สมัคร สุนทรเวช
สมัคร สุนทรเวช | |
---|---|
นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 25 | |
ดำรงตำแหน่ง 29 มกราคม พ.ศ. 2551 – 9 กันยายน พ.ศ. 2551 (0 ปี 223 วัน) | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช |
รองนายกรัฐมนตรี | สมชาย วงศ์สวัสดิ์ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี สหัส บัณฑิตกุล สนั่น ขจรประศาสน์ สุวิทย์ คุณกิตติ โกวิท วัฒนะ มั่น พัธโนทัย |
รักษาการแทน | สมชาย วงศ์สวัสดิ์ |
ก่อนหน้า | สุรยุทธ์ จุลานนท์ |
ถัดไป | สมชาย วงศ์สวัสดิ์ |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม | |
ดำรงตำแหน่ง 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 – 9 กันยายน พ.ศ. 2551 (0 ปี 215 วัน) | |
นายกรัฐมนตรี | สมัคร สุนทรเวช |
ก่อนหน้า | พลเอก บุญรอด สมทัศน์ |
ถัดไป | สมชาย วงศ์สวัสดิ์ |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย | |
ดำรงตำแหน่ง 8 ตุลาคม พ.ศ. 2519 – 19 ตุลาคม พ.ศ. 2520 (1 ปี 11 วัน) | |
นายกรัฐมนตรี | ธานินทร์ กรัยวิเชียร |
ก่อนหน้า | หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช |
ถัดไป | พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ |
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร | |
ดำรงตำแหน่ง 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2543 – 28 สิงหาคม พ.ศ. 2547 (4 ปี 36 วัน) | |
ก่อนหน้า | พิจิตต รัตตกุล |
ถัดไป | อภิรักษ์ โกษะโยธิน |
หัวหน้าพรรคพลังประชาชน | |
ดำรงตำแหน่ง 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 – 30 กันยายน พ.ศ. 2551 (1 ปี 37 วัน) | |
ก่อนหน้า | สุภาพร เทียนแก้ว |
ถัดไป | สมชาย วงศ์สวัสดิ์ |
หัวหน้าพรรคประชากรไทย | |
ดำรงตำแหน่ง 9 มีนาคม พ.ศ. 2522 – พ.ศ. 2543 (29 ปี 266 วัน) | |
ถัดไป | สุมิตร สุนทรเวช |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 13 มิถุนายน พ.ศ. 2478 กรุงเทพฯ ประเทศไทย |
เสียชีวิต | 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 (74 ปี 164 วัน) กรุงเทพฯ ประเทศไทย |
ศาสนา | พุทธศาสนา |
พรรคการเมือง | พลังประชาชน (พ.ศ. 2551) ประชากรไทย (พ.ศ. 2522) ประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2511) |
คู่สมรส | คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช |
ลายมือชื่อ | ไฟล์:Thai-PM-samak signature.PNG |
สมัคร สุนทรเวช (13 มิถุนายน พ.ศ. 2478 – 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552) เป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 25 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าพรรคพลังประชาชน อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ก่อตั้งพรรคประชากรไทย เกิดที่กรุงเทพมหานคร เป็นนักการเมืองเก่าแก่ ที่มีเสียงพูดและลีลาการพูดเป็นเอกลักษณ์ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญมากมาย เช่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (2 สมัย) ได้ฉายาจากสื่อมวลชนทั่วไปว่า "น้าหมัก" "ออหมัก" หรือ "ชมพู่" (มาจากลักษณะจมูกของสมัคร) "ชาวนา" (จากกรณีกลุ่มงูเห่า) เป็นต้น
สมัครเริ่มทำงานหลังจบนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เป็นสื่อมวลชนสายการเมือง โดยเขียนบทความ และความคิดเห็น ทางการเมืองแบบไม่ประจำใน หนังสือพิมพ์สยามรัฐ, สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ และชาวกรุง ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 จนถึง 2516 เขียนบทความ การเมืองในหนังสือพิมพ์ประชาไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2517 จนถึง 2520 และเขียนบทความในคอลัมน์ประจำ "มุมน้ำเงิน" หนังสือพิมพ์เดลิมิเร่อร์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2521 จนถึง 2537
สมัครข้ามจากการเป็นสื่ออย่างเดียว มาเริ่มต้นชีวิตการเมืองโดยเข้าเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ปี 2511 ลงสมัครตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนขึ้นถึงระดับชาติ จนมามีบทบาทโดดเด่นช่วงปี 2519 จากการจัดรายการสถานีวิทยุยานเกราะ ที่มีเนื้อหาโจมตีบทบาทของ ขบวนการนักศึกษาในสมัยนั้น พร้อมทั้งปลุกระดมมวลชนให้เกลียดชังขบวนการนักศึกษา และ เป็นศูนย์กลางประสานงาน ถ่ายทอดกำหนดการ และคำสั่งเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านนักศึกษาใน เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
เมื่อสิ้นสุดเหตุการณ์ ใน พ.ศ. 2519 สมัครได้เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อม ๆ กับการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และใน พ.ศ. 2522 ได้ก่อตั้ง พรรคประชากรไทย และดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค มีฐานคะแนนเสียงหลักในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในเขตที่มีหน่วยทหารตั้งอยู่หนาแน่น
ความคิดและบทบาทของสมัคร มักสร้างกระแสมวลชน ทั้งสนับสนุนและคัดค้านได้อย่างกว้างขวางร้อนแรง ไม่ว่าจะเป็น เหตุการณ์ 6 ตุลา, พฤษภาทมิฬ, ไอเดียหนุนกระทงโฟม ไล่มาจนถึงการกล่าวโจมตีพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ทางรายการโทรทัศน์ เมื่อต้น พ.ศ. 2549
ประวัติ
สมัคร สุนทรเวชเป็นบุตรของ เสวกเอก พระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช; 2435–2521) กับคุณหญิงบำรุงราชบริพาร (อำพัน จิตรกร; 2445–2524) เป็นหลานลุงของ มหาเสวกตรี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) นายแพทย์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับพระราชทานนามสกุล "สุนทรเวช" และได้นำมาใช้เป็นนามสกุลร่วมกับบรรดาน้อง ๆ ของท่าน) และเป็นหลานตาของ มหาเสวกตรี พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) จิตรกรประจำราชสำนัก
สมัครเป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน ดังนี้
- พันเอก (พิเศษ) แพทย์หญิง มยุรี พลางกูร - อดีตรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
- เยาวมาลย์ ราชวังเมือง - ประกอบธุรกิจส่วนตัว
- พลอากาศเอก สมมต สุนทรเวช - อดีตที่ปรึกษาทหารอากาศ
- สมัคร สุนทรเวช
- มโนมัย สุนทรเวช - พนักงานรัฐวิสาหกิจ
- สุมิตร สุนทรเวช - นักการเมือง หัวหน้าพรรคประชากรไทย
สมัคร สมรสกับ คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช (สกุลเดิม: นาคน้อย) มีบุตรสาวฝาแฝดคือ กาญจนากร ไชยสาส์น และกานดาภา มุ่งถิ่น และเนื่องจากคุณหญิงสุรัตน์เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินของเครือเจริญโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ มาตั้งแต่ พ.ศ. 2505 สถานะการเงินจึงมั่นคงพอที่จะดูแลครอบครัวได้ สมัครจึงมิได้ทำงานประจำใด ๆ โดยทำงานการเมืองเพียงอย่างเดียว มาตั้งแต่ พ.ศ. 2516 อย่างไรก็ตา นายสมัครยังรับเป็นผู้จัดการมรดกตระกูลธรรมวัฒนะ ตามคำสั่งเสียของนางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ[1]
การถึงแก่อนิจกรรมและพิธีศพ
หลังพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัครเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์เนื่องจากป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ขั้วตับ โดยไม่เป็นที่เปิดเผยทางสื่อมวลชนมากนัก จนกระทั่งกฤษณะ ไชยรัตน์ พิธีกรรายการโทรทัศน์ เดินทางไปถ่ายทำรายการถึงโรงพยาบาล อาการป่วยของสมัครจึงเป็นที่เปิดเผยในวงกว้าง[2] ต่อมา สมัครจึงเดินทางไปรักษาต่อยังสหรัฐอเมริกา[3] และเดินทางกลับมารักษาตัวในประเทศไทยอีกครั้ง จนถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552[4] เวลา 08.48 น. สิริอายุได้ 74 ปี
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานโกศแปดเหลี่ยม น้ำหลวงอาบศพ และเครื่องอัฐบริขารทั้งหมด และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และพระราชทานพระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 7 คืน อนึ่ง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณ ศาลาบัณรศภาค วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
ต่อมา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 16.00 น. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ไปในการพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ซึ่งมีบุคคลสำคัญของประเทศ เดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก[5]
จากนั้น เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ภริยาของสมัคร พร้อมด้วยบุตรสาว บุตรเขย และญาติสนิทมิตรสหายจำนวนกว่า 300 คน เดินทางไปยังท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ เพื่อโดยสารเรือหลวงกระบุรีไปประกอบพิธีลอยอังคารอัฐิของสมัคร ณ บริเวณอ่าวสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ในการนี้ พลเรือโท ฆนัท ทองพูล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นผู้แทนกองทัพเรือต้อนรับพร้อมทั้งอำนวยการประกอบพิธี[6]
ประวัติการศึกษา
- ก่อนประถมศึกษา: โรงเรียนสตรีบางขุนพรหม[ต้องการอ้างอิง]
- ระดับประถมศึกษา: โรงเรียนเทเวศน์ศึกษา[ต้องการอ้างอิง]
- ระดับมัธยมศึกษา: โรงเรียนเซนต์คาเบรียล[7][8]
- ระดับอาชีวศึกษา: โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์[9]
- ระดับอุดมศึกษา: นิติศาสตรบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[ต้องการอ้างอิง]
ศึกษาเพิ่มเติม
- ประกาศนียบัตรวิชามัคคุเทศก์: คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[ต้องการอ้างอิง]
ประวัติการทำงาน
- พ.ศ. 2496: เจ้าหน้าที่สอนเครื่องลงบัญชีไฟฟ้า National Cash Registered Co.,Ltd. (พ.ศ. 2496–2497)
- พ.ศ. 2497: เสมียนแผนกรถยนต์ และภายหลังดำรงตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าแผนกเครื่องอะไหล่ Barrow Brown Co.,Ltd. (พ.ศ. 2497–2502)
- พ.ศ. 2502: ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกเครื่องอะไหล่ Loxley Bangkok Co.,Ltd. (พ.ศ. 2502–2504)
- พ.ศ. 2504: Free Lance Guide, World Travel Service Co.,Ltd. (พ.ศ. 2504–2506)
- พ.ศ. 2507: ผู้จัดการแผนกเครื่องอะไหล่ บริษัทเอื้อวิทยาพาณิชย์ จำกัด (พ.ศ. 2507–2509)
- พ.ศ. 2510: Dietary Aid, Fox Rever Rehabilitation Hospital, Chicago U.S.A. (พ.ศ. 2510–2511)
- พ.ศ. 2512: ผู้จัดการแผนกเครื่องอะไหล่ บริษัท เอื้อวิทยาพาณิชย์ จำกัด (พ.ศ. 2512–2513)
- พ.ศ. 2513: ผู้บริหารฝ่ายขาย John Deere Thailand Co.,Ltd. (พ.ศ. 2513–2514)
- พ.ศ. 2514: เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย (พ.ศ. 2514–2516)
- พ.ศ. 2516: ลาออกจากงานประจำและทำงานการเมืองอย่างเดียวเรื่อยมา เนื่องจากภรรยามีรายได้มั่นคงพอที่จะดูแลครอบครัวแล้ว
ประวัติทางการเมือง
สมัครเริ่มต้นชีวิตการเมืองโดยสมัครเข้าเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ พ.ศ. 2511 เริ่มลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาเทศบาลกรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2514 และลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งแรกใน พ.ศ. 2518 ในชีวิตการเมืองเคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง สรุปประวัติทางการเมืองได้ดังนี้
- พ.ศ. 2511: เข้าเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2511–2519)
- พ.ศ. 2514: สภาเทศบาลนครกรุงเทพมหานคร (ได้รับเลือกตั้ง เมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2514)
- พ.ศ. 2516: ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ใน พ.ศ. 2516[10]
- พ.ศ. 2518: สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (มกราคม 2518)
- รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาล หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช 2 (15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 – 13 มีนาคม พ.ศ. 2518)
- พ.ศ. 2519: สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เมษายน 2519)
- รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช 3 (20 เมษายน พ.ศ. 2519 – 23 กันยายน พ.ศ. 2519)
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2519–2520) ในรัฐบาล ธานินทร์ กรัยวิเชียร (8 ตุลาคม พ.ศ. 2519 – 19 ตุลาคม พ.ศ. 2520)
- พ.ศ. 2522: ก่อตั้งพรรคประชากรไทย และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เมษายน 2522)
- ประธานคณะกรรมาธิการการคลัง และสถาบันการเงิน (พ.ศ. 2523–2526)
- พ.ศ. 2526: สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เมษายน 2526)
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ 2 (30 เมษายน พ.ศ. 2526 – 5 สิงหาคม พ.ศ. 2529)
- พ.ศ. 2529: สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (กรกฎาคม 2529)
- ประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง (พ.ศ. 2529–2531)
- พ.ศ. 2531: สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (กรกฎาคม 2531)
- ประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ (พ.ศ. 2531–2533)
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ (9 ธันวาคม พ.ศ. 2533 – 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534)
- พ.ศ. 2535: สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (มีนาคม 2535 – กันยายน 2535)
- รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พลเอก สุจินดา คราประยูร (7 เมษายน พ.ศ. 2535 – 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535)
- ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม (พ.ศ. 2535–2538)
- พ.ศ. 2538: สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (กรกฎาคม 2538)
- รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล บรรหาร ศิลปอาชา (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 – 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539)
- พ.ศ. 2539: สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (พฤศจิกายน 2539)
- รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ (25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 – 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540)
- พ.ศ. 2543: ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พ.ศ. 2543–2547)
- พ.ศ. 2550: รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2550 – 30 กันยายน 2551)
- พ.ศ. 2551: นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย (29 มกราคม – 9 กันยายน พ.ศ. 2551)
การดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
สมัคร สุนทรเวช ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จากการเลือกตั้ง พ.ศ. 2543 ด้วยคะแนนเสียง 1,016,096 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนเสียงมากที่สุด นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยผู้ได้คะแนนอันดับ 2 คือ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทย ไดัรับคะแนนเสียงเพียง 521,184 คะแนน
สมัคร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระหว่าง พ.ศ. 2543-2547 นับเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนที่ 13 และเป็นคนที่ 5 ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่หลังจากพ้นตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คดีเรื่องการทุจริตกรณีจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิง ก็ยังมีการดำเนินการตรวจสอบจนถึงปัจจุบัน[11]
การเลือกตั้งวุฒิสภา 2549
หลังพ้นตำแหน่ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อครบวาระ 4 ปี สมัครตัดสินใจไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สมัยที่ 2 แต่เบนเข็มมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2549
ผลการนับคะแนน สมัคร สุนทรเวช ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ด้วยคะแนนเสียง เป็นอันดับสองของประเทศ รองจาก ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ ที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับที่ 1 แต่ ร.ต.อ.นิติภูมิ ยังไม่ทันได้รับการรับรองตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา จาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง เนื่องจากมีผู้ร้องเรียน เรื่องการไปขึ้นเวทีปราศัยของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่อาจถือได้ว่าเป็นการ "หาเสียง" และขัดต่อกฎหมายเลือกตั้ง ก่อนที่จะมีการชี้ขาดเรื่องดังกล่าว การเลือกตั้งวุฒิสภา พ.ศ. 2549 ก็ได้ถูกยกเลิก เนื่องจากเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ทำให้สมัครต้องพ้นจากตำแหน่ง โดยไม่มีโอกาสได้ปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 25
การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ ให้สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีในวันเดียวกัน[12] มียงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ สมัคร ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อีก 1 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นพลเรือนคนที่ 3 ที่ดำรงตำแหน่งนี้ แต่ยังถูกกล่าวหาจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถึงการดำรงตำแหน่งของสมัคร สุนทรเวช นี้ว่าเป็นนอมินี (ตัวแทน) ของ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกในข้อหาลงนามชื่อยินยอมให้ภรรยาซื้อที่ดินตามกฎหมาย
ต่อมาวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551 ชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญพร้อมองค์คณะ ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในกรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภาและคณะกรรมการการเลือกตั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรีของสมัคร ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 267 ประกอบมาตรา 182 (7) เนื่องจากรับเป็นพิธีกรกิตติมศักดิ์ ของรายการ “ชิมไปบ่นไป” และ “ยกโขยง 6 โมงเช้า” ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง เห็นว่า สมัครกระทำต้องห้ามขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 267 เรื่องคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี จึงทำให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของสมัครสิ้นสุดลง แต่ให้คณะรัฐมนตรีรักษาการไปจนกว่าจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2556 วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ หนึ่งในองค์คณะฯ ได้ออกมาเปิดเผยว่าการตัดสินคดีของนายสมัครนั้นมีความผิดพลาด เพราะองค์คณะฯต้องรีบทำคำวินิจฉัยให้เสร็จทันในวันตัดสินคดี คำวินิจฉัยในคดีของนายสมัครถือเป็นคำวินิจฉัยที่ผิดหลักการ เพราะนำข้อกฎหมายขึ้นก่อน[13]
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2551 สมัครยังได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชนอย่างไม่เป็นทางการ (ยังไม่มีเอกสารยื่นใบลาออก) โดยให้เหตุผลว่า ได้ทำหน้าที่หัวหน้าพรรคและรักษาระบอบประชาธิปไตยอย่างดีที่สุดแล้ว จึงขอยุติบทบาททางการเมือง ส่วนการดำเนินการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ให้ขึ้นอยู่กับพรรค
การปฏิบัติงาน
- เสนอนโยบายการผันแม่น้ำโขงผ่านอุโมงค์ โดยการสร้างใช้หัวเจาะกระสุนกันน้ำซึมเข้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเจาะอุโมงค์แบบรถไฟใต้ดิน คาดว่าปริมาณแม่น้ำโขงจะไหลผ่านอุโมงค์นี้ และแจกจ่ายไปตามโครงข่ายลำน้ำอื่น ๆ เป็นการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเพื่อการเกษตรและการอุปโภคในภาคอีสาน ภายใต้ความเชื่อที่ว่า "ถ้าอีสานมีน้ำ อีสานหายจน"[14]
- รื้อฟื้นนำโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่รัฐบาลทักษิณทำไว้กลับมาใช้อีกครั้ง[15]
- เสนอแนวคิดสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่
ความมั่นคง
- การประนีประนอมกับทหาร โดยสมัคร กล่าวว่า มีความตั้งใจที่จะออกพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 อยู่แล้ว และจะไม่เข้าไปแทรกแซงจัดการเรื่องโผการโยกย้ายนายทหาร โดยจะปล่อยให้ทางทหารนั้นจัดการกันเอง ซึ่งทำให้ทางทหารแสดงท่าทีเป็นมิตรกับสมัครด้วย[16]
- เสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเน้นหนักในเรื่องการสร้างความเข้าใจ ความเป็นธรรม การพัฒนาการศึกษา พัฒนาเจ้าหน้าที่ของรัฐให้มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการปฏิบัติงาน และการสร้างความปลอดภัยในพื้นที่[17]
เศรษฐกิจ
- ยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30%[18]
- ลดราคาสินค้าหมูเนื้อแดงขายจาก 120 บาท ต่อ กก. เหลือเพียง 98 บาท ต่อ กก.[19]
- มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ[20]
- มาตรการ 6 มาตรการ 6 เดือน ช่วยคนจน ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายประชานิยมโดยการทำเงินภาษีมาเพื่อช่วยเหลือประชาชน จนรัฐบาลที่นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ขยายเวลาเพิ่มในเวลาต่อมา
สิทธิมนุษยชน
- ใช้นโยบายปราบปรามยาเสพติดขั้นเด็ดขาด
- เสนอให้มีเปิดการบ่อนกาสิโนอย่างถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งก็ได้รับทั้งความเห็นชอบและคัดค้านจากหลาย ๆ ฝ่ายเป็นอย่างมาก[21]
ข้อวิพากษ์วิจารณ์
คดีหมิ่นประมาทดำรง ลัทธพิพัฒน์
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 ดำรง ลัทธพิพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน ในรัฐบาล พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ถึงแก่กรรมโดยการประกอบอัตวินิบาต ขณะกำลังเดินทางไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากปัญหาความเครียดส่วนตัว ต่อมาสมัคร ซึ่งถูกปรับออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อ พ.ศ. 2529 กลายเป็นฝ่ายค้าน ได้เขียนบทความว่า ดำรงยิงตนเองให้ถึงแก่ความตายเพื่อหนีความผิดค้าเฮโรอีนข้ามประเทศ สมศรี ลัทธพิพัฒน์ (เกตุทัต) ภรรยาของดำรง[22] มอบหมายให้บัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความ ฟ้องหมิ่นประมาทสมัคร สุนทรเวช[23] ศาลฎีกาตัดสินเมื่อเดือนธันวาคม 2531[24] ว่า สมัครมีความผิดตามฟ้อง ให้จำคุก 6 เดือน แต่ให้รอลงอาญาไว้ และปรับ 4,000 บาท ทั้งให้โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ 7 วัน[25]
กรณีคำแถลงปลอม
เมื่อ พ.ศ. 2530 สมัคร สุนทรเวช ถูกปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในคณะรัฐมนตรีคณะที่ 43[26] และได้อภิปรายไม่ไว้วางใจจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ (คณะรัฐมนตรีคณะที่ 44) เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2530 สมัครอภิปรายกล่าวหาว่า จิรายุรับสินบนโดยนำสำเนาคำแถลงแสดงการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเฟิสต์ อินเตอร์สเตตในสหรัฐอเมริกา มาแสดงในสภาและอภิปรายว่ามีชื่อของจิรายุเป็นเจ้าของบัญชีดังกล่าว ซึ่งมีรายการโอนเงินค่าสินบน เป็นจำนวนเงิน 92 ล้านบาท[25] จิรายุได้ปฏิเสธและระบุว่าข้อกล่าวหาของสมัครเป็นเท็จและตนไม่เคยมีบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกา
ต่อมา จากการตรวจสอบโดยคณะกรรมการวิสามัญตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎร ผ่านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พบว่า คำแถลงที่สมัครนำมาแสดงนั้นเป็นของปลอม และจิรายุไม่เคยมีบัญชีเงินฝากในธนาคารนั้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีการดำเนินการทางกฎหมายใด ๆ กับสมัคร เนื่องจากมีกฎหมายให้เอกสิทธิ์คุ้มครองสมาชิกรัฐสภาในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ[27] ต่อมา สมัครได้ยอมรับว่า ได้นำเอกสารเท็จมาแสดงในการอภิปรายในครั้งนั้นจริง[28]
การจัดรายการโทรทัศน์
สมัคร ร่วมจัดรายการ สนทนาปัญหาบ้านเมือง ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอ็มวีหนึ่ง (MV1) ซึ่งถูกโจมตีโดยฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นสื่อที่เข้าข้าง พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตรและหลังจากที่มีการปฏิวัติโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สมัคร สุนทรเวช ได้เลิกรายการของตนไป
ก่อนหน้านั้น สมัครได้จัดรายการ "สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน" ร่วมกับดุสิต ศิริวรรณ ในเวลา 11.00 น. ทุกวันจันทร์–ศุกร์ ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ระยะเวลา 30 นาที ซึ่งสมัครได้กล่าวว่า พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ "เลือกข้างใช่ไหม" จนก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และไม่พอใจของหลายฝ่าย นาวาตรี ประสงค์ สุ่นศิริ กล่าวว่า พลเอก เปรม เป็นที่เคารพของหลายฝ่าย และเป็นถึงประธานองคมนตรี[29] ทำให้สมัครขอยุติรายการดังกล่าวไปด้วยตนเอง
คดีหมิ่นประมาทอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
สมัคร และ ดุสิต ศิริวรรณ ซึ่งร่วมกันจัดรายการโทรทัศน์ "เช้าวันนี้ที่ช่อง 5" ทาง ททบ.5 และ "สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน" ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ถูกสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในขณะนั้น เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา โดยทั้งสองกล่าวหาว่า สามารถทุจริตในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของกรุงเทพมหานครในรายการโทรทัศน์[30]
ศาลวินิจฉัยว่า การกระทำของทั้งคู่เป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจริง ทั้งนี้ สมัครได้เคยกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทมาแล้วหลายครั้ง โดยศาลปรานีให้รอการลงโทษไว้เพื่อให้ปรับตัวเป็นคนดี แต่สมัครกลับกระทำผิดซ้ำในความผิดเดิมอีก ศาลสั่งจำคุกสมัคร สุนทรเวช และดุสิต ศิริวรรณ รวม 4 กระทง กระทงละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา[31]
25 กันยายน พ.ศ. 2551 ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกสมัคร และดุสิต 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ทั้งคู่ใช้เงินสด 200,000 บาท ประกันตัวไป
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ศาลสั่งให้จำหน่ายคดีของสมัคร สุนทรเวช เนื่องจากถึงแก่ความตาย สำหรับกรณีของดุสิต ศิริวรรณ นั้น ศาลฎีกาพิพากษาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2556 ให้แก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นให้รอการกำหนดโทษ เนื่องจากการกระทำของดุสิตตามที่โจทก์ฟ้องนั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม นอกจากนี้ ดุสิตได้ประกอบคุณงามความดี ตลอดจนไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน คำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ที่พิพากษาให้ลงโทษจำคุกดุสิตนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยจึงพิพากษาแก้ให้รอการกำหนดโทษเป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56[32]
เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
เกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 สมัครได้เคยกล่าวไว้ในรายการ สมัคร–ดุสิต คิดตามวัน ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นมีคนตายเพียงคนเดียว และคนนั้นเป็นญวนอีกด้วย ซึ่งสมัครได้ย้ำอีกครั้ง ในการให้สัมภาษณ์กับ แดน ริเวอส์ ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น ออกอากาศเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551[33][34] และยังกล่าวอีกว่า "ผมบอกว่า ถ้าผมเป็นคนเลวมาไม่ได้ไกลขนาดนี้หรอก ถ้าผมเป็นคนเกี่ยวข้องไม่ได้รับการสนับสนุนให้เดินหน้ามาถึงป่านนี้หรอก"[35]
บทบรรณาธิการของบางกอกโพสต์[36] กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ของสมัครว่าไม่ได้เป็นเพียงแค่ปฏิเสธว่าตนไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เท่านั้น เขายังปฏิเสธว่าการสังหารหมู่ไม่ได้เกิดขึ้นอีกด้วย ทั้งที่มีภาพถ่ายเป็นหลักฐานแสดงว่ามีผู้เสียชีวิตหลายคน และสมัครเองก็ทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น เนื่องจากเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการปลุกเร้าให้ต่อต้านคอมมิวนิสต์ อันนำไปสู่การสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ [37]
ประเด็นนี้ ได้กลายเป็นประเด็นสาธารณะที่มีวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว ในวันที่รัฐบาลแถลงนโยบายในรัฐสภาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 สมัครก็ได้ตอกย้ำสิ่งที่ตนพูดอีกครั้ง ซึ่งเป็นการตอบโต้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ ชวน หลีกภัย ฝ่ายค้าน พร้อมกับกล่าวว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการปิดหนังสือพิมพ์หลังเหตุการณ์นี้ และได้สาบานด้วยว่า ถ้าสิ่งที่ตนพูดไม่เป็นความจริง ขอให้ตนพบกับความวิบัติ ถ้าไม่จริง ขอให้เจริญรุ่งเรือง[38][39]
อีกทั้งสมัครยังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 แต่อย่างใด ขณะที่สื่อมวลชนรายหนึ่ง ได้โชว์รูปถ่ายที่สมัครยืนอยู่ข้างหลัง จอมพล ประภาส จารุเสถียร ในครั้งนั้นแล้วชี้ให้สมัครดู แต่สมัครปฏิเสธว่าไม่เคยเห็นรูปดังกล่าวมาก่อน
ต่อมาในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 “แม่ลูกจันทร์” แห่งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยืนยันว่าภาพดังกล่าวถ่ายไว้ก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ถึง 4 ปี โดยเป็นภาพถ่ายเมื่อ เมื่อ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 ขณะเกิดเหตุการณ์ ผู้ก่อการร้ายปาเลสไตน์ กลุ่มแบล็กเซปเทมเบอร์ บุกยึด สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล ถนนชิดลม และจับเจ้าหน้าที่สถานทูตเป็นตัวประกัน ยื่นเงื่อนไขให้รัฐบาลอิสราเอลปล่อยโจรปาเลสไตน์ที่ถูกจับกุม ภายใน 12 ชั่วโมง ขณะนั้น จอมพล ถนอม กิตติขจร เป็น นายกรัฐมนตรี และ จอมพล ประภาส จารุเสถียร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยที่ สมัคร สุนทรเวช ขณะนั้นเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอล ทำหน้าที่ประสานงานในเหตุการณ์ และ "แม่ลูกจันทร์" เป็นนักข่าวการเมืองที่อยู่ในเหตุการณ์ รูปดังกล่าวจึงไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519[40]
ประเวทย์ บูรณะกิจ อดีตสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงสมัคร สุนทรเวช โดยระบุว่า ขณะที่สมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย[41] สมัคร สุนทรเวช จะเป็นผู้พิจารณาว่า จะอนุญาตให้เปิดหนังสือพิมพ์หรือไม่ สมัคร สุนทรเวช สั่งปิดหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ[42] และสมัครเป็นผู้พิจารณาใบอนุญาตเปิดหนังสือพิมพ์ ซึ่งเงื่อนไขคือหนังสือพิมพ์ต้องไม่เสนอข่าวที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล โดยอาศัยอำนาจคำสั่งปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 42
สมัคร สุนทรเวช ยัง สั่งให้ ประเวทย์ บูรณะกิจ กับหัวหน้าข่าวอีก 2 คนหลุดจากตำแหน่ง คนหนึ่งคือ พินิจ[ใคร?] ย้ายไปอยู่หน้าข่าวเด็ก กับวิรัติ สิริชุมแสง คนนี้ยื่นใบลาออกเอง ผมถูกสั่งห้ามทำข่าวหน้าหนึ่งให้ตั้งคนอื่นมาแทน เพื่อจะได้นำเสนอข่าวตามที่เขาต้องการ
ความขัดแย้งกับ พลตรี จำลอง ศรีเมือง
สมัครถือเป็นนักการเมืองที่เป็นเสมือน "คู่รักคู่แค้น" กับ พลตรี จำลอง ศรีเมือง อดีตหัวหน้าพรรคพลังธรรม และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาโดยตลอด โดยความขัดแย้งของทั้งคู่มีมาตั้งแต่สมัยที่ พลตรี จำลอง เป็นเลขาธิการ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น สมัครเป็นผู้ที่สนับสนุนกฎหมายทำแท้งเสรี แต่ พลตรี จำลอง เป็นผู้คัดค้าน จนในที่สุดกฎหมายฉบับนี้ก็ไม่ผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภา หลังจากนั้นเมื่อทั้งคู่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีฐานเสียงในกรุงเทพมหานครเหมือนกัน พลตรี จำลอง เมื่อลงรับสมัครเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่สามารถเอาชนะผู้สมัครจากพรรคประชากรไทยของสมัครได้อย่างขาดลอยถึง 2 ครั้ง ต่อมาในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 สมัครเป็นหัวหน้าพรรคประชากรไทยที่สนับสนุน พลเอก สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรี หรือที่เรียกกันว่า "พรรคมาร" ขณะที่ พลตรี จำลอง เป็นผู้นำในการประท้วง พลเอก สุจินดา และเมื่อสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี พลตรี จำลอง ก็ยังเป็นแกนนำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ชุมนุมต่อต้านการดำรงตำแหน่งของสมัครอีก[43][44]
ความสนใจ
สัตว์เลี้ยง
นับได้ว่าสมัครเป็นบุคคลที่ชื่นชอบแมวมากที่สุดคนหนึ่ง เขาเริ่มเลี้ยงแมวตั้งแต่วัยเด็ก และเคยเลี้ยงแมวหลายตัวด้วยกัน โดยแมวตัวที่สมัครรักที่สุดมีชื่อว่า เหวิน เหวิน ซึ่งเมื่อเหวิน เหวินตายจากไปสมัครก็ได้ประพันธ์กลอนสุภาพ จำนวน 3 บท ไว้ดังนี้[45]
ถึงเหวินจะเป็นแมวแถวถนน แต่ทุกคนรักเจ้าเฝ้าถามหา ให้กินข้าวเช้าเย็นเป็นเวลา อยู่กันมาผูกพันนานหลายปี
เมื่อยามเจ้ายังสบายได้เชยชม เจ้าป่วยไข้ทรุดโทรมไม่สุขี รักษาเจ้ารอดตายได้ทุกที มาครั้งนี้โรครุมหนักจำจากไป
ถึงเป็นแมวก็แมวดีกว่าที่เห็น เคยล้อเล่นอุ้มชูรู้นิสัย แม้จากกันเจ้ายังอยู่คู่หัวใจ รักแมวไหนไม่เกินเจ้าเหวินเอย
โภชนาการ
สมัครเป็นบุคคลที่ชอบจ่ายตลาด และทำอาหารมาก โดยเป็นผู้ดำเนินรายการ ชิมไปบ่นไป ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และ ยกโขยง 6 โมงเช้า ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 (เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเวลาต่อมา) ในขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อได้เดินทางไปต่างประเทศสมัครมักจะใช้เวลาช่วงเช้าก่อนเริ่มพิธีการในการจ่ายตลาด และดูความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศนั้น ๆ[46] นอกจากนี้สมัครยังเคยทำข้าวผัดให้แก่ทหารในบริเวณชายแดนด้วย
รางวัลและเกียรติยศ
สมัคร สุนทรเวช ได้รับพระราชทานยศกองอาสารักษาดินแดนเป็น นายกองใหญ่สมัคร สุนทรเวช เมื่อ พ.ศ. 2519[47]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2517 -เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นตริตาภรณ์มงกุฏไทย (ต.ม.)
- พ.ศ. 2518 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)
- พ.ศ. 2519 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
- พ.ศ. 2520 - เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 2[48]
- พ.ศ. 2522 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นประถมาภรณ์มงกุฏไทย (ป.ม.)
- พ.ศ. 2524 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
- พ.ศ. 2526 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาประมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
- พ.ศ. 2527 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.)[49]
- พ.ศ. 2527 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฏ (ม.ว.ม.)
- พ.ศ. 2539 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นปฐมดิเรกคุณาภรณ์ (ป.ภ.)[50]
- พ.ศ. 2545 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษฝ่ายหน้า (ท.จ.ว.)[51]
ผลงาน
- เขียนบทความ และความคิดเห็นทางการบ้านการเมืองแบบไม่ประจำใน สยามรัฐ, สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ และชาวกรุง ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ถึง พ.ศ. 2516
- เขียนบทความการเมืองในหนังสือพิมพ์ประชาไทย (พ.ศ. 2517–2520)
- เขียนบทความในคอลัมน์ประจำ (มุมน้ำเงิน) หนังสือพิมพ์เดลิมิเร่อร์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2521 จนถึง พ.ศ. 2537
- ผู้ดำเนินรายการ ชิมไปบ่นไป
- ผู้ดำเนินรายการ ยกโขยง 6 โมงเช้า ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
- ผู้ดำเนินรายการ อร่อย..ไม่ปรึกษา ทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี
- ผู้ดำเนินรายการ เช้าวันนี้..ที่เมืองไทย ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5
- ผู้ดำเนินรายการ สมัคร ดุสิต คิดตามวัน ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี
- ผู้ดำเนินรายการ สนทนาประสาสมัคร ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
ผลงานทางด้านการบริหารประเทศ
- โครงการถนนวงแหวน
- ตัวเลขบอกเวลาสัญญาณไฟจราจร
ผลงานหนังสือ
- สมัคร สุนทรเวช พูด. (ม.ป.ท.), (ม.ป.ป.).
- สันดานหนังสือพิมพ์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์บูรพาศิลป์, 2520.
- การเมืองเรื่องตัณหา. กรุงเทพฯ: บูรพาศิลปการพิมพ์, 2521.
- จวกลูกเดียว. กรุงเทพฯ: เบญจมิตร, 2522.
- จากสนามไชยถึงสนามหลวง. (ม.ป.ท.), 2522.
- การเมืองเรื่องตัณหา 2. (ม.ป.ท.), 2532.
- เรื่องไม่อยากเล่า. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มิตรสัมพันธ์ กราฟิกอาร์ต, 2530. (พิมพ์ครั้งหลัง: ฐากูรพับลิชชิ่ง, 2543. ISBN 978-974-85986-2-8)
- สมัคร ๖๐. กรุงเทพฯ: ซี.พี.การพิมพ์, 2538.
- ชิมไปบ่นไป. กรุงเทพฯ: อมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์, 2543. ISBN 978-974-387-054-5
- คนรักแมว. กรุงเทพฯ: เนชั่นบุ๊คส์, 2547. ISBN 978-974-8280-21-9
- จดหมายเหตุกรุงเทพฯ. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2547. ISBN 978-974-272-920-2
- ใคร ๆ ก็ชอบไทยฟู้ด. กรุงเทพฯ: ครัวบ้านและสวน, 2548. ISBN 978-974-387-048-4
- สมัคร สุนทรเวช และ ดุสิต ศิริวรรณ. ตำนานหนองงูเห่า และการเมืองเรื่อง CTX. กรุงเทพฯ: 2548. ISBN 978-974-93447-5-0
อ้างอิง
- ↑ “สนธิ” แฉ “หมัก” ยังรับจัดการมรดก “ธรรมวัฒนะ” - ตั้งลูกสาวรับเงินแทน
- ↑ สมัคร ผ่ามะเร็งที่ขั้วตับ กลับบ้านหลัง 25 ต.ค.
- ↑ สมัคร สุนทรเวชป่วยเป็นมะเร็งขั้วตับ
- ↑ สมัคร สุนทรเวช ถึงแก่อนิจกรรม
- ↑ พิธีพระราชทานเพลิงศพ "สมัคร สุนทรเวช" ข่าวจากมติชนออนไลน์
- ↑ กองทัพเรือ จัดเรือหลวงกระบุรี ลอยอังคารอัฐิ "สมัคร สุนทรเวช" ข่าวจาก มติชนออนไลน์
- ↑ รายชื่อศิษย์เก่าของสถาบันในเครือมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลฯ นิตยสารผู้จัดการ 360°
- ↑ งานเชิดชูเกียรติชาวเซนต์คาเบรียล ฯพณฯ สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
- ↑ ศิษย์เก่าดีเด่น โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชยการ หน้า 5
- ↑ พระบรมราชโองการ แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
- ↑ 'คตส.'ยันหลักฐานคดีรถดับเพลิงมัด'สมัคร'ไม่ใช่เลือกปฏิบัติ
- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี (สมัคร สุนทรเวช) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนพิเศษที่ 23ง วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551
- ↑ ปธ.ศาลรธน.ยอมรับ คำวินิจฉัย ชิมไปบ่นไป พลาด!
- ↑ Samak's Mekong plan could hurt trade ties
- ↑ http://www.bangkokpost.com/News/25Feb2008_news02.php
- ↑ จากมติชน 10 กุมภาพันธ์ 2551 หน้า 10 คอลัมน์ การเมือง
- ↑ เว็บไซต์กระทรวงมหาดไทย
- ↑ เบญจพร วงศ์. ยกเลิกกันสำรอง 30%ปลดล็อกเศรษฐกิจแล้วปลด (ล็อก) อะไรอีก?. กรุงเทพฯ: เนชั่นสุดสัปดาห์, 2551.
- ↑ เว็บไซต์กระทรวงพาณิชย์
- ↑ http://www.mof.go.th/News2008/014.pdf
- ↑ “หมัก” ฟิวส์ขาด ลั่นไม่บ้าพอแก้ รธน.ตั้งกาสิโน
- ↑ นิตยสารผู้จัดการ ฉบับที่ 2 เดือนกันยายน 2526
- ↑ เปิดใจ "บัณฑิต ศิริพันธุ์" ขอทำงานเพื่อความถูกต้อง หนังสือพิมพ์แนวหน้า 14 กันยายน 2550
- ↑ [1] คำพิพากษาศาลฎีกาจำคุก สมัคร 6 เดือนฐานหมิ่นประมาทดำรง, สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ (26 ก.พ.-4 มี.ค.32), (5-11 มี.ค.32)
- ↑ 25.0 25.1 กองบรรณาธิการมติชน. 289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์มติชน พ.ศ. 2521-2549. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มติชน, พ.ศ. 2549. 424 หน้า. ISBN 974-323-889-1
- ↑ คณะรัฐมนตรีคณะที่ 43
- ↑ คอลัมน์ เรียงคนมาเป็นข่าว สำเนาจาก มติชน 25 ตุลาคม 2550
- ↑ วิวาทะ สมัคร-ปชป. ซัดกันนัว สำเนาจาก คมชัดลึก 25 มิถุนายน 2551
- ↑ http://board.dserver.org/u/uthaisak/00006286.html
- ↑ สองคู่หูกอดคอกันตาย 'ศาลสั่งจำคุก 2ปี' จาก กรุงเทพธุรกิจ 12 เมษายน พ.ศ. 2550
- ↑ คำพิพากษา สมัคร สุนทรเวช /ดุสิต ศิริวรรณ สำเนาจาก ผู้จัดการออนไลน์ 12 เมษายน 2550
- ↑ อ้างอิงจาก: คำพิพากษาฎีกาที่ 7251/2556 วันที่ 27 พฤษภาคม 2556 คดีระหว่างนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ โจทก์ สมัคร สุนทรเวช ที่ 1 นายดุสิต ศิริวรรณ ที่ 2 จำเลย[ระบุข้อมูลทางบรรณานุกรมไม่ครบ]
- ↑ Samak and The Nation
- ↑ 'หมัก'ยัน 6ตุลาฯไม่มีใครตายเว้นคนเดียวถูกเผา-หลักฐานภาพถูกฆ่าโหดเหี้ยมหลายศพ
- ↑ “หมัก” ดื้อ! อ้างข้อมูล 6 ตุลา ถูกบิดเบือน ลั่นถ้าเลวไม่มายืนตรงนี้
- ↑ Samak shocks, shames nation, เรียกดูเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2551
- ↑ http://www.asiasentinel.com/index.php?option=com_content&task=view&id=1047&Itemid=31
- ↑ “หมัก” ฉุนแตก! โดน “มาร์ค” แฉปิดสื่อมากสุดหลัง 6 ตุลาฯ
- ↑ คนเดือนตุลาหยัน “สมัคร” สาบานกลางสภาสุดน่ารังเกียจ
- ↑ http://www.thairath.co.th/news.php?section=hotnews03&content=80109
- ↑ http://www.tja.or.th/index.php?option=com_content&view=article&id=3785%3A2015-06-24-09-16-02&catid=33%3Amyth-news-people&Itemid=15
- ↑ http://thaipublica.org/2013/10/former-president-of-tja-criticized-media/
- ↑ “พล.ต.จำลอง” เผยตำนานการต่อสู้กับ “สมัคร” ชนะตลอด! จากผู้จัดการออนไลน์
- ↑ การเมืองยุคย้อนยุค จากมติชน
- ↑ อีกมุมของ'สมัคร สุนทรเวช'
- ↑ เรื่องน่ารู้ของสมัคร สนุทรเวช
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2519/D/158/18.PDF
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๙๔, ตอน ๑๓๑ ง ฉบับพิเศษ, ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๐, หน้า ๑
- ↑ แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 101 ตอนที่ 67 วันที่ 24 พฤษภาคม 2527
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๑๓, ตอน ๒๒ ข เล่ม ๐๐๓, ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙, หน้า ๒ ลำดับที่ ๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า [สำนักนายกรัฐมนตรี], เล่ม ๑๑๙, ตอน ๗ ข ฉบับทะเบียนฐานันดร, ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕, หน้า ๑
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
- ประวัติสมัคร สุนทรเวช จากเว็บไซต์สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
- ประวัติสมัคร สุนทรเวช จากเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลนักการเมือง ThaisWatch.com
- ทีมข่าวหนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน. ปาก..สมัคร พูดอะไร 2 วันก่อนรัฐประหาร 19 กันยา. กรุงเทพฯ: วัฏฏะ, 2550. ISBN 978-974-09-2204-9
- ถนอมศักดิ์ จิรายุสวัสดิ์. สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ 25. กรุงเทพฯ: อักษรสุดา, 2551. ISBN 978-974-7814-51-4
- สำเนาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ http://viriya.sru.ac.th/e131/e158/e542
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2478
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2552
- บุคคลจากกรุงเทพมหานคร
- ชาวไทยเชื้อสายจีน
- นักการเมืองไทย
- นายกรัฐมนตรีไทย
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไทย
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมไทย
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทย
- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร
- สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร
- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยแบบสัดส่วน
- สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
- พรรคประชาธิปัตย์
- พรรคประชากรไทย
- พรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2541)
- แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
- ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
- บุคคลจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล
- บุคคลจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- นักหนังสือพิมพ์ชาวไทย
- บรรณาธิการหนังสือพิมพ์
- นักพูด
- พิธีกรไทย
- นักโภชนาการ
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช.
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม.
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.ภ.
- สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ท.จ.ว. (ฝ่ายหน้า)
- สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร.2
- บุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลา
- เสียชีวิตจากมะเร็งตับ
- สกุลสุนทรเวช
- รองนายกรัฐมนตรีไทย
- ผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน
- เชฟชาวไทย
- มัคคุเทศก์