ปรัชญา การศึกษา
ปรัชญา การศึกษา
ปรัชญา การศึกษา
2.ความสําคัญของปรัชญาการศึกษา
ดังไดกลาวมาแลว ความเชื่อที่ดีงามของสังคมมักจะถูกปลูกฝงใหกับคนรุนตอๆไปของสังคม ดังนั้นปรัชญา
หรือปรัชญาทั่วไปกับปรัชญาการศึกษามีความใกลชิดกันมาก ปรัชญาทั่วไปเปนการศึกษาเกี่ยวกับความจริง วิธีการคนหา
ความจริงและคุณคาของสิ่งตางๆในสังคม แตปรัชญาการศึกษาเปนการนําเอาปรัชญาทั่วไปมาประยุกตเพื่อนําไปจัด
การศึกษา ซึ่งการจัดการศึกษาทําไปเพื่อพัฒนาบุคคลพัฒนาสังคมชุมชนใหเกิดความสงบสุข อยูรวมกันอยางมีความสุข
ดังนั้น ปรัชญาทั่วไปกับปรัชญาการศึกษาจึงมีความสัมพันธกันอยางแยกไมออก ซึ่งนักปรัชญาและนักการศึกษาที่มี
แนวคิดชั้นนําตั้งแตสมัยโบราณจนถึงสมัยปจจุบันมักเปนบุคคล คนเดียวกัน เชน John Locke, Immanuel Kant, Johann
Herbart, John Dewey เปนตน นอกจากนี้ ไมเพียงแตจุดเริ่มตนและวิวัฒนาการของปรัชญาและปรัชญาการศึกษาเทานั้นที่
เหมือนกัน แตทั้งปรัชญาและปรัชญาการศึกษายังมีความเกี่ยวของสัมพันธอยางใกลชิดกันอีกดวย กลาวคือ ทั้งปรัชญาและ
ปรัชญาการศึกษาจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวของมนุษย ซึ่งไดแก ธรรมชาติ ความรู ความสัมพันธ และพฤติกรรมของมนุษย
และขณะเดียวกันสาขาวิชาทั้งสองตางก็มีความสนใจรวมกันในเรื่องที่จะทําใหชุมชน สังคม ประเทศชาติ และชีวิตความ
เปนอยูดีขึ้น มีสันติและอยูรวมกันอยางมีความสุข
ปรัชญาการศึกษาเปนปรัชญาที่ประยุกตมาจากปรัชญาทั่วไป โดยมีความเกี่ยวของสัมพันธกันดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1 เปรียบเทียบปรัชญาทั่วไปและปรัชญาการศึกษา
สมัย ปรัชญาทั่วไป ปรัชญาการศึกษา
สมัยเกา จิตนิยม (Idealism) สารัตถนิยม (Essentialism)
สัจนิยม (Realism)
นิโอ-ธอมิสซึม (Neo-Thomism) นิรันตรนิยม (Perenialism)
สมัยกลาง ปฎิบัตินิยม (Pragmatism) ภาวะนิยม (Existentialism)
ปฏิรูปนิยม (Reconstructionism)
สมัยปจจุบัน ภาวะนิยม (Existentialism) ภาวะนิยม (Existentialism)
ปรัชญาวิเคราะห (Philosophical Analysis) ปรัชญาวิเคราะห (Philosophical Analysis
ปรัชญาการศึกษาในกลุมตางๆมีพื้นฐานจากความเชื่อหรือแนวคิดดานปรัชญาแตกตางกันออกไป และ
เนื่องจากการศึกษาเปนศาสตรประยุกต ดังนั้น จึงมีความจําเปนอยางยิ่งที่นักการศึกษาและนักพัฒนาหลักสูตรจะตอง
ศึ ก ษาถึ ง แนวคิ ด ต า งๆของปรั ช ญา เพื่ อ เป น แนวคิ ด เพื่ อ ทํ า ความเข า ใจและมองป ญ หาต า งๆได อ ย า งแจ ม แจ ง
นอกจากนี้ยังจะทําใหเกิดการวิเคราะหเปรียบเทียบเพื่อใหเกิดแนวความคิดใหมๆดานการศึกษาไดอีกตอไป ดังนั้น
เพื่อใหเกิดความเขาใจในแนวความคิดของปรัชญาการศึกษากลุมตางๆจะขอกลาวถึงปรัชญาการศึกษาเฉพาะในสวน
ที่สามารถสะทอนใหเห็นถึงแนวทางการจัดการศึกษาและการเรียนการสอนในอดีตที่ผานมาเปน เพื่อใหเขาใจถึง
กระบวนการพัฒนาหลักสูตรและการสอนดังตอไปนี้
1.ปรัชญาสารัตถนิยม (Essentialism)
ปรัชญาสารัตถนิยม มีลักษณะอนุรักษวัฒนธรรมของสังคม ซึ่ง บราเมลต ไดเปรียบเทียบการศึกษาแบบนี้
วา "เปนแนวทางที่นําไปสูการอนุรักษวัฒนธรรมของสังคม" ซึ่งปรัชญาสารัตถนิยมมีรากฐานมาจากปรัชญา 2 กลุม
คือ ลัทธิจิตนิยม (Idealism) และลัทธิสัจนิยม (Realism) เนื่องจากปรัชญาทั้ง 2 ลัทธินี้มีความเชื่อพื้นฐานแตกตาง
กัน ดังนั้นปรัชญาการศึกษาสารัตถนิยม จึงแยกพิจารณาออกเปน 2 กลุมตามรากฐานของปรัชญาดั้งเดิมดังนี้
1.1 ปรัชญาสารัตถนิยมตามแนวของลัทธิจิตนิยม
นโยบายทางสังคม ปรัชญาสารัตถนิยมตามแนวของลัทธิจิตนิยมถือวา บุคคลเปนสวนหนึ่งของสังคม และ
เปนเครื่องมือของสังคม ดังนั้นบุคคลจะตองอุทิศตนเพื่อสังคมที่ตนเองอาศัย นอกจากนั้นยังมีความเห็นวา สิ่งที่
สําคัญที่สุดซึ่งสังคมจะตองกระทําคือ การสะสมมรดกของสังคมไวใหคนรุนตอไป และสืบทอดวัฒนธรรมในสังคมให
คงอยูตอไป
ดังนั้นเปาหมายทางการศึกษาตามความเชื่อดังกลาว ตามทัศนะของนักปรัชญากลุมนี้ จึงมีความเห็นวา
โรงเรียนจะตองพัฒนาคุณธรรม รักษาและถายทอดซึ่งคุณธรรมของสังคมในอดีตใหคงอยูตลอดไปยังบุคคลรุน
ตอๆไป ซึ่งสิ่งใดก็ตามที่สังคมยอมรับวาเปนสิ่งที่เปนความจริง หรือเปนสิ่งที่ดีงามแลว โรงเรียนหรือสถานศึกษา
จะตองถายทอดสิ่งนั้นไปสูอนุชนรุนหลังตอไป
นักเรียน ในทัศนะของนักปรัชญาการศึกษากลุมนี้มีความเชื่อมั่นวา ผูเรียนเปนบุคคลที่มีความรูสึกนึกคิดที่
จะเปนสิ่งนั้นสิ่งนี้ได ดังนั้นถาหากผูเรียนไดรับการอบรมสั่งสอนที่เหมาะสม ก็จะเปนผูที่มีอุดมการณตามที่ตองการ
ได หนาที่ของนักเรียนก็คือจะตองเลียนแบบจากครู และศึกษาเลาเรียนในรายวิชาตางๆตามที่ครูกําหนด โดยเฉพาะ
อยางยิ่งรายวิชาที่เกี่ยวกับมานุษยวิทยา นอกจากนั้นนักปรัชญากลุมนี้ยังมีความเชื่อวาโดยธรรมชาติของผูเรียนที่
แทจริงแลว ผูเรียนจะเปนผูที่ตองทําดีที่สุด เพื่อจะทําใหตนเองเปนคนที่มีความสมบูรณมากที่สุด
ครู เปนบุคคลที่มีความสําคัญที่สุดในกระบวนการทางการศึกษา เพราะครูเปนผูที่เปนแบบอยางหรือ
ตนแบบของนักเรียน และเปนสัญลักษณที่นักเรียนจะตองทําตัวใหเปนเชนนั้น ดังนั้นครูจะตองทําตัวใหดีที่สุด และ
จะตองพยายามฝกนักเรียนใหเปนคนที่มีอุดมการณตามที่ตองการ
หลักสูตรหรือเนื้อหา นักปรัชญากลุมนี้มีความเห็นวา หลักสูตรจะตองเนนการศึกษาวิชาประวัติศาสตร และ
ประวัติบุคคลสําคัญ โดยถือวาประวัติศาสตรจะชวยใหผูเรียนไดเขาใจสังคมและชีวิตภายในสังคม สวนการศึกษา
เกี่ยวกับมานุษยวิทยา จะชวยใหเขาใจมนุษยไดดีขึ้น
วิธีการเรียนการสอน สวนใหญจะใชวิธีการบรรยาย อภิปรายและทําตามตัวอยางที่มีอยู ที่มีการสืบทอดตอๆ
กันมาตั้งแตอดีต
อยางไรก็ตาม นักปรัชญากลุมสารัตถนิยมตามแนวของจิตนิยมมีขอสังเกตดังนี้ 1) นักปรัชญากลุมนี้แยก
รางกายและจิตใจออกจากกัน ซึ่งเปนการผิดจากสภาพความเปนจริงของสังคม 2) ไมคํานึงถึงประสบการณเดิมของ
ผูเรียนและไมสนใจความตองการของผูเรียน แตมักสอนในสิ่งที่ผูสอนอยากสอน ในความเปนจริงแลวถึงแมความรู
หรือขอความรูทุกอยางไมไดเกิดจากประสบการณทั้งหมดก็ตาม บางสวนเกิดจากขอคนพบ และสิ่งที่ไมความมองขาม
วา ผูเรียนทุกคนมีความรูและประสบการณเดิมที่แตกตางกัน ความตองการของผูเรียนแตละคนก็แตกตางกัน 3) การ
ตั้งจุดประสงคและเปาหมายของการศึกษาของนักปรัชญากลุมสารัตถนิยมนี้ เปนสิ่งที่สูงเกินไป ซึ่งโดยธรรมชาติแลว
มนุษยไมสามารถจะกระทําอะไรที่สมบูรณแบบที่สุดไดทุกอยาง 4) การจัดการศึกษาในแนวทางของปรัชญากลุมจิต
นิยมจะเปนแนวทางนําไปสูระบบเผด็จการทางการศึกษาได 5) การใหการศึกษาที่เนนดานมานุษยวิทยาแตเพียง
1.2 ปรัชญาสารัตถนิยมตามแนวของลัทธิสัจนิยม
นโยบายทางสังคม ปรัชญาสารัตถนิยมตามแนวลัทธิสัจนิยม ไดกําหนดนโยบายทางสังคมในลักษณะ
ใกลเคียงกับลัทธิจิตนิยมซึ่งเนนการอนุรักษวัฒนธรรมอันเปนมรดกของสังคมเชนเดียวกัน แตมรดกทางสังคมใน
ทัศนะของนักปรัชญากลุมนี้จะหมายถึง ทุกสิ่งทุกอยางที่มนุษยจะตองเรียนรูเกี่ยวกับกฎเกณฑทางธรรมชาติ
จุดมุงหมายทางการศึกษา ควรมีวัตถุประสงคดังนี้คือ 1)เพื่อคนหาความจริงตางๆที่มีอยู 2) เพื่อขยาย
ความจริงและผสมผสานความจริงที่ไดรูแลว 3) เพื่อใหมีความรูเกี่ยวกับชีวิตโดยทั่วไป และเกี่ยวกับหนาที่ในอาชีพ
ตางๆ โดยเฉพาะอยางยิ่งความรูความจริงที่มีทฤษฎีสนับสนุน 4) เพื่อทําการถายทอดสิ่งตางๆที่แจงชัดอยูแลวในคน
รุนหนุมสาวและคนชราไปยังคนรุนตอไป
ผูเรียน นักเรียนจะไมมีอิสระ แตจะตองดําเนินการไปตามกฎเกณฑทางธรรมชาติและจะตองอยูในระเบียบ
วินัยจนกระทั่งสามารถกระทําสิ่งตางๆไดอยางถูกตองเหมาะสม
ครู จะตองรับผิดชอบในการแนะนําสิ่งตางๆที่มีอยูจริงใหนักเรียนไดรูจัก โดยวิธีการบรรยาย สาธิต และ
ประสบการณตรง จะตองใหนักเรียนไดรูถึงกฎเกณฑและระเบียบตางๆตามธรรมชาติ และเพื่อเปนการหลีกเลี่ยง
ความลําเอียงอันจะเกิดขึ้นจากครู นักปรัชญากลุมนี้จะใชเครื่องชวยสอนและสื่อตางๆดวย
หลักสูตร นักปรัชญากลุมสัจนิยมจะมองหลักสูตรวาเปนสิ่งที่สามารถแบงแยกใหเปนความรูยอยที่สามารถ
วัดได นักปรัชญากลุมสัจนิยมหลายคนไดสนับสนุนแนวความคิดของ Thorndike นักจิตวิทยากลุมพฤติกรรมนิยม
และบิดาแหงการวัดผลการศึกษาที่กลาววา ถาสิ่งตางๆมีอยูจริงแลวสิ่งนั้นจะตองมีปริมาณและจะสามารถวัดได
ดังนั้นลักษณะหลักสูตรของปรัชญาสารัตถนิยมตามแนวของสัจนิยมนั้น นักเรียนจะตองเรียนการใชเครื่องมือในการ
แสวงหาความรู โดยเฉพาะอยางยิ่งภาษาในสังคมของตนเอง นักเรียนจะตองคุนเคยกับวิธีการทางฟสิกสเคมี และ
ชีววิทยา นักเรียนจะตองเรียนวิทยาศาสตรที่เกี่ยวกับมนุษย วรรณคดีและศิลปะที่สําคัญตางๆของสังคม และในขั้น
สุดทายควรจะสอนใหรูเกี่ยวกับปรัชญาและปญหาตางๆ ที่เกิดขึ้นจากการนําเอาความรูไปสูการปฏิบัติอีกดวย
วิธีการเรียนการสอน การเรียนการสอนจะเนนใหผูเรียนไดเรียนรูเกี่ยวกับขอเท็จจริงตางๆเพื่อจะสามารถ
เขาใจในกฎเกณฑของธรรมชาติ วิธีการสอนจะเนนการอุปมาน (inductive) ซึ่งเปนการสรุปกฎเกณฑจากขอเท็จจริง
ตางๆที่ปรากฏอยู วิธีสอนที่นิยมใชกันมากก็คือ การทัศนศึกษา การใชภาพยนต ฟลม เครื่องบันทึกเสียง โทรทัศน
และวิทยุหรือสื่อประกอบการเรียนการสอน
อยางไรก็ตาม การจัดการศึกษาตามแนวความคิดของปรัชญากลุมนี้ สวนใหญมุงเนนอธิบายความสัมพันธ
ของเหตุและผล มักจะไมคํานึงความเปลี่ยนแปลงของสังคม สิ่งที่ถูกวิพากษวิจารณมากอีกประการหนึ่งก็คือ การ
จัดการศึกษาตามแนวนี้จะกอใหเกิดระบบเผด็จการขึ้นมา ทั้งนี้ เพราะการที่ยอมใหผูหนึ่งหรือกลุมหนึ่งกลุมใดเปนผู
ชี้แนะวาสิ่งใดเปนความจริงสิ่งใดไมเปนความจริง สิ่งใดสําคัญสิ่งใดไมสําคัญ ก็ยอมจะเปนอันตรายอยางใหญหลวง
ตอสังคมประชาธิปไตย
กลาวโดยสรุปแลว ปรัชญาการศึกษาสารัตถนิยม เนนการถายทอดทุกสิ่งทุกอยางที่เปนหลักหรือเปนแกน
ของสังคม ในดานความรูที่เปนพื้นฐานเปนหลัก สวนดานทักษะก็เนนทักษะที่จําเปนในการแสวงหาความรูเพื่อการ
ดํารงชีวิต การจัดการเรียนการสอนเนนการสอนที่เปนแบบแผน หรือปฏิบัติตามระเบียบวินัยซึ่งไดกําหนดไวอยาง
เขมงวดกวดขันไมใชเลือกเรียนอะไรงายๆ ความเจริญกาวหนาหรือความคิดริเริ่มขึ้นกับครูผูสอนจะเปนผูจัดหามาให
ครูเปนแบบอยางฉะนั้นครูตองไดรับการฝกฝนอบรมมาอยางดี เนนใหผูเรียนรับรูและการจํา
2. ปรัชญานิรันตรนิยม (Perenialism)
ปรัชญานิรันตรนิยม เปนปรัชญาการศึกษาที่ประยุกตมาจากปรัชญาบริสุทธิ์ลัทธิ Neo-Thomism ซึ่งมีแนว
ความเชื่อวา "ความจริงและความดีสูงสุดยอมไมเปลี่ยนแปลง หรือเปนสิ่งที่เรียกวา อมตะ" โดยเฉพาะเรื่องของ
ความรูคานิยมและวัฒนธรรมที่ดี ไมวาจะอยูที่แหงหนใดก็เปนสิ่งที่ดีเสมอไมวาเวลาจะเปลี่ยนไป ปรัชญานิรันตรนิยม
จะมีแนวความคิดพื้นฐานดังนี้
นโยบายสังคม ปรัชญานิรันตรนิยมไดเนนความสําคัญของความคงที่หรือความไมเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ใน
ทัศนะของนักปรัชญากลุมนี้จึงถือวา ความจริงหรือความรูในอดีตยอมสามารถนํามาใชไดในปจจุบัน และถือวาศึล
ธรรมและความรูตางๆ มาจากวัดและมหาวิทยาลัย สําหรับโรงเรียนที่ต่ํากวาระดับอุดมศึกษาจะมีความสําคัญตอการ
เปลี่ยนแปลงสังคมนอยมาก
จุดมุงหมายทางการศึกษา จุดมุงหมายสูงสุดของการศึกษาที่จัดสําหรับคนทุกคนในสังคม และทุกยุคทุก
สมัยจะมีความเหมือนกัน นั่นก็คือจะเปนการพัฒนาสติปญญาและความสามารถของคนในสูงขึ้น
ผูเรียน ปรัชญาการศึกษากลุมนิรันตรนิยมจะมีความเชื่อวา นักเรียนเปนผูที่มีเหตุผลและมีแนวโนมที่จะกาวไปสู
ความจริงและความรูตางๆ ดังนั้นโรงเรียนจะตองพัฒนาผูเรียนใหไดรับความจริงและความรูเหลานั้น นักเรียนจะตอง
ไดรับการพัฒนาใหเปนผูที่มีเหตุผล ใหมีความจําและใหมีความตั้งใจในการกระทําสิ่งตางๆเปนเลิศ
ครู ในฐานะของนักปรัชญากลุมนิรันตรนิยมนั้น ครูจะเปนตัวอยางและเปนผูควบคุมดูแลและรักษาระเบียบ
วินัย และเนื่องจากครูจะตองเปนผูที่ฝกอบรมนักเรียนใหเปนคนมีเหตุผลและเปนผูมีความตั้งใจในการทํางาน ดังนั้น
ครูจะตองมีคุณลักษณะดังกลาว และตองเปนแบบอยางที่ดีใหกับนักเรียน
หลักสูตร หลักสูตรในทัศนะของนักปรัชญากลุมนิรันตรนิยมประกอบดวยเนื้อหาสาระ 2 ประเภท คือ
เนื้ อ หาสาระที่เ กี่ย วข องกั บจิ ต ใจซึ่ ง ส ว นใหญจะเน น การศึก ษาทางมานุษ ยวิ ท ยา และนั ก ปรั ช ญากลุม นิ รั น ตรใน
สหรัฐอเมริกาหลายคนไดสนับสนุนแนวความคิดที่จะใหใชเรื่องราวและวรรณคดีจากหนังสือ The Great Book เปน
วิชาพื้นฐานของหลักสูตรระดับอุดมศึกษา ทั้งนี้ เนื่องจากมีความเห็นวา เรื่องราวในหนังสือดังกลาว ไดรับการพิสูจน
ดวยกาลเวลามาแลว
วิธีการเรียนการสอน การจัดการเรียนการสอนของกลุมนิรันตรนิมไดตั้งอยูบนรากฐานของการฝกอบรมทาง
จิตใจและปญญาโดยใชเนื้อหาวิชาตางๆ และเนื่องจากวาธรรมชาติของผูเรียนมีความตองการอยากจะเรียนรูสิ่งตางๆ
ดังนั้นนักปรัชญากลุมนิรันตรนิยมจึงใชธรรมชาติดังกลาวของผูเรียนเปนประโยชนตอการเรียนการสอน เพื่อให
ผูเรียนกาวไปสูความมีเหตุผล วิธีการสอนที่กลุมนิรันตรนิยมไดใชมากก็คือ วิธีการบรรยายเพื่อใหนักเรียนไดมีความ
เขาใจในสิ่งตางๆ นอกจากนี้ยังไดใชวิธีการใหทองจําเนื้อหาสาระตางๆ และวิธีการถาม-ตอบอีกดวย
ขอวิจารณ การจัดการศึกษาตามความคิดของนักปรัชญานิรันตรนิยมไดรับการวิพากษวิจารณวา กลุมนี้
สนใจเรื่องราวในอดีตเปนสวนใหญ เนื่องจากวา ปจจุบันความเจริญกาวหนาทางดานเทคโนโลยีมีมากขึ้น การจะ
ละเลยความกาวหนาในปจจุบันจึงเปนสิ่งที่ไมสมควรอยางยิ่ง ประการตอไปก็คือ ความจริงสุดยอดในทัศนะของนัก
ปรัชญานิรันตรนิยมมักไดมาโดยการนึกคิดและขึ้นอยูกับคริสตศาสนา ซึ่งขอเท็จจริงดังกลาวมักปรากฎวา เมื่อมีการ
ทดสอบโดยวิธีการทางวิทยาศาสตรแลว พบวามีความผิดพลาดอยูมาก และประการสุดทายกลุมนิรันตรนิยมมักจะ
มองวา ความรูเปนเรื่องที่มีความสิ้นสุดในตัวของมันเอง ซึ่งการมองในลักษณะดังกลาวนี้ถือวาเปนเหตุผลไมเพียงพอ
สําหรับเรื่องของการจัดการศึกษา
โดยสรุปแลวเมื่อเปรียบเทียบกับปรัชญากลุมสารัตถนิยแลว ปรัชญากลุมนิรันตรนิยม เนนหนักไปทางดาน
การพัฒนาปญญา การใชเหตุผล โดยยึดความรูที่ไดรับการยอมรับแลวมากกวาแนวความรูใหมๆ จึงมักถูกมองวาอยู
ในกลุมพวกหัวสูงกลุมพวกนักปราชญ จนลืมไปวาผูเรียนกลุมปญญาปานกลางและต่ําก็สามารถเปนพลเมืองดีและ
สามารถทําประโยชนใหกับสังคมไดเชนกัน
3. ปรัชญาพิพัฒนนิยม (Progressivism)
ปรัชญาพิพัฒนนิยม เปนปรัชญาที่ประยุกตมาจากปรัชญาบริสุทธิ์กลุมปฏิบัตินิยม พิพัฒนนิยมหมายถึง
การนิยมหาความรูอยางมีอิสระภาพ มีเสรีภาพในการเรียน การคนควา การทดลอง เพื่อพัฒนาประสบการณและ
ความรูอยูเสมออยางไมหยุดนิ่ง แนวความคิดเกี่ยวกับการจัดการศึกษาตามปรัชญาพิพัฒนนิยมมีดังนี้
นโยบายทางสังคม นักปรัชญาการศึกษากลุมพิพัฒนานิยมจะถือวาโรงเรียน เปนเครื่องมือของสังคมที่ใช
สําหรับถายทอดวัฒนธรรมอันเปนมรดกของสังคมไปสูอนุชนรุนหลัง โรงเรียนที่ดีควรสามารถสะทอนใหเห็นถึงสิ่ง
ตางๆที่ยอมรับในสังคม แลสามารถนําพาผูเรียนไปสูความสุขของชีวิตในอนาคต การดําเนินการตางๆ ตามปรัชญา
การศึกษากลุมนี้จะเนนวิธีการประชาธิปไตย
เปาหมายการศึกษา นักปรัชญากลุมพิพัฒนานิยมมีความเห็นวาเปาหมายที่สําคัญที่สุดของการศึกษาก็คือ
การสรางสถานการณที่จะสรางความกาวหนาใหแกผูเรียนใหมากที่สุดเทาที่จะทําได และถือวาโรงเรียนเปนสถาบันที่
จะตองมีสวนในการเปลี่ยนแปลงทางสังคมใหดีขึ้น
นักเรียน เปนผูที่จะตองพบกับสภาพแวดลอมตางๆ นักเรียนเปนศูนยกลางการเรียน และไดยอมรับวา
นักเรียนแตละคนจะมีความแตกตางกัน
ครู ภาระหนาที่ของครูก็คือ แนะแนวทางใหแกผูเรียนในการทํากิจกรรมตางๆพรอมกับจัดสภาพแวดลอม
เพื่อใหเกิดการเรียนรูไดมากที่สุด ครูจะตองเปนผูหนึ่งที่มีสวนรวมในกระบวนการเรียนการสอนเชนเดียวกับนักเรียน
และมีหนาที่ชวยเหลือนักเรียนในการพัฒนาโครงการตางๆที่นักเรียนไดทําอยู นอกจากนี้ครูควรจะสนับสนุนให
นักเรียนในการพัฒนาโครงการตางๆ ที่นักเรียนไดทําอยู เปนผูสนับสนุนใหนักเรียนไดรวมมือกันมากกวาการแขงขัน
กันในการกระทําสิ่งตางๆ
หลักสูตร ในทัศนะของปรัชญากลุมพิพัฒนนิยมจะยึดเอาผูเรียนเปนศูนยกลางการเรียน และคัดคานอยาง
ยิ่งตอหลักสูตรที่ยึดเอาวิชาเปนศูนยกลาง การเรียนการสอนมักยึดเอาความตองการของผูเรียนเปนหลัก ดังนั้น
หลักสูตรจึงมีความยึดหยุนมากที่สุด ขึ้นอยูกับความตองการของผูเรียนเปนประการสําคัญ หลักสูตรแบบนี้มีชื่อ
เรียกวา "หลักสูตรประสบการณ (experience curriculum)" หรือ "หลักสูตรที่ยึดผูเรียนเปนศูนยกลาง (child
centered curriculum)"
วิธีการเรียนการสอน ใชวิธีการเรียนการสอนในหลายลักษณะที่เห็นวาจะนํามาใชได และมีความแตกตางกัน
ตั้งแตจัดแบบตามสบายจนกระทั่งถึงแบบที่มีระเบียบแบบแผน สําหรับวิธีการที่นิยมใชมากก็คือการทําโครงการ การ
อภิปรายกลุม และการแกปญหาเปนรายบุคคล การจัดการเรียนการสอนตามแนวความคิดของกลุมพิพัฒนนิยม จะ
เนน "คิดอยางไร" มากกวา"คิดอะไร" นั่นคือ เนนกระบวนการมากกวาจุดหมายปลายทางของการเรียน
อยางไรก็ตาม ไดมีนักการศึกษาไดวิจารณเกี่ยวกับปรัชญาการศึกษากลุมพิพัฒนนิยมไวดังตอไปนี้ 1) จาก
หลักการที่ถือเอาผูเรียนเปนศูนยกลางของการเรียน และกิจกรรมที่นักเรียนไดทําเอง จะชวยใหนักเรียนสามารถกาว
ไปสูการปรับปรุงตนเองใหดีขึ้น สามารถปรับตัวใหเขากับสังคมไดดีขึ้นและมีชีวิตที่ดีนั้น คําถามจึงอยูที่การปรับปรุง
ตนเองใหดีขึ้น การเขาสังคมไดดีขึ้น และมีชีวิตที่ดีขึ้นนั้นมีความหมายอยางไร 2) ขอที่ถูกโจมตีอีกอยางหนึ่งก็คือ
การใหผูเรียนไดเรียนตามความสนใจของตนเอง โดยทั่วไปเชื่อวาจะใหอิสระกับผูเรียนในระดับสูงกวาปริญญาตรีใน
การเลือกเรียนแขนงวิชาตางๆ ก็เนื่องจากวาเปนผูที่มีวุฒิภาวะทางสติปญญาสูงเพียงพอ แตการใหผูเรียนซึ่งยังไมมี
ความพรอมทางสติปญญาเลือกเรียนสิ่งตางๆตามความสนใจของผูเรียนนั้น อาจประสบความลมเหลวในที่สุด 3) การ
ที่นักปรัชญากลุมพิพัฒนนิยมสนับสนุนใหผูเรียนไดศึกษาคนควาหาความรูดวยตนเอง โดยอาศัยความรวมมือจากเพื่อน
และคําแนะนําของครูนั้น ไดมีผูคัดคานวาเนื่องจากความรูมีอยูมาก และขณะเดียวกันผูเรียนก็ยังไมมีความสามารถจําแนก
ไดวาความรูไหนมีความจําเปนและความรูไหนไมมีความจําเปน ดังนั้น กลุมผูคัดคานจึงมีความเห็นวาผูเรียนควรจะไดเรียน
ในสิ่งที่ผูเชี่ยวชาญไดเสนอแนะใหมากกวาจะเลือกหรือตัดสินใจดวยตนเอง 4)จากการที่กลุมพิพัฒนนิยมไดกลาววาการ
เรียน โดยการแกปญหาจะนําไปสูความงอกงามทางสติปญญา และไดนําเอาผลการศึกษาคนควาจาก การวิจัย Eight
Years Study มายืนยันนั้น ก็มีผูคัดคานวาในการศึกษาคนควาครั้งนี้ยังมีตัวแปรอีกมากมายที่ยังไมไดควบคุม ดังนั้น
การจะสรุปวาการเรียนดวยการแกปญหาเปนการเรียนที่ดีที่สุดนั้นยังไมเพียงพอ 5) จากการที่กลุมพิพัฒนนิยมกลาว
วา ผูเรียนไมใชผูใหญที่ยอสวนลงมา ดังนั้น การจัดการเรียนการสอนจึงควรจัดเพื่อผูเรียนโดยตรง มีผูคัดคานวา ถา
หากไมคํานึง ถึง ลักษณะที่ผูเ รียนควรจะทําเชนไรเมื่อเขาเปน ผูใหญแลว ถาผูเ รียนตองการที่จะเปนผูที่สังคมไม
ปรารถนา เชน ใชชีวิตเปนอันธพาลจะทําอยางไร 6) การที่กลุมพิพัฒนนิยมสนับสนุนใหมีการรวมมือกันมากกวาการ
แขงขันก็มีผูทวงติงวา ถาหากไมมีการแนะนําถึงความรวมมือในสิ่งที่ควรทําหรือไมควรทําแลว บางครั้งการรวมมือ
อาจจะนําไปสูการรวมมือในทางที่ผิดพลาดได 7) การที่กลุมพิพัฒนนิยมกลาววา ปรัชญาการศึกษาของกลุมนี้ เปน
ระบบการศึกษาในรูปแบบของประชาธิปไตย ดังนั้ น ในสายตาของกลุมนี้จึงมองการศึกษาของประเทศอื่น เชน
การศึ ก ษาของประเทศฝรั่ ง เศส ว า ไม เ ป น ประชาธิ ป ไตย ทั้ ง ๆที่ ก ารศึ ก ษาในประเทศเหล า นั้ น ก็ มี ค วามเป น
ประชาธิปไตย และเปนที่ยอมรับกันของคนทั่วทั้งประเทศ 8) สิ่งที่ถูกโจมตีจากประชาชนเปนอยางมากคือ จากการที่
ไมเนนความสําคัญดานเนื้อหาวิชา ทําใหความเจริญกาวหนาทางวิทยาศาสตรสูประเทศรัสเซียไมได กลาวคือในป
ค.ศ.1957 รัสเซียไดสงดาวเทียมสปุคนิค (sputnik) ขึ้นไปสูอวกาศเปนประเทศแรก โดยเหตุนี้การศึกษาแบบ
พิพัฒนนิยมจึงถูกโจมมีวา สนใจแตผูเรียน แตไมสนใจเนื้อหาวิชาการเลย (Kneller, 1964 อางถึงใน สงัด
อุทรานันท, 2532)
เมื่อพิจารณาแลวจะเห็นวา การจัดการศึกษาตามแนวพิพัฒนนิยมมีแนวโนมในการตอตานแนวความคิด
การจัดการศึกษาแบบเกา ที่เนนระเบียบวินัย เนนการเรียนการสอนที่เขมงวด ที่ตองทําแบบฝกหัดตามหลักสูตรและ
ทองจําเปนหลัก การจัดการศึกษาตามแนวพิพัฒนนิยมจะเนนกระบวนการมากกวาเนื้อหา
4.ปรัชญาปฏิรูปนิยม (Resonstructionism)
ปรัชญาปฏิรูปนิยม มีรากฐานมาจากปรัชญาปฏิบัตินิยม (Pragmatism) เชนเดียวกับปรัชญาพิพัฒนนิยม
โดยทั่วไปถือวาเปนสวนหนึ่งของปรัชญาการศึกษาแบบพิพัฒนนิยม บิดาของปรัชญาการศึกษาปฏิรูปนิยมนี้ คือ
Theodor Brameld
นโยบายทางสัง คม กลุ มปฏิ รู ป นิย มมีความเชื่อว า การศึกษาควรจะเปน เครื่ องมื อ โดยตรงสํา หรับ การ
เปลี่ยนแปลงสังคม ในภาวะที่สังคมกําลังเผชิญปญหาตางๆอยูนั้น การศึกษาควรจะมีบทบาทในการแกปญหาและ
พัฒนาสังคมใหดีขึ้น
เปาหมายการศึกษา การศึกษาควรจะมุงใหผูเรียนสนใจและตระหนักในตนเอง สรางความรูสึกวาผูเรียน
เปนสมาชิกของสังคม และสามารถปฏิรูปสังคมใหดีขึ้นได
นักเรียน จะตองมีความรูสึกสํานึกในหนาที่ รับชวงของการสรางสังคมใหม โดยเหตุนี้ผูเรียนจําเปนจะตอง
หาประสบการณดวยตนเองใหมากที่สุด เพื่อจะไดรูจักตนเองและรูวาจะทําอะไรใหสังคมในอนาคต และผูเรียนมี
เสรีภาพในการทําสิ่งตางๆที่เห็นวาเปนประโยชนตอสวนรวมไดมากที่สุด
ครู นักปรัชญากลุมปฏิรูปนิยมถือวาครูจะตองเปนผูนําในสังคม สรางระเบียบแบบแผนที่เหมาะสมให
เกิดขึ้น ครูมีหนาที่สอนกระบวนการประชาธิปไตยใหนักเรียน สามารถนํากระบวนการนี้ไปใชทั้งอยูในโรงเรียน และ
ในสังคม
หลักสูตร หลักสูตรในทัศนะของนักปรัชญากลุมปฏิรูปนิยมยึดเอาอนาคตเปนศูนยกลาง โดยพยายามจัดให
เหมาะสมกับความตองการของผูเรียนที่ตองการจะเปนในอนาคต เนื้อหาวิชาที่จัดไวในหลักสูตรจะเกี่ยวของกับสภาพ
และปญหาของสังคมปจจุบันเปนสวนใหญ เนนหนักในวิชาสังคมศึกษา มักจะจัดหลักสูตรในรูปของหลักสูตรแบบ
แกน และยึดเอาภาระหนาที่ภายในสังคมเปนหลักในการจัด
การจัดการเรียนการสอน การจัดเวลาสําหรับการสอน จะมีความยึดหยุนไดมากเพื่อใหเหมาะสมกับการจัด
กิจกรรมการเรียนการสอนในลักษณะตางๆได ครูใหเสรีภาพแกผูเรียน เพื่อใหผูเรียนไดพัฒนาตนเองและทําในสิ่งที่
ดีที่สุดเพื่อสวนรวม
5. ปรัชญาการศึกษากลุมภาวะนิยม (Existentialism)
Existentia มีความหมายวา ความมีอยู หรือเปนแกนแทของความจริง ซึ่งเนนการมีอยูของมนุษยแตละคน
ซึ่งมีวิ่งแวดลอมและสภาพของตนเอง ปรัชญาการศึกษากลุมภาวะนิยม เปนแนวความคิดที่เนนความพึงพอใจของ
ผูเรียนเปนรายบุคคล ใหความสําคัญกับเสรีภาพ และความเปนตัวของตัวเองของแตละบุคคล ซึ่งเปนหนาที่ของ
มนุษยแตละคนที่จะเลือกอยางเสรี สรางลักษณะของตนเองตามแบบอยางตนเองปรารถนา การที่มนุษยจะกระทํา
เชนนั้นไดจําเปนตองมีเสรีภาพเปนสําคัญ โดยจะเปนเสรีภาพในการเลือกและตัดสินใจ ซึ่งเสรีภาพตองควบคูไปกับ
ความรับผิดชอบตอการตัดสินใจที่มีผลตอตนเองและผูอื่นดวย
นโยบายสังคม กลุมภาวะนิยมมีความเชื่อวา มนุษยเกิดมาบนโลกพรอมกับความวางเปลาไมมีสาระอะไรติด
มา ดัง นั้น จึง เปนหนาที่ข องตัวมนุษยเองที่จะตองพยายามคน หาตัวเอง และเลื อกสรางลักษณะของตนเองที่ต น
อยากจะเปน อาทิ เปนครู แพทย วิศวกร ชาวนา ผูเสียสละ เปนตน ในการเลือกบุคคลมีสิทธิเสรีภาพปราศจาก
เงื่อนไข และกฎเกณฑของสังคมบีบบังคับ
เปาหมายการศึกษา มุงใหผูเรียนไดคนพบและรูจักตนเอง โดยการทบทวน พิจารณาใครครวญและ
ตรวจสอบตนเองอยูเสมอๆ เพื่อใหเกิดสํานึกที่ถูกตอง การศึกษาชวยใหผูเรียนรูศักยภาพของตนเอง
นักเรียน มีเสรีภาพอยางมากในการที่จะเลือกเรียนรูในสิ่งที่ตนเองสนใจ ในประเทศไทยไดมีการทดลองจัดตั้ง
โรงเรียนตามแนวความคิดของปรัชญากลุมภาวะนิยมคือ โรงเรียนหมูบานเด็ก ซึ่งเปนโรงเรียนที่จัดสอนตามความสามารถ
ของผูเรียน ตามความชอบของผูเรียนเปนหลัก หรือ summer hill, non-grad school เปนตน
ครู จะทําหนาที่เปนตัวกระตุนเรงเราใหผูเรียนรับผิดชอบตอการกระทําของตนเอง ครูควรพยายามทําให
ผูเรียนเขาใจวา ชีวิตเปนของตัวผูเรียนเองดังนั้นผูเรียนควรเปนผูกําหนดแนวทางชีวิตเอง หลังจากไดศึกษาขอมูล
ตางๆและไดรับคําแนะนําจากครูหรือผูมีประสบการณแลว ผูสอนควรมีความเปนกันเองและรวมคิดรวมทํากับผูเรียน
หลักสูตร ใหความสําคัญกับทุกรายวิชา ทุกเนื้อหาเสมอภาคกัน หากผูเรียนเห็นวาวิชาใดเหมาะกับตนที่จะ
ทําใหตนเขาใจสังคมและตัวเองได ยอมถือวาวิชานั้นเหมาะกับผูเรียน เนื้อหาในหลักสูตรจะมุงเนนการเจริญเติบโต
และพัฒนาการผูเรียน ดังนั้นวิชาที่สอนจึงมีความโนมเอียงไปทางหมวดมนุษยศาสตรและสังคมศาสตร
การจัดการศึกษาตามแนวคิดของปรัชญากลุมนี้ สะทอนใหเห็นไดอยางหลากหลายรูปแบบ เชน การศึกษา
ในระบบเปด มนุษยธรรมในการศึกษา การสอนแบบไมมีชั้นเรียน การจัดกลุมผูเรียนหลายกลุมอายุ เปนตน
สํ า หรั บ ข อ วิ จ ารณ เ กี่ ย วกั บ การจั ด การศึ ก ษาตามแนวคิ ด ของนั ก ปรั ช ญากลุ ม ภาวะนิ ย มก็ คื อ มั ก จะถู ก
วิพากษวิจารณกับการลงทุนทางการศึกษา ทั้งนี้เพราะวา การจัดการศึกษาเพื่อสนองความตองการของแตละคนนั้น
จะตองเสียคาใชจายมากกวา การจัดการเรียนการสอนเปนกลุม
เนื่องจากปรัชญาการศึกษาเปนเรื่องที่เกี่ยวของกับแนวคิดความเชื่อในการจัดการศึกษา ดังนั้นปรัชญา
การศึกษาจึงมีอิทธิพลตอการพัฒนาหลักสูตรโดยตรง สังคมใดที่มีแนวความคิดเกี่ยวกับปรัชญาการศึกษาในลักษณะ
ใดลักษณะหนึ่ง แนวคิดอันนั้นก็จะสะทอนใหเห็นไดจากการจัดหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน และการวัดและ
ประเมินผลการเรียนการสอน ซึ่งพิจารณาไดจากแนวทางการจัดการเรียนการสอนตามลัทธิปรัชญาการศึกษาดังได
กลาวมาแลว ดังนั้นอาจกลาวไดวา ปรัชญาการศึกษาเปนรากฐานที่สําคัญหนึ่งของการพัฒนาหลักสูตร
นอกจากนั้นธรรมชาติของศาสตรทางการศึกษาซึ่งเปนศาสตรประยุกต (applied science) แนวคิดตลอดจนวิธีการ
จัดการศึกษาจึงไดนําเอาความรูตางๆที่ไดจากศาสตรสาขาตางๆ เชน ปรัชญา จิตวิทยา สังคมวิทยา เปนตน มาเปนแนวทาง
ในการดําเนินการจัดการศึกษา โดยศาสตรทางการศึกษาจะพยายามเลือกสรรเอาเฉพาะสิ่งที่มีความสําคัญและจําเปนหรือ
สามารถนําไปปฏิบัติได มาเปนสวนประกอบในการจัดการศึกษา วิธีการเลือกสรรสิ่งตางๆจะครอบคลุมไปถึงการเลือกสรร
ศาสตรตางๆ ในระดับสาขาวิชา และเลือกสรรเนื้อหาสาระในระดับยอยซึ่งอยูภายในแตละสาขาวิชาอีกดวย
ในเรื่องปรัชญาการศึกษาก็เชนเดียวกัน เนื่องจากปรัชญาแตละลัทธิจะมีทั้งขอดีและขอจํากัดในแตละสังคม กลาว
อีกนัยหนึ่งก็คือจะเปนขอจํากัดอยางยิ่งถาจะนําเอาปรัชญาลัทธิใดลัทธิหนึ่งมาใชกับสังคมไทยโดยตรง การจัดการศึกษาของ
ไทยในอดีต ระหวางป พ.ศ.2411-2547 อาจกลาวไดวา เปนไปตามแนวสารัตถนิยม (วิทย วิศทเวทย อางถึงในสงัด
อุทรานันท, 2532) แตในปจจุบันอาจเปนการยากที่จะกลาววาปรัชญาการศึกษาในหลักสูตรไทยเปนไปตามลัทธิปรัชญาใด
ซึ่งอาจจะบอกไดเพียงแตวาโดยสวนใหญนั้น มีความสอดคลองกับลัทธิใดหรือปรัชญาใดมากที่สุดเทานั้น ตัวอยางเชน อาจ
บอกไดเพียงวาหลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ. 2503 นั้น มีความสอดคลองกับลัทธิปรัชญาแบบสารัตถนิยม มากที่สุด หรือ
หลักสูตรประถมศึกษาพุทธศักราช 2521 นั้นมีความสอดคลองกับปรัชญาลัทธิปฏิรูปนิยม มากที่สุด ที่กลาวหลักสูตรของ
ไทยมีความสอดคลองกับลัทธิปรัชญาแบบนั้นแบบนี้มากที่สุดนั้น เปนเพียงการกลาววาสวนใหญเทานั้น แนวคิดในการจัด
การศึกษาคอนของไปในลัทธิปรัชญาใดปรัชญาหนึ่งเทานั้น ไมไดหมายความถึงวาทุกอยางจะเปนไปตามแนวคิดของปรัชญา
ลัทธินั้นๆทั้งหมด ทั้งนี้อาจเนื่องจากวา นอกจากจะมีแนวคิดตามปรัชญานั้นๆแลวยังมีความคิดจากปรัชญาลัทธิอื่นๆ
ผสมผสานอยูดวย ปรัชญาลัทธิอื่นๆผสมผสานอยูดวย ปรัชญาที่เกิดจากการผสมผสานแนวความคิดของปรัชญาอื่นๆอยู มี
ชื่อเฉพาะวา "ปรัชญาแบบผสมผสาน (Eclecticism)" โดยลักษณะเชนี้จึงกลาวไดอีกอยางหนึ่งวา หลักสูตรประถมศึกษาของ
ไทยเปนไปตามลัทธิปรัชญาแบบผสมผสานก็ได ซึ่งแนวคิดปรัชญาแบบนี้จะทําการเลื อกสรรเอาสวนที่เห็ นวามี ความ
เหมาะสมจากปรัชญาลัทธิตางๆมาผสมผสานกันโดยไมยึดลัทธิใดลัทธิหนึ่งโดยตรง
บรรณานุกรม
สงัด อุทรานันท. พื้นฐานและหลักการพัฒนาหลักสูตร. กรุงเทพ: จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย, 2532.
กีรติ บุญเจือ. ปรัชญาลัทธิอัตถิภาวนิยม. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช. 2522.
ไพฑูรย สินลารัตน. ปรัชญาการศึกษาเบื้องตน. พิมพครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. 2529.
อุรวดี รุจิเกียรติติจร. ปรัชญาการศึกษาเบื้องตน. ขอนแกน. ขอนแกนการพิมพ. 2535.