ข้ามไปเนื้อหา

แมวทราย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

แมวทราย
สถานะการอนุรักษ์
CITES Appendix II (CITES)[2]
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ แก้ไขการจำแนกนี้
โดเมน: ยูแคริโอต
Eukaryota
อาณาจักร: สัตว์
Animalia
ไฟลัม: สัตว์มีแกนสันหลัง
Chordata
ชั้น: สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
Mammalia
อันดับ: สัตว์กินเนื้อ
Carnivora
อันดับย่อย: เฟลิฟอเมีย
Feliformia
วงศ์: เสือและแมว
Felidae
วงศ์ย่อย: แมว
Felinae
สกุล: สกุลแมว
Felis
Loche, 1858
สปีชีส์: Felis margarita[1]
ชื่อทวินาม
Felis margarita[1]
Loche, 1858
ชนิดย่อย

F. m. margarita Loche, 1858
F. m. thinobia (Ognev, 1927)

ถิ่นกระจายพันธุ์ใน ค.ศ. 2016[2]
ชื่อพ้อง[1]
รายการ
  • Felis marginata Gray, 1867
  • F. margaritae Trouessart, 1897
  • F. marguerittei Trouessart, 1905
  • Otocolobus margarita Heptner and Dementiev, 1937

แมวทราย, แซนด์แคท หรือ แมวเนินทราย (อังกฤษ: Sand cat, Sand dune cat[2]; ชื่อวิทยาศาสตร์: Felis margarita) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทกินเนื้อชนิดหนึ่ง จำพวกแมวป่า นับเป็นแมวป่าขนาดเล็กที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง

ลักษณะ

[แก้]

แมวทรายเป็นแมวที่อยู่ในสกุล Felis เช่นเดียวกับแมวบ้าน (F. catus) หรือแมวป่า (F. chaus) เป็นแมวที่มีขนาดเล็ก ช่วงขาสั้น หางยาว หัวมีลักษณะกลมใหญ่ มีขนสีน้ำตาลซีดจนถึงเทาอ่อนกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม ขนใต้ท้องสีขาว มีแถบสีดำที่ทั้งสีข้างและหาง มีแถบสีแดงเข้มพาดจากหางตามาถึงแก้ม เยื่อเมือกดวงตาเป็นสีดำ ใบหูใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยมปลายเรียว ช่วยในการได้ยินเสียงค่อนข้างดี และสามารถจับแรงสั่นสะเทือนบนพื้นทรายได้ดีกว่าสัตว์ชนิดอื่น มีความสูงถึงช่วงไหล่ประมาณ 24–36 เซนติเมตร (9.4–14.2 นิ้ว) และน้ำหนัก 1.5–3.4 กิโลกรัม (3.3–7.5 ปอนด์) ความยาวลำตัวหัวประมาณ 39–52 เซนติเมตร (15-20 นิ้ว) และความยาวหาง 23.2–31 เซนติเมตร (9.1–12.2 นิ้ว) มีขนที่อุ้งตีนช่วยป้องกันความร้อนจากพื้นและช่วยเก็บเสียงขณะเดินบนพื้นที่มีผิวหยาบร่วน เมื่อเดินบนพื้นทรายแทบจะไม่ปรากฏรอยเท้าเลย ประสาทหูไวมาก เหมาะสำหรับการหาเหยื่อในพื้นที่ที่หาเหยื่อยาก คาดว่าแมวทรายได้ยินเสียงอัลตราโซนิกจากเหยื่อที่อยู่ใต้ดินได้เช่นเดียวกับเซอร์วัล (Leptailurus serval) ซึ่งเป็นแมวป่าที่มีขนาดใหญ่กว่า มีความทนทนต่อสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันสุดขั้วในทะเลทราย ตั้งแต่ –5 องศาเซลเซียส จนถึง 52 องศาเซลเซียส ในช่วงฤดูหนาวขนของแมวทรายอาจยาวงอกมากกว่าปกติได้ถึง 5 เซนติเมตร เพื่อให้ร่างกายได้รับความอบอุ่น[3]

การออกหากิน

[แก้]

แมวทรายหากินเวลากลางคืน ส่วนเวลากลางวันมักใช้เวลาส่วนใหญ่ในโพรงตื้น ๆ ที่ขุดไว้ตามเนินทราย ในดงไม้แคระนอนอยู่ไม่ไกลจากปากโพรง กินอาหารด้วยการจับสัตว์เล็ก ๆ เช่น หนู, นก, กระต่ายป่า, สัตว์เลื้อยคลาน, แมลง มีระยะทางในการออกหากินไกลถึง 5–10 กิโลเมตร แมวทรายเป็นแมวที่ปีนป่ายและกระโดดได้ไม่เก่ง แต่มีทักษะการขุดที่ยอดเยี่ยมเพราะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีพ เพราะต้องใช้ในการขุดโพรงเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยรวมถึงเลี้ยงลูกและหาเหยื่อ บางครั้งอาจจะใช้รูของสัตว์อื่นขุดทิ้งไว้ก็มี แต่แมวทรายก็ตกเป็นเหยื่อของสัตว์ขนาดใหญ่กว่า เช่น คาราคัล (Caracal caracal) ซึ่งเป็นแมวป่าเหมือนกัน หรือหมาป่า[4]

เนื่องจากสภาพที่อยู่อาศัยเป็นทะเลทราย มีความแห้งแล้ง แมวทรายจึงดูดเลือดจากเหยื่อที่จับได้ด้วยแทนน้ำ[5]

ถิ่นที่อยู่และชนิด

[แก้]

แมวทรายกระจายพันธุ์ในแถบทะเลทรายของภูมิภาคเอเชียเหนือ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาทางตอนเหนือ โดยกระจายออกไปในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ทะเลทรายสะฮาราหรือทะเลทรายอาหรับ แบ่งออกได้เป็น 6 ชนิดย่อย ดังนี้ (แต่ตัวอย่างต้นแบบสาบสูญหายไป[6])

 
ตารางการจำแนกแมวในสกุล Felis [7]
แมวทรายในธรรมชาติที่อิหร่าน

แมวทรายมีระยะเวลาตั้งท้องนาน 59–66 วัน ตกลูกครั้งละเฉลี่ย 3 ตัว ตั้งท้องได้ 2–3 ครั้งในรอบปี ด้วยรูปร่างลักษณะที่เล็ก ดูแลน่ารัก ทำให้แมวทรายได้รับความนิยมในการเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์และจัดแสดงในสวนสัตว์ รวมถึงมีการล่าเป็นเกมกีฬาและการทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย[2] แมวทรายที่ถูกนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงและเพาะขยายพันธุ์ในสวนสัตว์ต่าง ๆ มักจะตายด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ[13][14] จึงทำให้เป็นสัตว์ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะเข้าใกล้ถูกคุกคาม

โดยภาพเคลื่อนไหวของลูกแมวทรายนั้นยังไม่เคยมีใครบันทึกไว้ได้เลย จนกระทั่งเดือนเมษายน ค.ศ. 2017 มีการถ่ายภาพเคลื่อนไหวของลูกแมวทรายได้เป็นครั้งแรกของโลกโดยสถาบันแพนเทอรา ซึ่งเป็นสถาบันที่ศึกษาเกี่ยวกับสัตว์จำพวกแมวและเสือโดยเฉพาะ โดยเป็นลูกแมวทรายที่อาศัยอยู่ในโพรงที่ทะเลทรายสะฮารา ในประเทศโมร็อกโก อายุคาดว่า 6–8 เดือน จำนวน 3 ตัว ที่โผล่ออกมาเล่นนอกโพรง เชื่อว่าแม่แมวทรายคงจะออกไปหาอาหาร[15]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 Wozencraft, W. C. (2005). "Species Felis margarita". ใน Wilson, D. E.; Reeder, D. M. (บ.ก.). Mammal Species of the World: A Taxonomic and Geographic Reference (3rd ed.). Johns Hopkins University Press. p. 536. ISBN 978-0-8018-8221-0. OCLC 62265494.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 Sliwa, A.; Ghadirian, T.; Appel, A.; Banfield, L.; Sher Shah, M. & Wacher, T. (2016). "Felis margarita". IUCN Red List of Threatened Species. 2016: e.T8541A50651884. doi:10.2305/IUCN.UK.2016-2.RLTS.T8541A50651884.en. สืบค้นเมื่อ 24 January 2022.
  3. Briggs, M.; Briggs, P. (2006). The Encyclopedia of World Wildlife. Somerset, UK: Parragon Publishing. p. 45. ISBN 978-1-4054-8292-9.
  4. Mendelssohn, H. (1989). Felids in Israel. Cat News 10: 2–4.
  5. "เรื่องน่าทึ่งของสัตว์ตระกูลแมว ตอน สุดยอดแมว". ไทยพีบีเอส. 2019-11-13. สืบค้นเมื่อ 2019-11-14.
  6. 6.0 6.1 Cole, F.R.; Wilson, D.E. (2015). "Felis margarita (Carnivora: Felidae)" (PDF). Mammalian Species. 47 (924): 63–77. doi:10.1093/mspecies/sev007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-12-10. สืบค้นเมื่อ 2016-06-03.
  7. Mattern, M.Y.; McLennan, D.A. (2000). "Phylogeny and speciation of felids". Cladistics. 16 (2): 232–53. doi:10.1111/j.1096-0031.2000.tb00354.x.
  8. Ellerman, J. R. and Morrison-Scott, T. C. S. (1966). Checklist of Palaearctic and Indian mammals 1758 to 1946. Second edition. British Museum of Natural History, London. Pp. 306–307.
  9. Ognew, S. (1927). "A new genus and species of cat from the Transcaspian region". Annuaire du Musée Zoologique Académie des Sciences USSR. 27: 356–62.
  10. Hemmer, H. (1974). [Studies on the systematics and biology of the sand cat.] Zeitschrift des Kölner Zoo 17(1):11–20. (in German)
  11. Hemmer, H., Grubb, P. and C. P. Groves (1976). Notes on the sand cat, Felis margarita Loche 1958. Zeitschrift für Säugetierkunde 41: 286–303.
  12. 12.0 12.1 Pocock, R. I. (1951). Catalogue of the genus Felis. British Museum (Natural History), London, 190 pp.
  13. Bray, S. (ed.) (2010).Sand Cat SSP เก็บถาวร 2013-05-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Felid TAG Times (May 2010): 3
  14. Krystian, M. (2012). Rare Sand Kittens Born in Israel After Years of Rumored Extinction เก็บถาวร 2013-01-26 ที่ archive.today The International Business Times TV, 15 August 2012
  15. หน้า 2, พบลูก"แมวทราย"น่ารักสุดๆ. "เปิดม่าน JOKE OPERA" โดย ดอย ดอกฝิ่น. ไทยรัฐปีที่ 68 ฉบับที่ 21813: วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560 แรม 6 ค่ำ เดือน 11 ปีระกา

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]