สมเด็จพระราชินีฟาบิโอลาแห่งเบลเยียม
ฟาบิโอลา | |||||
---|---|---|---|---|---|
สมเด็จพระราชินีแห่งเบลเยียม | |||||
ดำรงพระยศ | 15 ธันวาคม ค.ศ. 1960 – 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1993 (32 ปี 228 วัน) | ||||
ก่อนหน้า | อัสตริดแห่งสวีเดน | ||||
ถัดไป | เปาลา รุฟโฟ ดี กาลาเบรีย | ||||
พระราชสมภพ | 11 มิถุนายน ค.ศ. 1928 มาดริด ประเทศสเปน[1] | ||||
สวรรคต | 5 ธันวาคม ค.ศ. 2014 ลาเกิน ประเทศเบลเยียม | (86 ปี)||||
ฝังพระศพ | 12 ธันวาคม ค.ศ. 2014 โบสถ์แม่พระแห่งลาเกิน | ||||
พระราชสวามี | สมเด็จพระราชาธิบดีโบดวงแห่งเบลเยียม (ค.ศ. 1960 – 1993) | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | ซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา (อภิเษกสมรส) | ||||
พระราชบิดา | กอนซาโล แฟร์นันเดซ อี เรย์รา เดล โอลโม | ||||
พระราชมารดา | บลังกา เด อารากอน อี การ์ริลโล เด อัลบอร์โนซ บาร์โรเอตา อัลเดมา อี เอเลียว | ||||
ศาสนา | โรมันคาทอลิก | ||||
ลายพระอภิไธย |
สมเด็จพระราชินีฟาบิโอลาแห่งเบลเยียม (ดัตช์: Fabiola, koningin der Belgen; ฝรั่งเศส: Fabiola, Reine des Belges; พระราชสมภพ: 11 มิถุนายน ค.ศ. 1928 – สวรรคต: 5 ธันวาคม ค.ศ. 2014) หรือพระนามเดิมว่า ดอญญา ฟาบิโอลา เด โมรา อี อารากอน (สเปน: Doña Fabiola de Mora y Aragón) สตรีชาวสเปนที่ต่อมาได้เป็นสมเด็จพระราชินีในสมเด็จพระราชาธิบดีโบดวงแห่งเบลเยียม ครั้นเมื่อพระราชสวามีได้เสด็จสวรรคตลงในปี ค.ศ. 1993 พระองค์จึงเป็นพระราชินีม่ายแห่งเบลเยียมหลังดำรงตำแหน่งสมเด็จพระราชินีมา 33 ปี
พระราชประวัติ
[แก้]สมเด็จพระราชินีฟาบิโอลาแห่งเบลเยียม เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1928 ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน เป็นพระธิดาของกอนซาโล เฟร์นันเดซ อี เรย์รา เดล โอลโม, มาควิสที่ 4 แห่งโคซาเรย์รา, เคานต์ที่ 2 แห่งโมรา กับมารดาชื่อ บลังกา เด อารากอน อี การ์ริลโล เด อัลบอร์โนซ บาร์โรเอตา อัลเดมา อี เอเลียว[2] พระองค์มีพี่ชายหนึ่งคนคือ ไคเม เด โมรา อี อารากอน นักแสดงและเพลย์บอยชาวสเปน[3] ส่วนแม่ทูนหัวของพระองค์คือ สมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย ยูจีนีแห่งสเปน[4]
นอกจากภาษาสเปนแล้ว พระองค์ยังสามารถรับสั่งภาษาฝรั่งเศส, อังกฤษ, เยอรมัน, ดัตช์ และอิตาลี[5] ก่อนการอภิเษกสมรส พระองค์เคยตีพิมพ์อัลบั้ม 12 เทพนิยาย ในหนังสือ ลอสโดเซเกโตสมาราบียาโซส (Los doce cuentos maravillosos) หนึ่งในนั้นคือเรื่อง เดอะอินเดียนวอเทอร์ลีลีส์ (The Indian Water Lilies) เมื่อปี ค.ศ. 1966[6]
อภิเษกสมรส
[แก้]วันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1960 ฟาบิโอลาได้เข้าอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระราชาธิบดีโบดวง[7] โดยพิธีอภิเษกสมรสดังกล่าวถูกจัดขึ้นที่โบสถ์ลาเคิน (Laeken) ฟาบิโอลาได้สวมรัดเกล้าอาร์ตเดโก 1926 (1926 Art Deco tiara) ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระราชินีอัสตริดแห่งเบลเยียม ซึ่งเป็นพระชนนีของสวามี ส่วนฉลองพระองค์ผ้าซาตินได้รับการออกแบบโดยคริสโตบัล บาเลนเซียกา
ทั้งสองพระองค์ไม่มีพระบุตรด้วยกัน เนื่องจากสุขภาพของสมเด็จพระราชินีไม่เอื้ออำนวย ทรงตั้งพระครรภ์แต่ทรงตก (แท้ง) ไปเสียห้าครั้ง[8] ในกลางปี ค.ศ. 1960 มีการรายงานเกี่ยวกับการประสูติกาลของพระราชบุตรซึ่งสิ้นพระชนม์ตั้งแต่แรกประสูติ ด้วยเหตุการณ์ที่ผ่านมาสมเด็จพระราชินีฟาบิโอลาจึงพระราชทานสัมภาษณ์ในปี ค.ศ. 2008 ความว่า
"คุณก็ทราบดีว่าข้าพเจ้าเสียบุตรไปห้าคน คุณได้เรียนรู้บางสิ่งจากประสบการณ์นี้. ข้าพเจ้ามีปัญหาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ แต่คุณรู้ไหม ว่าสุดท้ายข้าพเจ้าคิดได้ว่าชีวิตช่างเป็นสิ่งที่สวยงาม"[8]
หลังครองคู่มายาวนานหลายปี สมเด็จพระราชาธิบดีโบดวงก็เสด็จสวรรคตลงในปี ค.ศ. 1993 ด้วยเหตุที่กษัตริย์องค์ก่อนไม่มีพระบุตรไว้สืบราชสมบัติ ตำแหน่งพระมหากษัตริย์จึงตกไปสู่พระอนุชาธิราชและได้ครองราชย์ต่อมา คือ สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 พระองค์จึงย้ายออกจากพระราชวังลาเคินไปประทับที่ปราสาทหลังอื่น
ปลายพระชนม์
[แก้]เมื่อวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 2009 สมเด็จพระราชินีฟาบิโอลาประชวรด้วยพระอาการพระปับผาสะอักเสบจนต้องประทับรักษาที่โรงพยาบาลเป็นเวลาถึง 15 วัน เนื่องจากมีพระอาการอยู่ในขั้นวิกฤต[9] แต่หลังการรักษาก็มีพระอาการที่ดีขึ้นและเสด็จพระราชดำเนินออกมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจได้ตามปกติ
ในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกันนั้นเอง ก็มีผู้ไม่ประสงค์ดีพิมพ์เผยแพร่ข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่าสมเด็จพระราชินีฟาบิโอลาจะถูกลอบยิงด้วยหน้าไม้ เมื่อทราบดังนั้นพระองค์จึงปรากฏตัวในช่วงวันฉลองวันชาติเบลเยียมเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม และทรงโบกแอปเปิ้ลที่อยู่ในพระหัตถ์อย่างขบขัน[10] การคุกคามที่เกิดขึ้นภายหลังนี้มีลายมือชื่อใกล้เคียงกับที่ปรากฏในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2009 ซึ่งปรากฏอีกครั้งในเดือนมกราคม ค.ศ. 2010[11] หลังจากนั้นก็ทรงปรากฏพระองค์น้อยลง ซึ่งอาจสืบเนื่องมาจากภัยคุกคามดังกล่าว หรืออาจมาจากเหตุผลด้านสุขภาพที่มีตามพระชนมพรรษาที่สูงขึ้น
สมเด็จพระราชินีฟาบิโอลา ทรงทนทุกข์ทรมานจากการประชวรด้วยภาวะกระดูกพรุน และไม่ทรงหายขาดจากพระอาการพระปับผาสะอักเสบเมื่อครั้งประชวรหนักในปี ค.ศ. 2009 ท้ายที่สุดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 2014 ราชสำนักเบลเยียมได้ออกมาประกาศการเสด็จสวรรคตสมเด็จพระราชินีฟาบิโอลา ณ ปราสาทสตุยเวินแบร์ก (Stuyvenbergh Castle)[12] สิริพระชนมพรรษา 86 พรรษา
พระราชอิสริยยศ
[แก้]- ดอญญา ฟาบิโอลา เด โมรา อี อารากอน (1928—1960)
- เฮอร์มาเจสตี สมเด็จพระราชินีแห่งชาวเบลเยียม (1960—1993)
- เฮอร์มาเจสตี สมเด็จพระราชินีฟาบิโอลาแห่งเบลเยียม (1993—2014)
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Del palacio Zurbano de Madrid a ser reina de los Belgas" [Madrid Zurbano Palace resident became queen of the Belgians]. ¡Hola!. สืบค้นเมื่อ 26 June 2015.
- ↑ "Queen Fabiola of the Belgians - obituary". Daily Telegraph. 5 December 2014. สืบค้นเมื่อ 5 December 2014.
- ↑ Maruja Torres, “Ya no quedan 'playboys' como los de antes”, El País, 19 November 2011
- ↑ Elliott, Annabel Fenwick. "Belgium's former Queen Fabiola dies at the age of 86". Daily Mail. สืบค้นเมื่อ 5 December 2014.
- ↑ "Monarchie.be". Monarchie.be. สืบค้นเมื่อ 2013-01-13.
- ↑ "De Indische waterlelies". สืบค้นเมื่อ 5 December 2014.
- ↑ "Queen Fabiola of Belgium". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-08. สืบค้นเมื่อ 2011-08-10.
- ↑ 8.0 8.1 Koningin Fabiola had vijf miskramen
- ↑ Belgium: Queen Fabiola in serious condition with pneumonia
- ↑ "Belgium's cool Queen Fabiola defies would-be assassins with jokey apple gesture". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-07-26. สืบค้นเมื่อ 2011-08-10.
- ↑ "Queen Fabiola's death threats". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-25. สืบค้นเมื่อ 2011-08-10.
- ↑ Bart Van Belle (5 ธันวาคม 2557). "Koningin Fabiola overleden" (ภาษาดัตช์). De Standaard. สืบค้นเมื่อ 6 ธันวาคม 2557.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Queen Fabiola - Official website of The Belgian Monarchy
- Queen Fabiola: The Woman Behind The Hairdo - Website The Royal Universe
ก่อนหน้า | สมเด็จพระราชินีฟาบิโอลาแห่งเบลเยียม | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เจ้าหญิงอัสตริดแห่งสวีเดน | สมเด็จพระราชินีแห่งเบลเยียม (15 ธันวาคม ค.ศ. 1960 — 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1993) |
ดอญญาเปาลา รูฟโฟ ดิคาลาเบรีย |