การทัพตามแนวชายแดนจีน-พม่า
การทัพตามแนวชายแดนจีน-พม่า | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามกลางเมืองจีน | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
|
จีน พม่า | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
หลิว หยวนหลิน (柳元麟) หวู หยุนหนวน (吳運暖) จาง เหวยเฉิง (張偉成) หลี่ หมี (李彌) |
หลี ซี่ฟู (黎锡福) ดิง รงฉาง (丁荣昌) ซุ้ย เจี๋ยงกง (崔建功) วิน มาอัง | ||||||
กำลัง | |||||||
10,000 คน | 6,700 คน | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
741 คน |
258 คน (จากการต่อสู้) มากกว่า 800 คน (ที่ไม่ใช่จากการต่อสู้) |
การทัพตามแนวชายแดนจีน-พม่า (Campaign along the China-Burma Border; ภาษาจีน: 中缅边境作战) เป็นลำดับของการสู้รบระหว่างจีนคณะชาติและจีนคอมมิวนิสต์ระหว่างสงครามกลางเมืองจีนในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนจีน-พม่า ซึ่งฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์เป็นฝ่ายชนะ การทัพนี้ฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์เรียกว่าการทัพเพื่อความปลอดภัยตามแนวชายแดนจีน-พม่า (Campaign to Provide Security for the China-Burma Border Surveying; ภาษาจีน: 中缅边境勘界警卫作战)
ภูมิหลัง
[แก้]หลังการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ในจีน กองทัพฝ่ายจีนคณะชาติที่เหลืออยู่ได้ถอยมายังพม่าและยังคงต่อสู้ภายใต้แรงกดดันจากนานาชาติ รัฐบาลจีนคณะชาติในไต้หวันได้ถอนกองกำลังตามแนวชายแดนจีน-พม่ามากกว่า 6,500 คน ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2497 แต่มีกลุ่มจีนคณะชาติที่ปฏิเสธการเดินทางไปไต้หวันและเลือกที่จะอยู่ในพม่า จัดตั้งกองกำลังต่อต้านคอมมิวนิสต์ หลิว หยวนหลิน (柳元麟) ได้จัดตั้งกองกำลังอาสาสมัครต่อต้านคอมมิวนิสต์ประชาชนยูนนานในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2497 ในราวพ.ศ. 2503 กองทัพจีนคณะชาติในพม่าภาคเหนือขึ้นถึงจุดสูงสุด มีทหารเกือบหมื่นคน พื้นที่ที่ฝ่ายต่อต้านคอมมิวนิสต์ยึดครองยาว 300 กิโลเมตรตามแนวชายแดนจีน-พม่า และมีความกว้าง 100 กิโลเมตร ใน พ.ศ. 2503 เน วิน ผู้นำพม่าได้ไปเยือนจีน และได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อยุติข้อโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ระหว่างจีนกับพม่า เมื่อ 28 มกราคม พ.ศ. 2503 ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2503 เน วินและอูนุเดินทางไปเยือนจีนและลงนามในสนธิสัญญาเกี่ยวกับแนวชายแดนกับโจว เอินไหล นายกรัฐมนตรีจีน
การเริ่มต้น
[แก้]ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2503 ฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์ได้สั่งให้เขตทหารคุนหมิงเตรียมพร้อมสำหรับการทัพ ต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2503 จีนคอมมิวนิสต์และรัฐบาลพม่าได้ประชุมร่วมกันเกี่ยวกับเหตุการณ์สู้รบกับคอมมิวนิสต์ในพม่า ตัวแทนฝ่ายพม่าคือนายพลอองจี (Aung Gyi) และซานยู ตัวแทนฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์นำโดยติง หรงชาง (丁荣昌) รองผู้บัญชาการเขตทหารยูนนาน และเฉิง เสวหยู (成学渝) ผู้บัญชาการกองทัพป้องกันชายแดนของกองทัพปลดปล่อยประชาชน ในวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2503 ได้มีการลงนาม โดยพม่ายอมให้ทหารจีนคอมมิวนิสต์เข้ามาสู้รบในพม่าได้ลึก 20 กิโลเมตรและยาว 300 กิโลเมตรตามแนวชายแดน ในวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2503คณะกรรมการกองทัพส่วนกลางคอมมิวนิสต์ได้สั่งให้กองทัพข้ามชายแดนเข้ามาโจมตีกองทัพจีนคณะชาติในพม่า
ยุทโธบาย
[แก้]ทั้งสองด้านถูกจำกัดด้วยปัจจัยหลายประการ ฝ่ายจีนคณะชาติที่มีจำนวนน้อยพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะหนัก โดยถอนตัวออกจากแนวชายแดนอย่างรวดเร็ว ฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์ถูกจำกัดด้วยเส้นตายที่จำกัดการเคลื่อนไหว กลุ่มจีนคณะชาติจึงเคลื่อนย้ายไปยังแนวชายแดนไทย-ลาวแทน
ยุทโธบายของจีนคณะชาติ
[แก้]แนวรบด้านหน้าของจีนคณะชาติอยู่ตามแนวชายแดนยาว 300 กิโลเมตร ลึกเข้ามา 20 กิโลเมตร และเป็นเป้าหมายหลักในการรุกเข้ามาของฝ่ายคอมมิวนิสต์ แนวรบในการต้านทานการรุกรานมีราว 800 คน จุดที่ตั้งรับคือทางใต้ของแม่น้ำหลัว ที่มีเทือกเขาอยู่ด้านหลัง และคุมทางรถไฟและถนนที่สำคัญ
ยุทโธบายของฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์
[แก้]ฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์แบ่งพื้นที่สู้รบเป็นพื้นที่ย่อยและวางแผนจะตัดฐานรากของฝ่ายจีนคณะชาติ โดยจีนคอมมิวนิสต์ประเมินกองกำลังฝ่ายจีนคณะชาติสูงเกินไป ฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์ได้ข้ามพรมแดนเข้ามาในตอนเช้าของวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2503
ระยะที่หนึ่ง
[แก้]กองทัพฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์ได้ยกพลข้ามไปในเวลา 5 นาฬิกา ของวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2503 การปะทะในรอบนี้ ทหารฝ่ายจีนชาตินิยม 33 คนถูกฆ่า สามารถทำลายที่มั่นของจีนคณะชาติที่มันอีนายได้ ส่วนกองทัพที่โจมตีจีนคณะชาติในเมงวาและเมงมา สามารถทำให้จีนคณะชาติถอนตัวออกไปได้ การโจมตีที่ตาบันไม ได้ฆ่าทหารจีนคณะชาติไปราวร้อยคน หลังจากการปะทะผ่านไปหลายชั่วโมง หัวหน้าของกองพลที่หนึ่ง, สอง, สาม, ห้า, เจ็ด และแปด ของฝ่ายจีนคณะชาติถูกทำลายโดยสิ้นเชิง แต่เนื่องจากขาดประสบการณ์ในการรบในพื้นที่ที่เป็นภูเขา ครึ่งหนึ่งของกองทัพจีนคอมมิวนิสต์ไปไม่ถึงเป้าหมายทันเวลา ทำให้ฝ่ายจีนคณะชาติถอนกำลังได้ทัน ปฏิบัติการสิ้นสุดลงในวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2503 โดยสามารถสังหารทหารฝ่ายจีนคณะชาติได้ 467 คน ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต หรือคิดเป็น 53.4% ของเป้าหมายที่กำหนดโดยฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์ หลังปฏิบัติการ ทหารพม่าได้ขอให้กองกำลังจีนคอมมิวนิสต์คงอยู่ในพม่าเพื่อป้องกันการโต้กลับของฝ่ายจีนคณะชาติ โดยโจว เอินไหล ยอมให้กองทัพจีนอยู่ในพม่าจนกว่าจะสำเร็จ
ระยะที่สอง
[แก้]หลังจากปฏิบัติการระยะแรกผ่านไป กองทัพฝ่ายจีนคณะชาติที่เหลืออยู่พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรงและโจมตีทหารพม่าเพื่อยึดพื้นที่ใหม่ ทดแทนพื้นที่ที่สูญเสียไป กองทัพพม่าได้ขอร้องให้ทหารจีนคอมมิวนิสต์เข้ามาช่วยเหลือเมื่อ 18 มกราคม พ.ศ. 2504 จีนคอมมิวนิสต์ตัดสินใจยกกองทัพข้ามมาเป็นครั้งที่สองเพื่อโจมตีจีนคณะชาติในปลายเดือนมกราคม โดยกองทัพพม่ายอมให้กองทัพจีนคอมมิวนิสต์บุกลลึกเข้ามาได้อีก 50 กิโลเมตร เพื่อปราบปรามจีนคณะชาติประมาณสามพันคนในพื้นที่ของซัวหยง (索永) และเมิ่งไปเลียว (孟白了)
ในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2504 ทหารจีนคอมมิวนิสต์ทั้งหมดได้ข้ามเส้นตายเดิมเข้ามาและโจมตีพื้นที่ทางเหนือและตะวันตกของแม่น้ำโขง หัวหน้ากลุ่มจีนคณะชาติ หลิว หยวนหลิน (柳元麟) ได้สั่งเคลื่อนย้ายกองกำลังไปยังแนวชายแดนลาว-พม่าในคืนเดียวกันนั้น ในวันต่อมา กองกำลังจีนคณะชาติที่ยังต่อสู่อยู่พ่ายแพ้ทั้งหมด ฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์ได้ทำลายกองกำลังของจีนคณะชาติในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาปฏิบัติการและสามารถฆ่านายพลหลี่ ซิฉย่ง (李自雄) และไป๋ เซียงหลิน (白湘麟) ของฝ่ายจีนคณะชาติได้ มีเฉพาะกองกำลังจีนคอมมิวนิสต์จากซีเหมาที่ไปถึงบาซิลิไม่ทันเวลา ทำให้ฆ่าทหารฝ่ายจีนคณะชาติได้เพียง 274 คน ปฏิบัติการนี้สิ้นสุดลงเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2504 และถอนกำลังกลับไปจีน
ผลลัพธ์
[แก้]ฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์ประสบความสำเร็จในการผลักดันจีนคณะชาติออกจากฐานที่ตั้งที่ได้ยึดครองมาเป็นสิบปี สามารถเข้าควบคุมพื้นที่ตามแนวชายแดนจีน-พม่าได้ กลุ่มจีนคณะชาติที่หนีรอดได้ไปตั้งฐานที่มั่นใหม่ตามแนวชายแดนไทย-ลาวและยังดำรงอยู่จนถึงทุกวันนี้ สำหรักลุ่มจีนคณะชาติได้สูญเสียที่มั่นเดิมแต่ก็ยังรักษากำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ไปยังพื้นที่ใหม่ได้ แม้จะมีความอุดมสมบูรณ์น้อยกว่าเดิม กองทัพในฐานที่ตั้งใหม่ต้องพึ่งพาการผลิตและการค้าฝิ่นมากขึ้นและพื้นที่ที่พวกเขาควบคุมกลายเป็นส่วนหนึ่งของสามเหลี่ยมทองคำ
หลังจากนั้น
[แก้]ชัยชนะของฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์ในปฏิบัติการครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดปัญหาตามมา ปัญหาสำคัญในการสู้รบของฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์ได้แก่ การขาดแคลนความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ที่มีแม่น้ำ หุบเขาและพื้นที่ลาดชันจำนวนมาก แทบจะไม่มีถนน มีโรคติดต่อมาก ปัจจัยเหล่านี้ถูกมองข้ามในการวางแผนของฝ่ายคอมมิวนิสต์โดยมองจากฐานของพื้นที่หุบเขาที่ซับซ้อนน้อยกว่าในจีน ทำให้ปฏิบัติการครั้งแรก กองทัพจีนคอมมิวนิสต์ไปไม่ถึงเป้าหมายตามเวลาที่กำหนด การเคลื่อนไหวของฝ่ายจีนไปได้เพียง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขาดความสามารถในการข้ามแม่น้ำอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่สามารถปิดล้อมฝ่ายจีนคณะชาติ จนสามารถหลบหนีไปได้
การทำงานของเจ้าหน้าที่ขาดประสบการณ์ที่ทันสมัย ไม่สามารถนำประสบการณ์ในสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามกลางเมืองจีนมาใช้ในการทัพนี้ได้ เช่น ไม่สามารถอ่านแผนที่ได้ทำให้หลงทาง ขาดแคลนอุปกรณ์ในการข้ามแม่น้ำ การสร้างถนนและการแพทย์ กลยุทธการสู้รบส่วนใหญ่ฝึกฝนมาจากพื้นที่แห้งแล้งในจีน ไม่สามารถใช้ได้ในพื้นที่ชื้นเช่นในพม่า ทำให้ขาดการติดต่อสื่อสารหรือประเมินฝ่ายตรงข้ามสูงเกินไป
ผลจากความล้มเหลวบางประการในการโจมตีกองทัพจีนคณะชาติในพม่าครั้งนี้ทำให้กระทรวงกลาโหมของจีนสั่งให้มีการฝึกกลยุทธการรบใหม่โดยใช้ประสบการณ์ที่ได้จากการทัพครั้งนี้ ปรับปรุงเขตทหารคุนหมิงและเขตทหารกวางโจวให้ดีขึ้น การปรับปรุงนี้ได้รับการพิสูจน์ในการบุกโจมตีเวียดนามเหนือและลาวระหว่างที่จีนเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามเวียดนาม
อ้างอิง
[แก้]- Zhu, Zongzhen; Wang, Chaoguang (2000). 解放战争史话 [Liberation War History, 1st Edition] (ภาษาจีน). Beijing: Social Scientific Literary Publishing House. ISBN 7-80149-207-2.
- Zhang, Ping (1987). 解放战争史话 [History of the Liberation War, 1st Edition] (ภาษาจีน). Beijing: Chinese Youth Publishing House. ISBN 7-5006-0081-X.
- Jie, Lifu, Records of the Libration War: The Decisive Battle of Two Kinds of Fates, 1st Edition, Hebei People's Publishing House in Shijiazhuang, 1990, ISBN 7-202-00733-9 (set)
- Literary and Historical Research Committee of the Anhui Committee of the Chinese People's Political Consultative Conference, Liberation War, 1st Edition, Anhui People's Publishing House in Hefei, 1987, ISBN 7-212-00007-8
- Li, Zuomin (2004). 雄师铁马: 解放战争纪实 [Heroic Division and Iron Horse: Records of the Liberation War, 1st Edition] (ภาษาจีน). Beijing: Chinese Communist Party History Publishing House. ISBN 7-80199-029-3.
- Wang, Xingsheng, and Zhang, Jingshan, Chinese Liberation War, 1st Edition, People's Liberation Army Literature and Art Publishing House in Beijing, 2001, ISBN 7-5033-1351-X (set)
- Huang, Youlan (1992). 中国人民解放战争史 [History of the Chinese People's Liberation War, 1st Edition] (ภาษาจีน). Beijing: Archives Publishing House. ISBN 7-80019-338-1.
- Liu Wusheng (1993). 从延安到北京 : 解放战争重大战役军事文献和研究文章专题选集 [From Yan'an to Beijing: A Collection of Military Records and Research Publications of Important Campaigns in the Liberation War, 1st Edition] (ภาษาจีน). Beijing: Central Literary Publishing House. ISBN 7-5073-0074-9.
- Tang, Yilu and Bi, Jianzhong, History of Chinese People's Liberation Army in Chinese Liberation War, 1st Edition, Military Scientific Publishing House in Beijing, 1993 – 1997, ISBN 7-80021-719-1 (Volum 1), 7800219615 (Volum 2), 7800219631 (Volum 3), 7801370937 (Volum 4), and 7801370953 (Volum 5)