อัสตริดแห่งสวีเดน
อัสตริดแห่งสวีเดน | |||||
---|---|---|---|---|---|
สมเด็จพระราชินีแห่งชาวเบลเยียม | |||||
ดำรงพระยศ | 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1934 - 29 สิงหาคม ค.ศ. 1935 | ||||
ก่อนหน้า | เอลิซาเบธ | ||||
ถัดไป | ฟาบิโอลา | ||||
พระราชสมภพ | 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1905 สต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน | ||||
สวรรคต | 29 สิงหาคม ค.ศ. 1935 รัฐชวีซ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ | (29 ปี)||||
ฝังพระศพ | 3 กันยายน ค.ศ. 1935 โบสถ์แม่พระแห่งลาเกิน บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม | ||||
คู่อภิเษก | พระเจ้าเลออปอลที่ 3 แห่งเบลเยียม | ||||
พระราชบุตร | 3 พระองค์ | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | แบร์นาด็อต | ||||
พระราชบิดา | เจ้าชายคาร์ล ดยุกแห่งเวสเตร์เกิตลันด์ | ||||
พระราชมารดา | เจ้าหญิงอิงเงอร์บอร์กแห่งเดนมาร์ก ดัชเชสแห่งเวสเตร์เกิตลันด์ |
เจ้าหญิงอัสตริดแห่งสวีเดน (Princess Astrid of Sweden พระนามเต็ม อัสตริด โซเฟีย โลวิซา ธือรา; 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1905 - 29 สิงหาคม ค.ศ. 1935) ดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระราชินีแห่งชาวเบลเยียม เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1934 จนกระทั่งสวรรคต ในฐานะพระมเหสีพระองค์แรกในพระเจ้าเลออปอลที่ 3 แห่งเบลเยียม อีกทั้งทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งสวีเดนโดยกำเนิดหลังจากการเสกสมรสในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1926 พระองค์เป็นดัชเชสแห่งบราบันด์ งานกุศลของพระองค์คือเกี่ยวกับ ผู้หญิง เด็ก และผู้ด้อยโอกาส
ประวัติ
[แก้]พระองค์พระราชสมภพเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1905 ณ กรุงสต็อกโฮล์ม โดยทรงเป็นพระธิดาในเจ้าชายคาร์ล ดยุกแห่งเวสเตร์เกิตลันด์ พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าออสการ์ที่ 2 แห่งสวีเดน กับ เจ้าหญิงอิงเงอร์บอร์กแห่งเดนมาร์ก ดัชเชสแห่งเวสเตร์เกิตลันด์ พระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 8 แห่งเดนมาร์ก
โดยทรงเกี่ยวข้องเป็นพระอัยยิกาในฝ่ายพระชนกในสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน เนื่องจากทรงมีศักดิ์เป็นพระญาติชั้นที่สองในเจ้าชายกุสตาฟ อดอล์ฟ ดยุกแห่งเวสเตร์บอตเติน และเป็นพระราชชนนีของกษัตริย์แห่งเบลเยียมสองพระองค์คือ สมเด็จพระราชาธิบดีโบดวง และ สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 อีกด้วย
เจ้าหญิงมาร์ธาแห่งสวีเดน พระเชษฐภคินีทรงอภิเษกกับสมเด็จพระราชาธิบดีโอลาฟที่ 5 แห่งนอร์เวย์ ส่วนเจ้าหญิงมาร์กาเรธาแห่งสวีเดน พระเชษฐภคินีพระองค์ใหญ่ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าชายแอกเซิลแห่งเดนมาร์ก พระญาติชั้นที่หนึ่งในฝ่ายพระชนนี ขณะที่พระอนุชาพระองค์เล็กคือ เจ้าชายคาร์ลแห่งสวีเดน ดยุคแห่งออสเตร์เกิตลันด์ ทรงอภิเษกสมรสต่างฐานันดรศักดิ์กับหญิงสาวสามัญชน
ดัชเชสแห่งบราบันต์
[แก้]สมเด็จพระเจ้าอัลแบร์ที่ 1 และ สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธแห่งเบลเยียม ทรงเชิญสื่อมาที่พระราชวังในกรุงบรัสเซลส์ โดยตรัสว่า "ข้าพเจ้าและพระราชินีมีความประสงค์จะประกาศต่อพวกท่านให้ทราบเกี่ยวกับการอภิเษกสมรสที่จะมีขึ้นระหว่างเจ้าชายเลออปอล ดยุกแห่งบราบันต์ และ เจ้าหญิงอัสตริดแห่งสวีเดน พวกเราเห็นว่าเจ้าหญิงจะทรงนำความรื่นรมย์และความสุขมาสู่โอรสของเรา เลออปอลแลอัสตริดทรงตัดสินใจจะร่วมชีวิตกันโดยปราศจากแรงกดดันหรือเหตุผลทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ความรักของทั้งสองเป็นการอยู่ร่วมกันอย่างแท้จริงท่ามกลางผู้คนที่ชอบแบบเดียวกัน" สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ ซึ่งทรงความโรแมนติกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ทรงกล่าวย้ำว่า "เป็นการสมรสด้วยความรัก จงได้บอกสิ่งนี้ต่อพสกนิกรของเรา ไม่มีการจัดการอะไรทั้งสิ้น ไม่มีเรื่องของการเมืองแม้แต่เพียงเรื่องเดียวมาชักจูงการติดสันใจของโอรสเรา" เจ้าหญิงอัสตริดอภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1926 ณ กรุงบรัสเซลส์ กับ เจ้าชายเลออปอล ดยุกแห่งบราบันต์ ซึ่งเป็นพระอิสริยยศของมกุฎราชกุมารแห่งเบลเยียม แล้วได้ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าหญิงดัชเชสแห่งบราบันต์ (Her Royal Highness The Duchess of Brabant)
ชาวเบลเยียมยอมรับเจ้าหญิงอัสตริดได้อย่างรวดเร็วทันควัน พระองค์ทรงอ่อนโยน มีความเข้าอกเข้าใจ และมีมนุษยธรรมอย่างลึกซึ้ง พระราชกรณียกิจทางการและสาธาณชนต่างๆ นั้นเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เจ้าชายเลออปอลทรงเป็นผู้ชื่นชอบที่ตื่นตัวมากที่สุดของเจ้าหญิง ความรักที่แสดงออกจากทั้งสองพระองค์สามารถเห็นได้ชัดเจนในทุกที่ ในหลายโอกาสประชาชนจะเห็นทั้งสองพระองค์จับพระหัตถ์กัน แม้แต่ระหว่างการปฏิบัติพระราชกิจทางการสำคัญต่าง ๆ
สมเด็จพระราชินีแห่งชาวเบลเยียม
[แก้]ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1934 หลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอัลแบร์ที่ 1 เจ้าชายเลออปอล ดยุกแห่งบราบันต์ เสวยราชสมบัติเป็น พระเจ้าเลออปอลที่ 3 แห่งชาวเบลเยียม (His Majesty King Leopold III of the Belgians) ส่วนเจ้าหญิงอัสตริดดัชเชสแห่งบราบันต์ พระวรชายานั้น ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระราชินีอัสตริดแห่งชาวเบลเยียม (Her Majesty Queen Astrid of the Belgians) ทั้งสองมีพระโอรสธิดา 3 พระองค์คือ
- เจ้าหญิงโฌเซฟีน-ชาร์ล็อตแห่งเบลเยียม (โฌเซฟีน-ชาร์ล็อต อินเกบอร์ก เอลิซาเบธ มารี-โจเซ มาร์เกอริต แอสตริด; ประสูติ 11 ตุลาคม ค.ศ. 1927 สิ้นพระชนม์ 10 มกราคม ค.ศ. 2005)
- ทรงอภิเษกสมรสในเมื่อวันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 1953 ณ กรุงบรัสเซลส์ กับ เจ้าชายฌ็อง เบอร์นัวต์ กีโยม โรแบรต์ อ็องตวน หลุยส์ มารี อดอล์ฟ มาร์ก ดาเวียโนแห่งลักเซมเบิร์ก; ประสูติ 5 มกราคม ค.ศ. 1921 สิ้นพระชนม์ 23 เมษายน ค.ศ. 2019) ต่อมาเสวยราชสมบัติเป็น แกรนด์ดยุกครองรัฐแห่งลักเซมเบิร์ก เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1964 หลังจากการสละราชสมบัติของแกรนด์ดัชเชสชาร์ล็อตแห่งลักเซมเบิร์ก พระราชชนนี
- สมเด็จพระราชาธิบดีโบดวงแห่งเบลเยียม (พระนามเต็ม โบดวง อัลแบรต์ ชาร์ลส์ เลโอโพลด์ แอ็กเซล มารี กุสตาฟ; พระราชสมภพ 7 กันยายน ค.ศ. 1930 สวรรคต 31 กรกฎาคม ค.ศ. 199:)
- ทรงเป็นมกุฎราชกุมารแห่งเบลเยียม โดยทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น ดยุกแห่งบราบันต์ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1934
- ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าชายผู้สำเร็จราชการแห่งเบลเยียม (1 สิงหาคม ค.ศ. 1950 - 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1951)
- เสวยราชสมบัติหลังจากการสละราชสมบัติของพระบรมราชชนก เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1951
- ทรงอภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1960 ณ กรุงบรัสเซลส์ กับ ดอนญา ฟาบิโอลา แฟร์นันดา มาเรีย เด ลาส วิกตอเรียส อันโตเนีย อาเดไลดา เด มอรา อี อารากอน (พระราชสมภพ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1928 สวรรคต 5 ธันวาคม ค.ศ. 2014)
- สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 แห่งเบลเยียม (อัลแบร์ เฟลิกซ์ อุมแบรต์ เธโอดอร์ คริสเตียน เออแชน มารี; พระราชสมภพ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1934)
- ทรงได้รับการสถาปนาเป็น เจ้าชายแห่งลิแอจ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 1934
- เสวยราชสมบัติหลังจากการเสด็จสวรรคตของพระบรมเชษฐาธิราช เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1993
- ทรงอภิเษกสมรสเมื่อในวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1959 ณ กรุงบรัสเซลส์ กับ ดอนนา เปาลา มาร์เกริตา มาเรีย-อันโตเนีย คอนซิลยา รัฟโฟ ดี คาลาเบรีย (เกิด 11 กันยายน ค.ศ. 1937)
หลังจากการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอัลแบร์ที่ 1 พระเจ้าเลออปอลที่ 3 และสมเด็จพระราชินีอัสตริดทรงดำเนินเข้ารัฐสภาอย่างเป็นพิธีการ โดยทรงมีเจ้าหญิงโจเซฟีน-ชาร์ล็อตและเจ้าชายโบดวง พระราชโอรสและธิดาเสด็จมาด้วย สมเด็จพระราชาธิบดีเลโอโปลด์ทรงให้สัตย์ปฏิญาณต่อรัฐธรรมนูญของประเทศ ด้วยคำกล่าวว่าพระองค์ "จะอุทิศตัวเองทั้งหมดให้แก่ประเทศชาติ" ส่วนพระราชินีแอสตริดซึ่งทรงมีอารมณ์ความรู้สึกไปกับเหตุการณ์ดังกล่าวที่ทรงร่วมเป็นสักขีพยานได้ทรงอุ้มพระโอรสองค์น้อยและมอบให้แก่ประเทศชาติด้วย แสดงให้เห็นว่ารัชกาลใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
อุบัติเหตุทางรถยนต์
[แก้]ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1935 สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินี พร้อมด้วยพระราชโอรสและธิดาได้เสด้จไปยังตำหนักฮาสลิฮอร์น ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งของทะเลสาบเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ การพักผ่อนอันเงียบสงบทำให้ทั้งสองพระองค์ทรงใช้เวลาส่วนมากในการเดินและปีนเขาในแถบชนบท ในวันก่อนที่จะเสด็จกลับกรุงบรัสเซลส์ กษัตริย์เลโอโปลด์และพระราชินีอัสตริดทรงตัดสินพระทัยไปอีกแห่งหนึ่งเป็นที่สุดท้าย เลโอโพลด์ทรงเป็นนักปีนเขาที่กระตือรือร้น และได้ทรงปีนเทือกเขาโดโลไมต์มาแล้วหลายครั้ง ส่วนพระราชโอรสและธิดาเสด็จกลับยังกรุงบรัสเซลส์แล้ว
ในวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1935 พระเจ้าเลออปอลและสมเด็จพระราชินีอัสตริดเสด็จออกจากตำหนักที่ประทับเพื่อไปในการปีนเขาซึ่งเป็นเหมือนคราวเคราะห์ครั้งสุดท้าย กษัตริย์เลโอโพลด์ซึ่งทรงขับรถยนต์สปอร์ตไปตามถนนที่แคบและมีลมแรงในแถบนี้ ทรงนึกถึงกิจกรรมต่างๆ ที่จะมีขึ้นในวันนั้น ส่วนพระราชินีอัสตริดที่ประทับนั่งมาข้าง ๆ ทรงช่วยพระสวามีมองดูเส้นทางเพื่อไปยังจุดหมาย เพียงไม่กี่นาทีก่อนถึงหมู่บ้านในเมืองเคือสนัคต์-อัม-รีกี พระองค์ทรงชี้ให้พระสวามีดูอะไรบางอย่าง ทำให้ทรงละสายตาไปทอดพระเนตรเพียงชั่วครู่ ทันใดนั้นรถยนต์พระที่นั่งก็พุ่งลงไปยังหุบเหว พระราชินีอัสตริดทรงกระเด็นออกนอกตัวรถอย่างรุนแรง ร่างไร้วิญญาณของพระองค์นอนอยู่บนสนามหญ้าใกล้กับซากรถยนต์ ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าถึงเสียงตะโกนร้องว่า "อัสตริด!" ครั้งหนึ่ง เมื่อกษัตริย์เลออปอลทรงอุ้มร่างที่โชกเลือดของพระมเหสีไว้แนบพระอุระ พระราชินีได้สวรรคตไปพร้อมกับทารกที่จะเป็นพระโอรสหรือธิดาพระองค์ที่สี่ในอุบัติเหตุครั้งนี้
พระอิสริยยศ
[แก้]- ค.ศ. 1905 - ค.ศ. 1926: เจ้าหญิงอัสตริดแห่งสวีเดน (Her Royal Highness Princess Astrid of Sweden)
- ค.ศ. 1926 - ค.ศ. 1934: เจ้าหญิงดัชเชสแห่งบราบันต์ (Her Royal Highess The Duchess of Brabant)
- ค.ศ. 1934 - ค.ศ. 1935: สมเด็จพระราชินีแห่งชาวเบลเยียม (Her Majesty The Queen of the Belgians)
อ้างอิง
[แก้]- Beeche, Arturo, The Snow Princess: Queen Astrid of Belgium (1905-1935), Eurohistory.
ก่อนหน้า | อัสตริดแห่งสวีเดน | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ดัชเชสอลิซาเบธแห่งบาวาเรีย | สมเด็จพระราชินีแห่งเบลเยียม (17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1934 - 29 สิงหาคม ค.ศ. 1935) |
ฟาบิโอลา เด โมรา อี อารากอน |