เงื่อนไขและข้อกำหนดในการซื้อสินค้า
1 ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการบริการ
บิ๊กซีออนไลน์ หรือ www.bigc.co.th (ต่อไปนี้เรียกว่า "บริษัท") สงวนสิทธิ์ให้บริการสั่งซื้อสินค้าทางเว็บไซต์และจัดส่งสินค้านี้ (ต่อไปนี้เรียกว่า "บริการ") ให้กับลูกค้าที่เป็นบุคคลธรรมดา นิติบุคคล การให้บริการนี้ มีพื้นที่จำกัด และบริษัทมีสิทธิปฏิเสธการให้บริการแก่ลูกค้าที่อยู่นอกพื้นที่บริการ ในการใช้บริการนี้ ท่านจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี และยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขนี้ ตลอดจนข้อกำหนดและเงื่อนไขเกี่ยวกับการสั่งซื้อสินค้าทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชันและอนุญาตให้บริษัทดำเนินการจัดการข้อมูลของท่านได้ โดยท่านจะต้องลงทะเบียนก่อนการใช้บริการ โปรดทราบว่าการใช้บริการนี้ มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย โดยใบเสร็จรับเงิน/เอกสารการซื้อขายในวันที่บริษัทจัดส่งสินค้าให้แก่ท่าน ณ ที่อยู่ที่ท่านได้แจ้งต่อบริษัท สัญญาระหว่างท่านและบริษัทในการซื้อสินค้าจะเกิดขึ้นต่อเมื่อท่านได้ตกลงยอมรับในราคาสินค้าที่แน่นอนดังกล่าว ทั้งนี้จำนวนสินค้าที่มีจำหน่ายจะขึ้นอยู่กับจำนวนสินค้าที่บริษัทมีอยู่ ซึ่งบริษัทไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะมีสินค้าตามรายการและรายละเอียดที่ได้แสดงไว้ในหน้าเว็บไซต์การสั่งซื้อสินค้าผ่านบริการของบริษัทนี้ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการสั่งซื้อสินค้าทางเว็บไซต์ซึ่งได้ระบุไว้ต่อไปในเว็บไซต์นี้ ในกรณีการชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิต/เดบิต ก่อนใช้บริการนี้ ขอให้ท่านตรวจสอบว่าบัตรชำระเงินของท่านยังสามารถใช้ชำระค่าสินค้าทางเว็บไซต์ได้และบัตรดังกล่าวไม่สิ้นอายุก่อนวันที่คาดว่าจะมีการส่งสินค้าที่สั่งซื้อ หากบัตรชำระเงินของท่านสิ้นอายุในวันที่ส่งสินค้า บริษัทสงวนสิทธิยกเลิกการจัดส่งสินค้าให้แก่ท่านโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากท่านหรือแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า
2. การแก้ไขข้อตกลงและเงื่อนไขของบริษัท
บริษัทขอสงวนสิทธิในการแก้ไขข้อตกลงและเงื่อนไขนี้ ณ เวลาใดๆ ก็ได้ ทั้งนี้ ให้ข้อตกลงและเงื่อนไขนี้มีผลบังคับใช้เมื่อมีการลงไว้ในเว็บไซต์ www.bigc.co.th และถือว่าท่านได้ให้ความตกลงในข้อตกลงและเงื่อนไขนี้ที่ได้มีการแก้ไขใหม่แล้วเมื่อท่านใช้บริการสั่งซื้อสินค้า บริษัทอาจทำการยกเลิกการให้บริการนี้ ณ เวลาใดๆ ก็ได้
3. การลงทะเบียนใช้บริการ และผู้ไม่มีสิทธิใช้บริการ
- ในการลงทะเบียนที่เว็บไซต์ www.bigc.co.th ท่านตกลงที่จะให้ข้อมูลรายละเอียดที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง และหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับข้อมูลรายละเอียดที่ท่านได้ให้ไว้แก่บริษัท ท่านตกลงจะแจ้งให้บริษัททราบผ่านทางศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ที่หมายเลข โทร 1756 กด 1 (หรือหมายเลขอื่นใดที่ได้แจ้งในหน้าเว็บไซต์ www.bigc.co.th หรือทำการแก้ไขข้อมูลผ่านทางหน้าเว็บไซต์โดยตรงทันที)
- หากท่านประสงค์จะยกเลิกการลงทะเบียน ให้ท่านแจ้งไปยังศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์
- กรณีท่านมีแอปพลิเคชัน Big C PLUS ท่านสามารถยกเลิกบัญชีสมาชิกของท่านได้ที่แอปพลิเคชัน Big C PLUS ทั้งนี้ภายในระยะเวลา 90 วันหลังจากที่ท่านยกเลิกบัญชีสมาชิกของท่าน ท่านจะสามารถกู้คืนข้อมูลในบัญชีสมาชิกของท่านคืนมาได้ โดยการลงทะเบียนสมัครสมาชิกใหม่ และใช้หมายเลขเบอร์โทรศัพท์เดิมที่ท่านเคยได้ใช้ลงทะเบียนไว้ หากล่วงระยะเวลา 90 วันดังกล่าวแล้ว การลบบัญชีสมาชิกของท่านจะมีผลถาวร ไม่สามารถกู้คืนข้อมูลในบัญชีสมาชิกของท่าน เช่น ประวัติการสั่งซื้อ กลับมาได้
- การยกเลิกบัญชีสมาชิกบิ๊กซีออนไลน์ของท่านจะไม่กระทบต่อสถานะการเป็นสมาชิกบิ๊กพอยต์และบิ๊กวอลเล็ทของท่าน
- บริษัทมีสิทธิที่จะระงับหรือยกเลิกการลงทะเบียนของท่านได้หากบริษัทมีเหตุผลอันควรเชื่อได้ว่าท่านฝ่าฝืนข้อตกลงและเงื่อนไขนี้หรือข้อกำหนดและเงื่อนไขการสั่งซื้อสินค้าทางเว็บไซต์ ทั้งนี้ การยกเลิกการลงทะเบียนนี้จะไม่มีผลกระทบต่อข้อตกลงและเงื่อนไขนี้หรือข้อกำหนดและเงื่อนไขการสั่งซื้อสินค้าทางเว็บไซต์ซึ่งมีลักษณะเป็นการต่อเนื่องแต่ประการใด ในกรณีที่ท่านอยู่นอกพื้นที่บริการ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ ณ เวลาที่ท่านลงทะเบียนใช้บริการ และในกรณีดังกล่าว บริษัทสงวนสิทธิไม่ให้บริการแก่ท่าน
4.ความปลอดภัยเกี่ยวกับการใช้บริการของท่าน
ระหว่างการลงทะเบียน บริษัทจะขอให้ท่านสร้างรหัสส่วนตัวสำหรับการเข้าถึงบัญชีของท่าน ซึ่งท่านจะต้องเก็บรหัสส่วนตัวดังกล่าวเป็นความลับไม่เปิดเผยให้ผู้ใดทราบ ท่านจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนิน การใดๆ ที่กระทำผ่านทางบัญชีของท่าน หากท่านสงสัยว่ามีการใช้รหัสส่วนตัวของท่านโดยมิชอบหรือโดยไม่ได้รับอนุญาต ท่านตกลงจะแจ้งให้บริษัททราบผ่านทางศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์โดยไม่ชักช้า หากบริษัทมีเหตุผลอันควรเชื่อได้ว่ามีหรืออาจจะมีการใช้บริการของบริษัทไปโดยมิชอบ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการระงับใช้บัญชีของท่านหรือขอให้ท่านเปลี่ยนรหัสส่วนตัวของท่านได้ ทั้งนี้ บริษัทไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ อันเนื่องมาจากการที่รหัสส่วนตัวของท่านถูกเปิดเผยหรือใช้ไปในทางมิชอบทั้งสิ้น
5.สิทธิทางทรัพย์สินทางปัญญา
บริษัทเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินการเว็บไซต์ www.bigc.co.th และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในข้อความ รวมถึงภาพและการออกแบบหน้าเว็บเพจ ตลอดจนบรรดาภาพประกอบ และข้อมูลเกี่ยวกับการบริการที่ปรากฏในหน้าเว็บเพจ ผู้เข้าชมเว็บไซต์ www.bigc.co.th ถือเป็นผู้ใช้เว็บไซต์ (ต่อไปนี้เรียกว่า "ผู้ใช้เว็บไซต์") และเมื่อมีการใช้งานเว็บไซต์นี้ ผู้ใช้เว็บไซต์มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย จรรยาบรรณที่ดี และข้อตกลงและเงื่อนไขนี้ ในการที่จะไม่ทำลายชื่อเสียงและทำให้เสื่อมซึ่งสิทธิของบริษัทหรือสิทธิของผู้ใช้เว็บไซต์รายอื่น
ทั้งนี้ผู้ใช้เว็บไซต์ตกลงที่จะไม่กระทำการใดๆตามที่ระบุดังต่อไปนี้
- ใช้เว็บไซต์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกจากเพื่อการใช้งานของตน ซึ่งหมายถึงผู้ใช้เว็บไซต์จะต้องไม่ทำการคัดลอก ดาวน์โหลด หรือแจกจ่ายข้อความในเว็บไซต์ มากกว่าที่จำเป็นเพื่อการใช้งานของตน
- กระทำการใดๆ ที่เป็นการรบกวนหรือแทรกแซงการใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้เว็บไซต์รายอื่น หรือการกระทำการไม่ว่าในทางใดอันเป็นการขัดขวางผู้ใช้เว็บไซต์รายอื่น
- กระทำการในทางใดๆ ที่กระทบต่อข้อความหรือลักษณะทางเทคนิคของเว็บไซต์โดยไม่ได้รับอนุมัติจากบริษัท
- กระทำการอันกระทบต่อความปลอดภัยของเว็บไซต์
- ใช้เว็บไซต์ในการแจกจ่ายข้อความที่ไม่ได้รับการร้องขอ (สแปม) หรือข้อความลูกโซ่ หรือส่งไวรัสหรือโปรแกรมใดๆ ที่เป็นอันตรายต่อเว็บไซต์
- ส่งข้อความใดๆ ที่มีไวรัสหรือโปรแกรมที่เป็นอันตรายไปยังเว็บไซต์
- สร้างข้อความปลอมเพื่อบิดเบือนการแสดงตัวตนของผู้ใช้เว็บไซต์หรือพยายามเข้าไปยังบัญชีของผู้ใช้เว็บไซต์
หากทางบริษัทตรวจทราบ หรือตรวจพบว่ามีการกระทำการใดๆ ที่กระทบต่อเว็บไซต์ หรือผู้ใช้บริการเว็บไซต์ จากการกระทำข้างต้น ทางบริษัทจะดำเนินการทางกฏหมายกับผู้กระทำการดังกล่าว จากการละเมิดข้อกำหนดของกฎหมายอันเนื่องจากการที่ผู้ใช้เว็บไซต์ใช้เว็บไซต์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความเสียหายด้วย
6.การใช้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
ห้ามมิให้มีการใช้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งได้แก่
- การแจกจ่ายข้อความที่เป็นการรบกวน ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ขัดกับหลักการเคารพสิทธิมนุษยชน เป็นการแบ่งแยกทางศาสนา ความเชื่อ เชื้อชาติ หรือเพศ ที่เป็นการกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงหรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย หรือการฝ่าฝืนกฎหมายในท้องที่ใดๆ
- การแจกจ่ายข้อความที่เป็นการคุกคามความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือผลประโยชน์ตามกฎหมายของลูกค้า ผู้ใช้เว็บไซต์ บริษัท หรือบริษัทอื่นในเครือของบริษัท
- การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
- การกีดกันมิให้ลูกค้าสามารถเข้าใช้บริการได้
- การละเมิดสิทธิเกี่ยวกับการใช้เครือข่ายในการสื่อสารทางระบบอิเล็คทรอนิกส์สาธารณะ
- การขัดขวางหรือทำให้เครือข่ายหรือเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อกับเว็บไซต์ www.bigc.co.th หยุดชะงัก
- การสร้าง การแจกจ่าย หรือการเก็บสำเนาเอกสารอิเล็คทรอนิกส์และเอกสารอื่นที่ได้รับความคุ้มครองภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาตล่วงหน้าจากเจ้าของลิขสิทธิ์
บริษัทมีสิทธิที่จะตัดข้อความใดๆ ที่เป็นอันตรายออกจากเว็บไซต์ และมีสิทธิเรียกให้ผู้ใช้เว็บไซต์ผู้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทโดยการใช้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ชำระค่าเสียหายเต็มจำนวนได้ ความเสียหายนี้ให้รวมถึงความเสียหายที่เกิดแก่บริษัทหรือบริษัทอื่นในเครือของบริษัท หรือความเสียหายที่บุคคลภายนอกเรียกร้องจากบริษัทอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการใช้เว็บไซต์โดยไม่ได้รับอนุญาตของผู้ใช้เว็บไซต์ ทั้งนี้ ความเสียหายหมายถึงทั้งความเสียหายโดยตรงและค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการใช้สิทธิเรียกค่าชดเชย และการแก้ไขสภาพที่บกพร่องที่มีสาเหตุมาจากการใช้บริการที่ไม่ได้รับอนุญาต และให้ถือว่าค่าปรับเป็นตัวเงินที่พนักงานเจ้าหน้าที่เรียกเก็บจากบริษัทจากการละเมิดข้อกำหนดของกฎหมายอันเนื่องจากการที่ผู้ใช้เว็บไซต์ใช้เว็บไซต์โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความเสียหายด้วย
7.การจำกัดความรับผิด
แม้ว่าบริษัทจะใช้ความพยายามในการตรวจสอบความถูกต้องแท้จริงและความเกี่ยวโยงระหว่างข้อความในเว็บไซต์ www.bigc.co.th ก็ตาม บริษัทก็ไม่สามารถรับประกันในเรื่องดังกล่าวแก่ผู้ใช้เว็บไซต์ได้ ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงไม่ขอรับประกันและไม่ขอรับผิดในความผิดพลาด การละเว้น หรือปัญหาทางเทคนิค ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการใช้เว็บไซต์ หากบริษัทพบว่าข้อความใดไม่ถูกต้องและมีความเป็นไปได้ในทางเทคนิคและไม่เป็นการก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายอันไม่สมเหตุสมผลแก่บริษัทในการที่จะแก้ไข บริษัทจะทำการปรับปรุงข้อความโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้ บริษัทไม่ขอรับผิดในส่วนต่อไปนี้
- ข้อความในเว็บไซต์ซึ่งเป็นของบุคคลภายนอกที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านทางเว็บไซต์ www.bigc.co.th หรือผ่านทางเว็บไซต์ของบุคคลภายนอกที่ระบุในเว็บไซต์ www.bigc.co.th หรือการโฆษณาหรือการส่งเสริมการขายใดๆ ของบุคคลภายนอกผ่านทางเว็บไซต์ของบริการนี้
- ข้อความที่ระบุในเว็บไซต์ของการบริการนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมหรือการรับทราบจากบริษัทและโดยทางเทคนิคบริษัทไม่สามารถป้องกันการใช้งานได้
- การที่ไม่สามารถใช้เว็บไซต์ www.bigc.co.th ได้กับเครื่องมือและซอฟท์แวร์ของท่าน หรือการเชื่อมต่อเครือข่ายการสื่อสารทางอิเล็คทรอนิกส์ของท่าน
- ปัญหาทางเทคนิค รวมถึงความผิดพลาดและล้มเหลวในการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ www.bigc.co.th
ทั้งนี้ ข้อกำหนดในข้อนี้ไม่กระทบกับความรับผิดของบริษัทเกี่ยวกับข้อบกพร่องในผลิตภัณฑ์ที่ท่านได้ซื้อผ่านทางบริการนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อกำหนดของกฎหมายทั่วไป
8.คำบรรยายผลิตภัณฑ์และสีของรูปภาพ
บริษัทจะพยายามอธิบายผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่สามารถยืนยันได้ว่าคำบรรยายผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์จะปราศจากข้อผิดพลาดทั้งมวล ดังนั้น หากท่านไม่พอใจในสินค้า หรือเห็นว่าไม่ตรงกับคำบรรยาย บริษัทยินดีที่จะรับคืนสินค้า (ตามเงื่อนไขการเปลี่ยน คืนสินค้า) เช่นเดียวกัน บริษัทมีความตั้งใจที่จะแสดงรูปภาพสินค้าที่มีสีที่ถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง แต่สีที่แสดงบนหน้าจอของท่านอาจผิดเพี้ยนได้ตามการตั้งค่าของหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันไป
9.การเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและเงื่อนไขโปรโมชั่น
- ใบสั่งซื้อไม่ใช่เอกสารยืนยันการชำระค่าสินค้า เป็นเพียงการแจ้งการจัดเตรียมสินค้าเบื้องต้น
- ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ตามวันที่ชำระค่าสินค้าหรือวันจัดส่งสินค้า
- ข้อกำหนดในการซื้อสินค้าโปรโมชั่นทุกชนิดผ่าน บิ๊กซี ออนไลน์ จะเท่ากับข้อกำหนดของสาขาทุกประการ
- สินค้าที่มีการจำกัดจำนวนในการซื้อ เงื่อนไขในการซื้อจะเท่ากับข้อกำหนดของสาขาทุกประการ
10.เงื่อนไขเกี่ยวกับจำนวนสินค้าที่สั่งซื้อผ่าน บิ๊กซี ออนไลน์
จำนวนสินค้าที่ท่านทำการสั่งซื้อผ่าน บิ๊กซีออนไลน์ บริษัทจะถือว่าเป็นเพียงการแจ้งจำนวนที่ท่านต้องการเท่านั้น ซึ่งสาขาจะทำการยืนยันจำนวนสินค้าที่มี และสามารถจัดส่งได้กับท่านอีกครั้ง โดยสาขาจะทำการแนะนำสินค้าอื่น ๆ ที่ใกล้เคียง ในกรณีที่สต็อกสินค้านั้นๆมีจำนวนไม่เพียงพอตามรายการของท่านที่ระบุมาในใบสั่งซื้อสินค้า ซึ่งท่านสามารถปฏิเสธการรับสินค้า หรือยกเลิกการสั่งซื้อโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไม่ชดเชยส่วนลดต่าง หรือความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น กรณีที่มีข้อพิพาทบริษัทจะถือว่าคำตัดสินของบิ๊กซีเป็นที่สิ้นสุด เพื่อเป็นการกระจายการขายสินค้าให้กับลูกค้าท่านอื่น บริษัทสงวนสิทธิ์ขอยกเลิกคำสั่งซื้อที่บริษัทเห็นว่าเข้าข่ายเป็นการซื้อเหมา โดยบริษัทจะไม่รับผิดชอบความเสียหายใดๆทั้งสิ้น กรณีที่มีข้อพิพาทคำตัดสินของบิ๊กซีเป็นที่สิ้นสุด
11.เงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงรายการสินค้าในใบสั่งซื้อ
ลูกค้าสามารถเปลี่ยนแปลงรายการสินค้าที่สั่งซื้อได้ในกรณีที่สินค้าดังกล่าวมีจำนวนไม่เพียงพอตามรายการที่ระบุมาในใบสั่งซื้อ โดยสินค้าที่จะทำการเปลี่ยนแปลงต้องเป็นสินค้าประเภทเดียวกันเท่านั้น เพื่อความรวดเร็วในการให้บริการลูกค้าทุกท่านทั่วถึง * บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายการสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าประเภทเดียวกัน
12.ระยะเวลาในการรับสินค้าที่สาขา
ใบสั่งซื้อ Big C Online มีอายุ 7 วัน นับจากวันที่ทำการสั่งซื้อ กรณีที่ท่านไม่มารับสินค้าภายในระยะเวลาที่กำหนด บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกใบสั่งซื้อ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
13.เงื่อนไขการชำระเงินปลายทาง
- ชำระด้วยเงินสด เมื่อได้รับสินค้า (สำหรับการจัดส่งแบบสั่งด่วนและสั่งล่วงหน้า)
- ชำระผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือพร้อมเพย์ เมื่อได้รับสินค้า (สำหรับการจัดส่งรูปแบบสั่งล่วงหน้าเท่านั้น)
- ไม่สามารถใช้บัตรกำนัลของบิ๊กซีชำระสินค้า Big C Online
- ไม่สามารถใช้ร่วมกับคูปองส่วนลดนอกเหนือจากที่ปรากฎใน Website และ แอป Big C Plus
14.เงื่อนไขสินค้ากลุ่มเครื่องปรับอากาศ และสินค้าที่มีการติดตั้ง
ราคาที่แสดงในเว็บไซต์จะไม่รวมค่าบริการในการติดตั้ง รวมไปถึงอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติม (ถ้ามี)
- วันที่ติดตั้ง จะขึ้นอยู่กับการนัดหมายของพนักงานติดตั้ง และลูกค้า
- ลูกค้าจะได้รับการโทรนัดหมาย จากพนักงานติดตั้งตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ลูกค้าแจ้งไว้ในขั้นตอนการสั่งซื้อ
- ระยะทางในการจัดส่งสินค้า 25 กิโลเมตร (นับจากที่ตั้งสาขาที่ทำ การจัดส่ง) กรณีท่านอยู่นอกพื้นที่การจัดส่ง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการสั่งซื้อ โดยจะไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
15. เงื่อนไขการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า
สินค้าที่สามารถเปลี่ยนหรือคืนได้ จะต้องเป็นสินค้าที่ซื้อจากบิ๊กซีไฮเปอร์มาร์เก็ต, บิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า และบิ๊กซีมาร์เก็ต ทุกสาขา, ช่องทางออนไลน์, แอปพลิเคชัน Big C PLUS, เว็บไซต์ https://www.bigc.co.th และสามารถเปลี่ยนหรือคืนได้เฉพาะสาขาที่สั่งซื้อเท่านั้น ทั้งนี้ การเปลี่ยนหรือคืนสินค้าจะต้องกระทำภายในระยะเวลาดังต่อไปนี้ สำหรับการนับระยะเวลาให้นับจากวันที่ในใบเสร็จที่ซื้อสินค้าดังกล่าว กรณีไม่มีใบเสร็จให้นับจากวันที่ซื้อสินค้า
- สินค้าอาหารสด รับเปลี่ยนหรือคืนได้ภายใน 2 วัน
- สินค้ามือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ รับเปลี่ยนหรือคืนภายใน 7 วัน
- สินค้าแผนกไฟฟ้า (ยกเว้นมือถือ, แท็บเล็ต, คอมพิวเตอร์) รับปลี่ยนหรือคืนภายใน 10 วัน
- สินค้าทั่วไป รับเปลี่ยนหรือคืนได้ภายใน 30 วัน
- สินค้าที่ซื้อโดยใช้วิธีการจัดส่ง parcel (ส่งพัสดุ) จะต้องคืนภายใน 7 วันหลังจากได้รับสินค้า
ทั้งนี้บริษัทขอสงวนสิทธิ์สำหรับรายการสินค้าด้านล่าง ที่ไม่รับเปลี่ยนหรือคืน
- สินค้าที่ระบบ POS แจ้งว่า ไม่พบข้อมูลรหัสสินค้า(Product Not found)
- สินค้าเกินระยะเวลาการรับเปลี่ยนหรือคืน
- สินค้า Clearance สินค้า Mark Down , RTC
- แผ่นซีดี ดีวีดี หนังสือ
- สินค้าเพื่อสุขอนามัยประเภท กางเกงใน ชุดชั้นใน ชุดว่ายน้ำ ทั้งชายและหญิง
- สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อุปกรณ์ไม่ครบ หรือไม่มีใบรับประกัน
- POSA
- GIFT CARD
- บัตรกำนัล
- บัตรเติมเงิน เติมเงิน E-PIN เติมเงินออน์ไลน์ทุกประเภท
- สินค้าอื่นๆที่บริษัทกำหนด
ทั้งนี้สำหรับสินค้าที่ซื้อโดยใช้วิธีการส่งแบบ parcel (ส่งพัสดุ) จะเพิ่มเติมประเภทของสินค้าที่ไม่สามารถคืนได้ ดังนี้
- อุปกรณ์ปั๊มน้ำนมแม่ แผ่นซับน้ำนม ขวดนม ถุงเก็บน้ำนม
- ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้สำหรับทารก และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สำหรับทารก
- จุกยาง หัวนมยาง
- เคมีภัณฑ์
- สินค้าวัสดุหีบห่อ และอุปกรณ์ จะต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ต้องไม่ บุบ, ขาด, ฉีก, แตก, เน่าเสีย, ตัด, ต่อ, หีบห่อเสียหาย,อุปกรณ์ไม่ครบ ซึ่งเป็นความเสียหายจากการใช้งานไม่ใช่จากการผลิต
16.การคืนสินค้าที่ใช้ส่วนลดพิเศษ และรับคูปองส่วนลดท้ายใบเสร็จ
การคืนสินค้าที่ใช้ส่วนลดพิเศษจาก Big C Online หรือ สินค้าในใบสั่งซื้อที่ได้รับคูปองส่วนลดท้ายใบเสร็จ(จากสาขา) หากมูลค่าคงเหลือจากการคืนสินค้าของใบสั่งซื้อนั้นๆ ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในการใช้ส่วนลดพิเศษจาก Big C Online หรือการรับคูปองส่วนลดท้ายใบเสร็จ(จากสาขา) ที่กำหนดไว้ในเงื่อนไข ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกคืนส่วนลดพิเศษ หรือเรียกคืนคูปองท้ายใบเสร็จที่ลูกค้าได้รับ
17.การป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลและความยินยอมในการดำเนินการกับข้อมูล
กรุณาอ่านและทำความเข้าใจนโยบายความเป็นส่วนตัว ก่อนลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกเพื่อเข้าใช้บริการเว็บไซต์เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของท่าน บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนตัวของท่าน บริษัทขอสัญญาว่าจะเก็บข้อมูลของท่านเป็นความลับอย่างดีที่สุด
ข้อมูลทั่วไปของสมาชิก
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลชื่อ นามสกุล ที่อยู่ปัจจุบัน ที่อยู่อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ เพศ อายุ อาชีพ ความสนใจส่วนตัวของท่าน และข้อมูลพื้นฐานอื่นๆ เมื่อท่านลงทะเบียนเพื่อสมัครเป็นสมาชิก เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการลงทะเบียนทั้งหมดแล้ว ท่านจะมีสิทธิทุกประการในการเป็นสมาชิกเว็บไซต์ ทั้งนี้ รวมถึงการได้รับข้อมูลข่าวสาร สิทธิพิเศษและการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ของเว็บไซต์
การเก็บข้อมูลของสมาชิก
บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอื่นๆ ของสมาชิกเพื่อจุดประสงค์ในการพัฒนาเว็บไซต์ และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคัดเลือกสินค้าและบริการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสมาชิก ซึ่งบริษัทอาจส่งอีเมลถึงท่านเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสาร สิทธิพิเศษและกิจกรรมส่งเสริมการขาย หากท่านไม่ประสงค์จะรับข้อมูลข่าวสารดังกล่าว ท่านสามารถเปลี่ยนแปลงและแก้ไขความต้องการได้โดย เข้าไปที่ บัญชีของฉัน
การเปิดเผยข้อมูลของสมาชิก
บริษัทจะรักษาข้อมูลส่วนตัวของท่านไว้เป็นความลับ ในกรณีที่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ บริษัทจะขออนุญาตจากท่านก่อน
ข้อควรระวัง
ท่านเป็นผู้เดียวที่เข้าถึงรหัสผ่านสำหรับเข้าใช้เว็บไซต์ บริษัทขอแนะนำให้ท่านเก็บข้อมูล Login Name และรหัสผ่านไว้เป็นความลับ และทำการ Logout ทุกครั้งก่อนออกจากเว็บไซต์ เนื่องจากการส่งผ่านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตนั้น ไม่มีระบบรับรองความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบ บริษัทจึงไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยในการส่ง-รับข้อมูลของท่านได้ แต่จะรักษาความปลอดภัยให้ดีที่สุดทุกครั้งที่มีการส่งผ่านข้อมูลเกิดขึ้น
หนังสือแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (สำหรับแจ้งลูกค้าตั้งแต่ 1 ม.ค. 64 เป็นต้นไป)
บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และเก็บรักษาข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการและปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของการซื้อขายสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ www.bigc.co.th หรือผ่านทางช่องทางออนไลน์อื่นของบริษัท (“การให้บริการ”) ตามรายละเอียดที่ปรากฏในข้อ 1 ด้านล่าง และเนื่องจากข้อมูลดังกล่าวของท่าน มีลักษณะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พ.ร.บ.”) เพื่อให้การดำเนินการที่เกี่ยวกับข้อมูลเหล่านี้เป็นไปตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ. บริษัทจึงจัดทำเอกสารฉบับนี้ขึ้น เพื่อให้ท่านได้รับทราบและเข้าใจสิทธิของท่านตามกฎหมาย รวมทั้งเหตุผลที่บริษัทประสงค์จะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดอ่านโดยละเอียดและทำความเข้าใจเพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิใดๆ ของท่าน ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล ระยะเวลาในการเก็บรักษา และวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยบริษัท เพื่อให้ท่านได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดจากการให้บริการ และเพื่อให้บริษัทสามารถให้บริการแก่ท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ บริษัทประสงค์จะเก็บรวบรวม ใช้ และเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล ระยะเวลาในการเก็บรักษา และวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยบริษัท
เพื่อให้ท่านได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดจากการให้บริการ และเพื่อให้บริษัทสามารถให้บริการแก่ท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ บริษัทประสงค์จะเก็บรวบรวม ใช้ และเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
ประเภทของบุคคล | ข้อมูลที่เก็บรวบรวม | วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคล | ฐานความชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคล | ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล |
---|---|---|---|---|
ผู้ใช้บริการ/ลูกค้า | ชื่อ-สกุล, วันเดือนปีเกิด, เพศ, อีเมล์, หมายเลขโทรศัพท์, ที่อยู่ติดต่อ, หมายเลขบัตรประชาชน, หมายเลข Big Card, facebook token, ข้อมูลบัญชีผู้ใช้ facebook (ได้แก่ ชื่อและนามสกุลที่ปรากฏบน Facebook และอีเมล์ที่ใช้ลงทะเบียนผู้ใช้งานใน Facebook), ข้อมูลการติดต่อระหว่างผู้ใช้บริการและบริษัทที่อยู่ในรูปแบบ ข้อความภาพ ไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (ภาพและ/หรือเสียง หรือการแสดงผลประเภทอื่นใด), ข้อมูลการทำรายการ, ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานทางแอพพลิเคชั่น, และข้อมูลที่ถูกบันทึกโดยคุกกี้ (Cookies) ตามที่จำเป็น |
| เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา และจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท | เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา และจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท |
2.ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเปิดเผย เหตุผลความจำเป็นในการเปิดเผย และประเภทของบุคคลที่จะได้รับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อให้ท่านได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดจากการให้บริการ และเพื่อให้บริษัทสามารถให้บริการแก่ท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ บริษัทอาจดำเนินการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเปิดเผย | เหตุผลความจำเป็นในการเปิดเผย | ฐานความชอบด้วยกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคล | ประเภทของบุคคลที่จะได้รับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล |
---|---|---|---|
ชื่อ-สกุล, หมายเลขโทรศัพท์, และที่อยู่ติดต่อ | เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการจัดส่งสินค้า | จำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท และเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา | บริษัทผู้ให้บริการจัดส่งสินค้า |
อีเมล์ และหมายเลขโทรศัพท์ | เพื่อการติดต่อและให้บริการ กับลูกค้า เช่น การตรวจสอบและแจ้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ การทำการตลาด และกิจกรรมส่งเสริมการขาย | จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา และเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท | บริษัทผู้ให้บริการ EDM และผู้ให้บริการส่ง SMS |
ชื่อ-สกุล, เบอร์โทร, ประวัติการทำรายการล่าสุด และข้อมูลการติดต่อระหว่างผู้ใช้บริการและบริษัทที่อยู่ในรูปแบบ ข้อความภาพ หรือไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (ภาพ และ/หรือเสียง หรือการแสดงผลประเภทอื่นใด) | เพื่อการติดต่อและให้บริการลูกค้าผ่านทางระบบ contact center | จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา และเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท | บริษัทผู้ให้บริการ contact center |
3. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
โปรดทราบว่าท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น มีสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ตามรายละเอียดที่ปรากฏในเอกสารแนบ
4. การติดต่อบริษัท
ท่านสามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ของท่านต่อบริษัทเพื่อใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนได้ที่ ศูนย์บริการ Call Center 1756
เอกสารแนบ สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังต่อไปนี้
1.สิทธิในการขอถอนความยินยอม
ในกรณีที่บริษัทมีการขอและได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อประโยชน์ในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการแจ้งขอถอนความยินยอมในการให้บริษัทใช้ข้อมูลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ
2.สิทธิในการขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจัดเก็บไว้
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้จัดเก็บไว้ได้ ทั้งนี้โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
3.สิทธิในการขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับจากแหล่งอื่น
ในกรณีที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง หากบริษัทจะใช้ข้อมูลดังกล่าวบริษัทจะดำเนินการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว (เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายยกเว้นให้ไม่ต้องแจ้ง) ในกรณีนี้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถสอบถามและขอให้บริษัทเปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
4.สิทธิในการขอรับ และขอให้บริษัทโอนย้าย หรือส่งต่อข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ในกรณีที่บริษัทมีการปรับให้ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้โดยอุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถส่งต่อได้โดยวิธีการอัตโนมัติ
การโอนย้ายหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อนี้ หมายถึงกรณีที่ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกจัดเก็บอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการส่งต่อนั้นสามารถทำได้ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ไม่รวมถึงการให้บริษัทเป็นผู้นำส่ง หรือจัดส่งข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอื่น
5. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ในกรณีต่อไปนี้
- หากการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นการเก็บรวบรวมได้โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือ
- กรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
6.สิทธิในการขอให้บริษัททำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเคยได้ให้ไว้กับบริษัทกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถใช้ระบุตัวตนได้
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งให้บริษัททำลายข้อมูลส่วนบุคคลของตน และ/หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนได้ให้ไว้กลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามวัตถุประสงค์
- เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
- เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล และบริษัทไม่มีเหตุผลที่จะใช้ปฏิเสธคำขอได้ หรือ
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
7.สิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ทันที ในกรณีดังต่อไปนี้
- เมื่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ในระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน หรือปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้เป็นข้อมูลปัจจุบันตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอาจถูกลบ หรือทำลายได้ แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแจ้งขอให้ระงับการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แทนการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นแล้ว แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ
- เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิจารณาการใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
8.สิทธิในการขอให้บริษัทปรับปรุงข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ และเป็นข้อมูลที่ตรงตามสภาพปัจจุบัน
ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ไว้กับบริษัท หรือที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งให้บริษัทดำเนินการแก้ไข ปรับปรุงข้อมูลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ
9.สิทธิในการร้องเรียนในกรณีที่พบว่ามีการฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพบว่าบริษัท และ/ หรือลูกจ้างของบริษัทมีการดำเนินการใดๆ ที่ฝ่าฝืนหรือไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องนั้นมายังบริษัท และ/หรือ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้ ตามที่รายละเอียดที่ปรากฏใน ข้อ 4 ของหนังสือฉบับนี้
อนึ่ง โปรดทราบว่าเมื่อบริษัทได้รับแจ้งความประสงค์ในการใช้สิทธิใดๆจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะพิจารณาคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไปทั้งนี้ภายในไม่เกิน [30 วัน] นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว ทั้งนี้บริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หากเป็นกรณีที่การใช้สิทธินั้นไม่เป็นไปตามข้อกำหนดตามกฎหมาย หรือหากบริษัทมีความจำเป็นและสิทธิตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำขอดังกล่าวได้