Teedanai,+ ($usergroup) ,+4318 15476 1 PB
Teedanai,+ ($usergroup) ,+4318 15476 1 PB
Teedanai,+ ($usergroup) ,+4318 15476 1 PB
********
บทคัดย่อ*
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาปัญ หาอภิปรัชญาในพุทธปรัชญา
เถรวาท 2) เพื่อศึกษาแนวคิดเรื่องขันธ์ 5 ในพุทธปรัชญาเถรวาท 3) เพื่อวิเคราะห์แนวคิด
เรื่องขันธ์ 5 ในพุทธปรัชญาเถรวาทการวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธีวิเคราะห์
เชิงพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่า
1. ขันธ์ 5 หมายถึง การรวมส่วนประกอบของกระบวนการชีวิต ประกอบด้วย รูป
(กาย) เวทนา (ความรู้สึก) สัญญา (ความจา) สังขาร (สิ่งปรุงแต่ง) วิญญาณ (ความรู้แจ้ง) หรือ
เรียกอีกอย่างว่ารูปและนาม (กายกับจิต) เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นและมีการทางานร่วมกัน
ไม่อาจแยกออกจากกัน
วันที่รับบทความ: 14 เมษายน 2561; วันแก้ไขบทความ 27 มิถุนายน 2562; วันตอบรับบทความ: 28 มิถุนายน 2562
Received: April 14, 2018; Revised: June 27, 2019; Accepted: June 28, 2019
วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น 209
ปีที่ 6 ฉบับที่ 2 ประจาเดือนเมษายน – มิถุนายน 2562
2. อภิปรัชญาในพุทธปรัชญา เป็นการแสดงถึงความจริงของสรรพสิ่งตามที่มันเป็น
สิ่งทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นคนสัตว์หรือสิ่งของ เป็นรูปธรรมหรือนามธรรม เป็นเรื่องทางวัตถุหรือ
เป็นเรื่องจิตใจ ทั้งหมดล้วนเป็นไปตามหลักธรรมดาแห่งเหตุปัจจัย
3. พุทธปรัชญาเป็นทฤษฎีความเป็นจริงแบบวิภัชชวาทคือทฤษฎีความเป็นจริงที่ว่า
ด้วยการกล่าวจาแนกแยกแยะ ความจริงในพุทธปรัชญาจัดเป็นสัจนิยม (Realism) ที่ถือว่า
โลกทางกายภาพนอกตัวเรามีอยู่จริงและมีความเป็นจริงในตัว ไม่ขึ้นกับความคิด ความเห็น
หรื อความรู้ ข องมนุ ษย์ เรื่ องของขั น ธ์ 5 ไม่ ใ ช่เ ป็น เพี ย งการทาความเข้า ใจในปั ญ หาทาง
อภิปรัชญาเท่านั้น แต่ยังเป็นการทาความเข้าใจในความจริงของชีวิต การเข้าถึงหลักความจริง
ในพระพุทธศาสนา (นิพพาน) สามารถเข้าได้ด้วยการปฏิบัติตนให้พ้นจากกิเลส
คาสาคัญ: ขันธ์ 5; อภิปรัชญา
บทนา
มนุษย์เป็นจุดศูนย์กลางของปัญหา จุดมุ่งหมายของพุทธปรัชญา คือ มุ่งศึกษาทา
ความเข้าใจเกี่ยวกับมนุษย์และแก้ปัญหาของมนุษย์ มนุษย์เป็นสัตว์โลกชนิดหนึ่งที่มีชีวิตเกิด
แก่ เจ็บ ตาย อยู่ในโลกเช่นเดียวกับสัตว์โลกทั้งหลาย มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายเป็นสังขต
ธรรมประกอบด้วยธรรมชาติ 3 อย่าง คือ (1) รูปขันธ์ เป็นอวัยวะน้อยใหญ่ หรือกลุ่มรูปที่มี
อยู่ในร่างกาย (2) จิต คือ วิญญาณขันธ์ คือ ธรรมชาติที่รับรู้สิ่งต่างๆ ที่มาปรากฏทาง ตา หู
จมูก ลิ้น กาย ใจ (อายาตนะภายใน) (3) เจตสิก ได้แก่ เวทนาขันธ์ ความรู้สึก ที่เป็นสุข เป็น
ทุกข์ ดีใจ เสียใจ เฉยๆ สัญญาขันธ์ ธรรมชาติที่มีหน้าที่ในการจา สังขารขันธ์ ธรรมชาติที่ปรุง
แต่งจิตให้มีลักษณะต่างๆ เป็นดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ขันธ์ทั้ง 5 ประการเป็นความจริงที่มีอยู่โดยตก
อยู่ภายใต้แห่งไตรลักษณ์ ดังในขันธสูตร สังยุตตนิกาย มหาวารวรรคได้ยืนยันไว้ว่า “ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ก็ทุกขอริยสัจเป็ นไฉน ควรจะกล่า วได้ว่าอุป าทานขันธ์ 5 อุปาทานขันธ์ 5
เป็นไฉน ได้แก่ อุปาทานขันธ์ คือ รูป อุปาทานขันธ์ คือ เวทนา อุปาทานขันธ์ คือ สัญ ญา
อุ ป าทานขั น ธ์ คื อ สั ง ขาร อุ ป าทานขั น ธ์ คื อ วิ ญ ญาณ นี้ เ รี ย กว่ า ทุ ก ขอริ ย สั จ (Thai
Tipitaka, 19/1679/422)
ในขันธสูตร สังยุตตนิกาย นิทานวรรค ได้ยืนยันไว้ว่า ดูก่อนราหุล เธอจะสาคัญ
ความข้อนั้นเป็นไฉน รูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง ท่านพระราหุล กราบ
ทูลว่า ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า เป็นทุกข์ พระเจ้ าข้า
210 Journal of Graduate MCU KhonKaen Campus
Vol. 6 No. 2 April - June 2019
วัตถุประสงค์การวิจัย
1. เพื่อศึกษาปัญหาอภิปรัชญาในพุทธปรัชญาเถรวาท
2. เพื่อศึกษาแนวคิดเรื่องขันธ์ 5 ในพุทธปรัชญาเถรวาท
3. เพื่อวิเคราะห์แนวคิดเรื่องขันธ์ 5 ในพุทธปรัชญาเถรวาท
วิธีดาเนินการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงเอกสาร (Documentary Research) ซึ่งผู้วิจัยได้จัด
ขั้นตอนการดาเนินการวิจัย (Research Process) ดังต่อไปนี้
1) ค้นคว้าข้อมูลจากคัมภีร์พระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลี-ไทย
2) รวบรวมข้ อ มู ลจากต าราวิ ช าการ งานวิจั ย และเอกสารอื่น ๆที่ เ กี่ ยวข้ อ งกั บ
แนวคิดเรื่องขันธ์ 5 ในพุทธปรัชญา รวมทั้งแนวคิดทางตะวันตกและตะวันออก ที่เกี่ยวข้อง
กับหลักความจริงของสิ่งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม
3) รวบรวมประเด็ น ที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ ประเด็ น นี้ จากขั้ น ตอนแรกมาวิ เ คราะห์
สังเคราะห์ โดยใช้หลักการวิเคราะห์พรรณนาและนาเสนอผลวิจัย
4) การสรุปผลการศึกษาวิจัยโดยผู้วิจัย ได้นาผลการวิจัยจากขั้นตอนที่ 2 ขั้นตอนที่
3 มาสรุปผลการวิจัยว่าสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ทั้ง 3 ข้อ ที่ได้ตั้งไว้ตามลาดับและนาเสนอ
ผลการการวิจัยในเนื้อหา
วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น 213
ปีที่ 6 ฉบับที่ 2 ประจาเดือนเมษายน – มิถุนายน 2562
ผลการวิจัย
ในการทาวิจัยเรื่อง “การวิเคราะห์แนวคิดเรื่องขันธ์ 5 ในเชิงอภิปรัชญา” ผู้วิจัยมุ่ง
ศึกษาถึงขันธ์ 5 ของพุทธศาสนาในมิติที่เป็นอภิปรัชญา โดยผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. อภิปรัชญาที่มุ่งศึกษาหาคาตอบเกี่ยวกับความจริง และพยายามสืบค้นวิธีการ
เข้าถึงและรู้ความจริงนั้น แต่เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้วอภิปรัชญาได้แบ่งขอบข่ายเนื้อหาออกเป็น
3 สายด้วยกัน คือ 1) อภิปรัชญาเกี่ยวกั บธรรมชาติ (Nature) 2) อภิปรัชญาเกี่ยวกับจิ ต
(Mind) หรือวิญญาณ (Soul) 3) อภิปรัชญาเกี่ ยวกับพระเจ้า (God) อภิปรัชญาในพุทธ
ปรัชญามุ่งศึกษาความจริงแท้ในความหมายที่เป็นปรมัตถสัจจะซึ่งถือว่าเป็นความจริงชั้นสูง
สุด ปัญหาทางอภิปรัชญาในพระพุทธศาสนามาสามารถสรุปได้ดังนี้
1) อกิริยทิฐิ เป็นลัทธิที่มีความเห็นว่า ทาก็ไม่เชื่อว่าทา เช่น บุญ -บาปไม่มี ความดี-
ความชั่วไม่มี
2) อเหตุกทิฐิ เป็นลัทธิที่มีความเห็นว่า ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย สัตว์ทั้งหลายจะได้ดี ได้
ชั่ว ได้สุขหรือทุกข์ก็ได้เอง ไม่ใช่เพราะทาดีหรือทาชั่ว อนึ่งสัตว์ทั้งหลายหลังจากท่องเที่ยวไป
ในสังสารวัฏแล้วก็บริสุทธิ์ได้เอง ลัทธินี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สังสารสุทธิกวาท
3) นัตถิกทิฐิ ลัทธินี้มีความเห็นว่าไม่มีผล คือการทาบุญ ทาทานการบูชาไม่มีผล
เจ้าลัทธินี้คือ อชิตะเกสกัมพล ท่านผู้นี้สอนเรื่องอุจเฉททิฐิด้วย คือ เห็นว่า สัตว์ทั้งหลายตาย
แล้วสูญ
4) สัสสตทิฐิ ลัทธินี้มีความเห็นว่า สิ่ง ทั้ง หลายเคยเกิดอย่างไร ก็เป็นไปอย่างนั้น
เช่น โลกเที่ยง จิตเที่ยง สัตว์ทั้งหลายเคยเกิดอย่างไร ก็เป็นไปอย่างนั้นต่อไปตลอกกาล ดิน
น้า ลม ไฟ เป็นของเที่ยง การฆ่ากันนั้นไม่มีใครฆ่าใคร เพียงแต่เอาศาสตราสอดเข้าไปในธาตุ
(ร่าง) ซึ่งยั่งยืนไม่มีอะไรทาลายได้
แนวคิ ด ทางอภิ ป รั ช ญาในพุ ท ธปรั ช ญานั้น มี ลั ก ษณะบางประการที่ ต่ า งไปจาก
แนวคิดอภิปรัชญาทางตะวันตก เกณฑ์ตัดสินความเป็นอภิป รัชญาทางตะวันตก คือ การ
พิสูจน์ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าของมนุษย์ นักปรัชญาทางตะวันตกมีแนวคิดที่ว่าเรื่องใดก็
ตามที่ข้ า มพ้น การพิ สู จน์ ห รื ออยู่ เหนื อ การรั บรู้ ด้ วยประสาทสั ม ผั สทั้ ง ห้ าเรื่ องนั้ น จัด เป็ น
อภิปรัชญา โดยนัยนี้จะเห็นว่าขอบข่ายเนื้อหาของอภิปรัชญาแบบตะวันตกนั้นจะจากัดอยู่
เฉพาะสิ่งที่ไม่ใช่วัตถุ หรือสิ่งที่อยู่เหนือขอบเขตของโลกทางกายภาพหรือโลกทางวัตถุ และไม่
อาจรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าของมนุษย์ การจากัดความหมายเช่นนี้ออกจะแคบเกินไป
214 Journal of Graduate MCU KhonKaen Campus
Vol. 6 No. 2 April - June 2019
เพราะขอบข่ายของอภิปรัชญาไม่ควรจะกาหนดผูกโยงไว้กับเรื่อง จิตวิญญาณหรือเรื่องเหนือ
ธรรมชาติเท่านั้น ซึ่ งความจริงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นทางจิตวิญญาณหรือทางวัตถุหากเป็นความ
จริงขั้นสุดท้าย (อันติมสัจจะ) อภิปรัชญาในพุทธปรัชญานั้นมีลักษณะที่ต่างจากทัศนะแบบ
ตะวันตก ซึ่งไม่ใช่เป็นลักษณะการคาดเก็งความจริง หรืออนุมานถึงความน่าจะเป็นของสรรพ
สิ่ง หากแต่เป็นการแสดงถึงความจริงของสรรพสิ่งตามที่มันเป็น
ส่วนประกอบของชีวิตมนุษย์พุทธปรัชญาได้แบ่งชีวิตของมนุษย์ออกเป็น 2 ส่วน
คือร่างกายกับจิตหรือที่เรียกว่า รูปธรรมกับนามธรรม ร่างกายและจิตที่เรียกว่าชีวิตมนุษย์นั้น
ประกอบขึ้นด้วยการรวมตัวกันของส่วนประกอบ 5 ส่วน เรียกว่า ขันธ์ 5 คือ 1) รูปขันธ์ คือ
กองแห่งรูป หมายถึงส่วนที่ประกอบกันเป็นร่างกายของมนุษย์ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของ
ธาตุ 4คือ ธาตุดิน ธาตุน้า ธาตุลมธาตุไฟ เกิดเป็นอวัยวะต่างๆ 2) เวทนาขันธ์ คือ กองแห่ง
เวทนา หมายถึง ส่วนที่เป็นความรู้สึกของจิตเมื่อรับรู้อารมณ์ต่างๆ ผ่านอายตนะภายใน 6
คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทาให้เกิดความรู้สึก 3 ประการ คือ สุข ทุกข์ และกลางๆ ไม่สุขไม่
ทุกข์ 3) สัญญาขันธ์ คือ กองแห่งสัญญา หมายถึง ส่วนที่เป็นความจาได้หมายรู้แยกแยะสิ่ง
ต่างๆ ได้ 4) สังขารขันธ์ คือ กองแห่งสังขาร หมายถึง ส่วนที่เป็นความนึกคิด ปรุงแต่ งจิตให้
คิดดี คิดไม่ดี หรือคิดเป็นกลางๆ ไม่ดีไม่ชั่ว 5) วิญญาณขันธ์ คือ กองแห่งวิญญาณ หมายถึง
ส่วนที่เป็นความรู้แจ้งสิ่งต่างๆ ที่จิตรับรู้ทางประสาทสัมผัสทั้ง 5คือ ตา หู จมูกลิ้น กายและ
สัมผัสที่ 6 คือ ทางใจ ได้แก่ การเห็นรูป การได้ยินเสียง การได้กลิ่น การรู้ร ส การรู้สัมผัสทาง
กายและการรู้อารมณ์ทางใจอภิปรัชญาในพุทธปรัชญาเป็นการแสดงให้เห็นว่าความจริงใน
เรื่องเกี่ยวข้องกับชีวิต เป็นการแสดงให้เห็นทั้งในส่วนที่เป็นวัตถุและส่วนที่เป็นจิต โดยที่พุทธ
ปรัชญาเถรวาทกล่าวว่าไม่ใช่จิตเท่านั้นที่เกิดดับทุกขณะ แต่วัตถุหรือสสารก็ เกิดดับทุกขณะ
เช่นกัน เพราะสรรพสิ่งล้วนตกอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์ที่มีลักษณะ 3 ประการ คือ (1) อนิจจ
ตา ความไม่เที่ยง (2) ทุกขตา ความเป็นทุกข์ (3) อนัตตาความไม่มีตัวตน เป็นการเสนอความ
จริงทั้งที่เป็นสมมติสัจจะและปรมัตถสัจจะนั่นเอง
2. ขันธ์ 5 หมายถึง ขันธ์หรือกองเป็นการรวมส่วนประกอบของกระบวนการแห่ง
ชีวิต ได้แก่ รูป (กาย) เวทนา (ความรู้สึก) สัญญา (ความจา) สังขาร (สิ่งปรุงแต่ง) วิญญาณ
(ความแจ้ง) หรือเรียกอีกอย่างว่ารูปและนาม (กายกับจิต) เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นและมี
การทางานร่วมกันไม่อาจแยกออกจากกั นได้ รูปเป็นธรรมชาติไม่รู้อารมณ์ ได้แก่ ธาตุ 4 คือ
ดิน น้า ไฟ ลม ส่วนนามนั้นเป็นธรรมชาติที่รู้และเสวยอารมณ์ เช่น สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์
วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น 215
ปีที่ 6 ฉบับที่ 2 ประจาเดือนเมษายน – มิถุนายน 2562
อภิปรายผลการวิจัย
งานวิจั ย เรื่ อ งการวิ เ คราะห์แ นวคิ ด เรื่ อ งขั น ธ์ 5 ในเชิ ง อภิ ปรั ช ญา ผู้วิ จั ยได้ พ บ
ประเด็นที่น่าสนใจ จึงนาประเด็นที่น่าสนใจเหล่านั้นมาเพื่อการอภิปรายผล ดังนี้
1. ชีวิตมนุษย์ประกอบด้วยขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ โดยย่อ
เรียกว่ารูปและนาม เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นและมีการทางานร่วมกันไม่อาจแยกออกจาก
กัน รูปเป็นธรรมชาติไม่รู้อารมณ์ ได้แก่ ดิน น้า ลม ไฟ ส่วนนามนั้นเป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์
และเสวยอารมณ์ เช่น สุข ทุกข์ ไม่สุข ไม่ทุกข์ การจดจาอารมณ์หรือปรุงแต่ง คิดนึกอารมณ์
หรือปรุงแต่งจิต รับรู้อารมณ์ทางประสาทสัมผัส หรือทวารทั้ง 6 ขันธ์ 5 เป็นกระบวนอาศัย
ซึ่งกันและกันรูปขันธ์เป็นส่วนกายและนามขันธ์เป็นส่วนของใจ กล่าวถึง ขันธ์ 5 เป็นคาตอบ
หนึ่งของคาถามที่ว่า ชีวิตคืออะไรในหนังสือ ด้ว่า พุทธธรรมมีความสรุปความไ ”พุทธธรรม“
เกี่ยวข้องเป็นพิเศษกับเรื่อง ชีวิต โดยแสดงส่วนประกอบต่างๆ ของชีวิต ที่ครอบคลุมทั้ ง
รูปธรรมและนามธรรม หรือวัตถุและจิตใจ โดยแยกพิจารณาเป็นพิเศษในด้านจิตใจ การ
แสดงส่วนประกอบต่างๆ ทาได้หลายรูปแบบ ซึ่งขันธ์ 5 เป็นแบบหนึ่ง
2. อภิปรัชญาในพุทธปรัชญา เป็นการแสดงถึงความจริงของสรรพสิ่งตามที่มันเป็น
สิ่งทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นคนสัตว์หรือสิ่งของ เป็นรูปธรรมหรือนามธรรม เป็นเรื่องทางวัตถุหรือ
เป็นเรื่องจิตใจ ทั้งหมดล้วนเป็นไปตามหลักธรรมดาแห่งเหตุปัจจัย โลกและชีวิตในสังสารวัฏ
เป็นสังขตธรรม เพราะเกิดจากการรวมตัวขององค์ประกอบพื้นฐานคือขันธ์ 5 จึงทาให้พุทธ
ปรัชญาเถรวาทไม่เป็นวัตถุนิยม (Materialism) ไม่เป็นจิตนิยม (Idealism) และไม่เป็นทวิ
นิยม (Dualism) แต่ เป็นสัจจนิยม (Realism) และสอดคล้องกับพระศรีคัมภีรญาณ (สม
220 Journal of Graduate MCU KhonKaen Campus
Vol. 6 No. 2 April - June 2019
ข้อเสนอแนะ
การศึกษาวิเคราะห์แนวคิดเรื่องขันธ์ 5 ในเชิงอภิปรัชญาผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะใน
การทาวิจัยครั้งต่อไปดังนี้
1. ควรมีการวิจัยเกี่ยวกับเรื่อง “วิเคราะห์แนวคิดเรื่องนิยาม 5 ในเชิงอภิปรัชญา”
2. ควรมีการวิจัยเกี่ยวกับเรื่อง “การศึกษาวิเคราะห์ขันธ์ 5 กับแนวคิดปรัชญา
สสารนิยม”
3. ควรมีการวิจัยเกี่ยวกับเรื่อง “การศึกษาวิเคราะห์ขันธ์ 5 กับแนวคิดปรัชญาจิต
นิยม”
4. ควรมีการวิจัยเกี่ยวกับเรื่อง “การศึกษาวิเคราะห์ขันธ์ 5 กับแนวคิดปรัชญา
ธรรมชาตินิยม”
วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น 221
ปีที่ 6 ฉบับที่ 2 ประจาเดือนเมษายน – มิถุนายน 2562
องค์ความรู้ใหม่
จากการวิจัยเรื่องการศึกษาวิเคราะห์แนวคิดเรื่องขันธ์ 5 ในเชิงอภิปรัชญา ทาให้ได้
องค์ความรู้ใหม่ที่เกิดจากการวิเคราะห์และสังเคราะห์เนื้อหาตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยทา
ให้ได้องค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับหลักคาสอนทางพระพุทธศาสนาในส่วนที่ว่าด้วยความจริงสูงสุด
หรือ ปรมั ตถสัจจะ ที่เกี่ ยวข้องกับ ขันธ์ 5 และความเป็น ไปของกระบวนการในขั นธ์ 5 ที่
แบ่งเป็นรูปและนามหรือแยกเป็น รูป จิต เจตสิก ถือเป็นแนวคิดที่สาคัญในพุทธปรัชญาเถร
วาทที่สอดคล้องกับแนวคิดทางอภิปรัชญาที่ประกอบด้วยทฤษฎีสสารนิยมทฤษฎีจิตนิยม
และทฤษฎีธรรมชาตินิยม
References
Adisak Thongbun. (2003). Metaphysics Guide. (4 th ed.). Bangkok: Royal
Institute.
Mahachulalongkornrajavidyalaya University. (1996). Thai Tripitaka : Thai
Version. Bangkok: Mahachulalongkornrajavidyalaya Press.
(2009). Aphidhammatthasangkhaha and
Bangkok: Prayoonsanthai Printing.
PhraMaha Pisut Jinnowo (Paniram). (2011). The study of the relationship
between the monarchy and the 5 in the development of meditation.
Philosophy thesis. Graduate School: Mahachulalongkornrajavidya
laya University.