "There's already a fight, DeWitt. Only question is, whose side are you on? Comstock is the god of the white man, the rich man, the pitiless man. But if you believe in common folk, then join the Vox. If you believe in the righteous folk, then join the Vox."
- ↑ 22.0 22.1 Bertz, Matt (2010-09-12). "Columbia: A City Divided". Game Informer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-09-16. สืบค้นเมื่อ 2010-09-12.
- ↑ 23.0 23.1 23.2 Goldstein, Hilary (2011-05-23). "E3 2011: BioShock Infinite – Beware the Songbird". IGN. สืบค้นเมื่อ 2011-05-24.
- ↑ Nguyen, Thierry (2011-05-23). "BioShock Infinite Jumps From 1912 to 1983 And Back". 1UP.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-19. สืบค้นเมื่อ 2011-05-23.
- ↑ Irrational Games (2013-03-26). BioShock Infinite. 2K Games. Level/area: Emporia.
Rosalind Lutece (via Voxophone) - "Brother, what Comstock failed to understand is that our contraption is a window not into prophecy, but probability. But his money means the Lutece Field cannot become the Lutece Tear -- a window between worlds. A window through which you and I might finally be together."
- ↑ Irrational Games (2013-03-26). BioShock Infinite. 2K Games. Level/area: The Factory.
Jeremiah Fink (via Voxophone) - "These holes have shown me yet another wonder, though I've yet to see the application for it. They illuminate a merger of machine and man that is somehow the lesser, yet the greater, of both parties. The process seems to be irreversible. Perhaps, though, Comstock will have some need of this kind of thing to keep watch in that tower of his."
- ↑ Irrational Games (2013-03-26). BioShock Infinite. 2K Games. Level/area: Downtown Emporia.
Jeremiah Fink (via Voxophone) - "Dear brother, these holes in the thin air continue to pay dividends. I know not which musician you borrow your notes from, but if he has half the genius of the biologist I now observe, well...then you are to be the Mozart of Columbia."
- ↑ Kohler, Chris (2012-12-08). "If You Leave Me, I'll Die: 9 Popular Songs That Unlock BioShock Infinite's Mysteries". Wired. สืบค้นเมื่อ 2012-12-09.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อpolygon fixes
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อrps levine interview
- ↑ Rosenberg, Adam (2012-12-10). "Irrational Games will offer fans an alternative to BioShock Infinite's cover art". Digital Trends. สืบค้นเมื่อ 2012-12-18.
- ↑ Irrational Games (2013-03-26). BioShock Infinite. 2K Games. Level/area: Welcome Center.
Zachary Hale Comstock (via Voxophone): And then, the archangel showed a vision: a city, lighter than air. I asked her, 'Why do you show this to me, archangel? I'm not a strong man. I'm not a righteous man. I am not a holy man.' And she told me the most remarkable thing: "You're right, Prophet. But if grace is within the grasp of one such as you, how can anyone else not see it in themselves?"
- ↑ Irrational Games (2013-03-26). BioShock Infinite. 2K Games. Level/area: Downtown Emporia.
Lady Comstock (via Voxophone): Tonight, the Prophet moved against his political enemies. He preaches mercy, but forty souls lie tonight dead, in unmarked graves. If a man was ever unworthy of grace, it would be my husband. But when I was beyond redemption, he offered it anyway. How can I deny forgiveness to one who, with love, granted it to me?
- ↑ Irrational Games (2013-03-26). BioShock Infinite. 2K Games. Level/area: Bull House Impound.
Daisy Fitzroy (via Voxophone): They argued somethin' fierce at night—Lady Comstock and the Prophet. Could never make out what it was about from my bunk, though. After the worst, I see she ain't left for morning prayer...so I crept upstairs to check in on her. And like a fool...I lingered. "Scullery maid" was what they called me when I walked into Comstock House. "Murderer" was what they shouted when I ran out.
- ↑ Irrational Games (2013-03-26). BioShock Infinite. 2K Games. Level/area: The Hall of Heroes.
Daisy Fitzroy (via Voxophone): The one thing people need to learn is that fear is the antidote to fear. I don't want to be a part of their world. I don't want to be a part of their culture, their politics, their people. The sun is setting on their world, and soon enough, all they gon'[na] see...is the dark.
- ↑ Tassi, Paul (2013-03-27). "An Attempt to Understand BioShock Infinite's Brilliant and Bizarre Ending". Forbes. สืบค้นเมื่อ 2013-03-27.
- ↑ 37.0 37.1 Irrational Games (2013-03-26). BioShock Infinite. 2K Games. Level/area: Downtown Emporia.
Rosalind Lutece (via Voxophone): Comstock has sabotaged our contraption. Yet, we are not dead. A theory: we are scattered amongst the possibility space. But my brother and I are together, and so, I am content. He is not. The business with the girl lies unresolved. But perhaps there is one who can finish it in our stead.
- ↑ Irrational Games (2013-03-26). BioShock Infinite. 2K Games.
- ↑ Vary, Adam (2012-12-07). "'Bioshock Infinite' snap judgment: Taking to the skies, and taking on religion and race". Entertainment Weekly. สืบค้นเมื่อ 2012-12-09.
- ↑ 40.0 40.1 40.2 Phillips, Tom (2013-04-04). "BioShock Infinite ending explained". Eurogamer. สืบค้นเมื่อ 2013-04-04.
- ↑ Amini, Tina (2013-04-01). "Seeing Through The Eyes Of A BioShock Infinite Villain". Kotaku. สืบค้นเมื่อ 2013-04-01.
- ↑ Kohler, Chris (2013-04-03). "Letters From Columbia: Breaking Down BioShock Infinite". Wired. สืบค้นเมื่อ 2013-04-03.
- ↑ 43.0 43.1 43.2 43.3 Kelly, Andy (2013-04-05). "Unlocking the secrets and mysteries behind BioShock Infinite". ComputerAndVideoGames.com. สืบค้นเมื่อ 2013-04-05.
- ↑ Hillier, Brenna (December 20, 2012). "BioShock: Infinite scored by series composer Garry Schyman". VG247. สืบค้นเมื่อ December 20, 2012.
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
ชื่อ "bestgeneration" ซึ่งนิยามใน <references>
ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
ชื่อ "bestshooter" ซึ่งนิยามใน <references>
ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
ชื่อ "beststory" ซึ่งนิยามใน <references>
ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
<ref>
ชื่อ "ending articles" ซึ่งนิยามใน <references>
ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า